AirPods Pro เป็นหูฟังไร้สาย True Wireless แบบ In-Ear รุ่นแรกของตระกูล AirPods ที่ทาง Apple ได้ผลิตออกมา หูฟังตัวนี้ไม่ได้ถูกประกาศที่งานอีเวนท์ใด ๆ แต่ทาง Apple ก็ได้นำออกมาวางขายเลย ก่อนหน้านี้มีเพียงข่าวลือและภาพหลุดของกล่องชาร์จเท่านั้น
รีวิว AirPods Pro ฉบับเต็ม – เสียงดี ตัดเสียงเยี่ยม In-Ear ใส่ไม่ปวดหู
AirPods Pro เปิดตัวเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2019 เริ่มวางขายครั้งแรกเมื่อ 30 ต.ค. 2019 ในกลุ่มประเทศแรก สำหรับประเทศไทยนั้นได้เปิดให้สั่งซื้อผ่าน Apple Store Online เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2019 และจะเริ่มวางจำหน่ายที่หน้าร้าน 14 พ.ย. 2019 เป็นต้น เรามาชมรีวิวหูฟัง AirPods Pro รุ่นล่าสุดตัวนี้กันเลยครับ ว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง พร้อมทั้งประเด็นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เจาะลึกให้ได้ทราบกันครับ
หัวข้อที่จะพูดถึงในรีวิวนี้
- Timeline ของ AirPods ก่อนจะมาถึง AirPods Pro
- ข้อมูลทางเทคนิคของ AirPods Pro
- แกะกล่อง AirPods Pro
- ภาพรวมของตัวหูฟัง
- แนวเสียงของตัวหูฟัง
- คุณภาพของไมโครโฟนเวลาสนทนา
- คุณภาพของสัญญาณ Bluetooth
- รีวิวฟีเจอร์ภาพรวมเด่นๆ ของ AirPods Pro
- ประสบการณ์หลังจากใช้งาน
- รีวิวสรุปจุดเด่นและจุดด้อย
- ข้อมูลการใช้งานร่วมกันได้
- ราคาและสถานที่จัดจำหน่าย
1. Timeline ของ AirPods ก่อนจะมาถึง AirPods Pro
หูฟังไร้สายแบบ True Wireless ของ Apple ถ้าไม่รวมตระกลูของ Beats นั้นจะประกอบไปด้วย
- AirPods รุ่นที่ 1 (ก.ย. 2016) เปิดตัวในงาน Apple Special Event September 2016 พร้อม ๆ กับ iPhone 7, 7 Plus และ Apple Watch Series 2
- AirPods รุ่นที่ 2 (มี.ค. 2019) เป็นรุ่นอัปเกรดจากรุ่นแรก จุดเด่นเพิ่มเติมคือ ชิป Wireless รุ่นใหม่, รองรับ Hey Siri, พร้อมกับมีกล่องชาร์จที่รองรับการชาร์จไร้สาย
- AirPods Pro รุ่นที่ 1 (ต.ค. 2019) (รุ่นที่กำลังรีวิว) เปิดตัว 28 ต.ค. 2019 จุดเด่นคือ All New Design ที่เป็น AirPods แบบ In-Ear ตัวแรกที่มาพร้อมระบบ Active Noise Cancellation
2. ข้อมูลทางเทคนิคของ AirPods Pro
รีวิวทั้งทีต้องลงรายละเอียดเชิงลึกให้ดูบ้างว่าหูฟัง AirPods Pro ตัวนี้อัดเทคโนโลยีอะไรมาให้บ้าง
- ใช้ชิป Apple H1
- เทคโนด้านเสียง ประกอบด้วย การตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ (Active Noise Cancellation : ANC)
- โหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency)
- EQ แบบปรับได้เอง (Adaptive EQ)
- ระบบช่องระบายอากาศเพื่อการรักษาแรงดันให้เท่ากัน
- ไดรเวอร์ High-Excursion แบบเฉพาะของ Apple
- ตัวขยายสัญญาณช่วงไดนามิกสูงแบบเฉพาะ
- ระบบเซนเซอร์ประกอบด้วย ไมโครโฟนคู่แบบบีมฟอร์มมิ่ง
- ไมโครโฟนที่หันเข้าด้านใน
- เซ็นเซอร์คู่แบบออปติคอล
- อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว
- อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวจากการพูด
- เซ็นเซอร์แรงกด สำหรับการสั่งการต่าง ๆ
- แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 5 ชั่วโมง (เมื่อปิดโหมด ANC และ Transparency)
- สนทนาต่อเนื่อง 3.5 ชั่วโมง
- ใช้งานร่วมกับเคสชาร์จ สูงสุด 24 ชั่วโมง
- ระบบชาร์จเร็ว 5 นาที ใช้งานการฟังเพลงและสนทนาได้ประมาณ 1 ชั่วโมง
- เคสชาร์จรองรับการชาร์จผ่านพอร์ต Lightning และรองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi
- ขนาดและน้ำหนักของหูฟัง: ความสูง: 30.9 มม., ความกว้าง: 21.8 มม., ความหนา: 24.0 มม., น้ำหนักข้างละ 5.4 กรัม
- ขนาดและน้ำหนักของเคส : ความสูง: 45.2 มม., ความกว้าง: 60.6 มม., ความหนา: 21.7 มม., น้ำหนัก: 45.6 กรัม
- การทนเหงื่อทนน้ำ : มาตรฐาน IPX4
- หูฟังด้านซ้าย Model : A2084
- หูฟังด้านขวา Model : A2083
- แบตเตอรี่ของหูฟังแต่ละข้าง : 160mWh (เทียบกับ AirPods 2 : 93mWh และ Powerbeats Pro : 200mWh)
- กล่องชาร์จ Model: A2190 ความจุแบตเตอรี่ 519 mAh
ข้อมูลเพิ่มเติมทางเทคนิคดูเพิ่มได้ที่ Apple.com หรือลิงก์สำรองนี้
3. แกะกล่อง AirPods Pro
เรามาดูกันที่กล่องผลิตภัณฑ์กันก่อนเลยครับ หน้าตาของกล่องจะเป็นกล่องกระดาษสีขาว ที่พิมพ์สกรีนรูปตัวหูฟังเอาไว้ด้านหน้า ด้านข้างพิมพ์ชื่อสินค้า และส่วนด้านหลังจะเป็นรูปหูฟังในเคสชาร์จไฟไร้สาย โดยรวมก็จะเรียบหรู สะอาดตา ตามสไตล์ Apple ซึ่งอุปกรณ์ที่มีในกล่อง AirPods Pro ประกอบไปด้วย
- หูฟัง AirPods Pro
- จุกซิลิโคน (Ear Tip) สำหรับปรับขนาดให้กับรูหู จำนวน 3 ชิ้น
- สาย USB-C to Lightning สีขาวความยาว 1 เมตร สำหรับการชาร์จ 1 เส้น
- กล่องชาร์จรองรับการชาร์จทั่งผ่านสาย Lightning และชาร์จไร้สาย จำนวน 1 กล่อง
- เอกสารแนะนำการใช้งาน
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงหลักในรอบนี้คือการเปลี่ยนสายชาร์จมาเป็นแบบ USB-C to Lightning นับว่าเป็นครั้งแรกที่ Apple ให้สายชาร์จแบบนี้มากับ AirPods
ชมข้อมูลเพิ่มเติม พรีวิว AirPods Pro แกะกล่องหูฟัง In-Ear เสียงดี ตัดเสียงเยี่ยม ใส่สบายไม่อึดอัด ใช้งานง่ายสุด ๆ
4. ภาพรวมของตัวหูฟัง
การออกแบบมีเปลี่ยนแปลงมากพอสมควรโดยก้านหูฟังจะสั้นลง ตัวหูฟังจะมีขนาดใหญ่ขึ้น และมีจุกซิลิโคนเพื่อช่วยกันเสียงภายนอกให้ดีขึ้น จึงจัดว่าเป็นหูฟังประเภท In-Ear
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเคยใช้หูฟังประเภทนี้มาแล้วหลายยี่ห้อแต่มักจะพบปัญหาคือพอใส่เป็นเวลานานจะมีอาการปวดหู เนื่องจากแรงดันภายในช่องหูที่เกิดจากดันหูฟังเข้าช่องหูตอนสวมใส่ แต่สำหรับ
AirPods Pro ผมกล้าพูดได้เลยว่าเป็นหูฟัง In-ear ที่ใส่ได้สบายที่สุดในตลาด ณ ขณะนี้ก็ว่าได้ เพราะได้มีการออกแบบที่เพิ่มช่องระบายอากาศ (ตรงบริเวณช่องสีดำ) ซึ่งช่วยจะปรับความดันภายในและภายนอกช่วงหูให้เท่ากัน
จุกซิลิโคนมีความนุ่มเป็นอย่างมากทำให้สบายและที่น่าชื่นชมในความละเอียดของ Apple คือ นอกจากตัวหูฟังจะมีตะแกรงสีดำที่ปกป้องระบบภายในต่างๆ แล้ว จุกซิลิโคนเองยังที่ตะแกรงอีกชั้นเพื่อปกป้องขี้หูได้อีกด้วย
5. แนวเสียงของตัวหูฟัง
- เวทีเสียง (Sound stage): ให้มิติความโอบล้อมของชิ้นดนตรีไม่ได้กว้างเท่าที่สมควร แต่ไม่แคบจนรู้สึกอึดอัด มีตำแหน่งชิ้นดนตรีที่ชัดเจนไม่กวนย่านเสียงกัน แต่ในบางจังหวะการอาจจะมีการซ้อนทับบ้าง ซึ่งโดยรวมแล้วยังทำได้ดีในระดับน่าพึงพอใจ มิติของชิ้นดนตรีถือว่าครบถ้วน และที่สำคัญอิมเมจเสียงการขึ้นลงของเสียงชิ้นดนตรีแต่ละชิ้นมีความเป็นธรรมชาติครับ
- เสียงเบส (Bass): ให้ปริมาณที่พอดี ไม่หนักเกินไป เบสมีมวลหนา อิมแพคกำลังดี มีมาเป็นลูกๆ และย่านเบสมีความนุ่มลึก มีการไล่ระดับโน้ตเบสที่พอฟังได้
- เสียงกลาง (Mid-tone): เสียงนักร้องให้เสียงที่ชัดเจน ตำแหน่งของนักร้องจะอยู่เยื้องมาด้านหน้าเวที แต่ประชิดผู้ฟังพอควรทำให้บางครั้งแอบบอึดอัดไปบ้าง ถ้าเป็นเสียงกีตาร์โปร่งเท่าที่ฟังรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติเลยล่ะครับ
- เสียงแหลม (Treble): เสียงมีการเก็บรายละเอียดเล็กๆ ทำได้ดี จะไม่คมบาดหู เปล่งมาในระดับเสียงกำลังดีและมีความใสสว่าง ฟังแล้วจะรู้สึกโปร่ง
นอกจากเพลงแล้วหากนำมาใช้ดูหนังถือว่าคุณภาพดี ถ่ายทอดเสียงได้ครบและมีรายละเอียดดี มีมิติที่ชัดเจนและมีอิมแพคที่แน่นรู้สึกถึงพลังได้ดี
โดยรวมแล้วคุณภาพเสียงทำได้ดีกว่า AirPods มากพอสมควร แต่หากผู้ฟังต้องการได้เสียงที่จริงจังและครบเครื่องกว่านี้ AirPods Pro ยังไปไม่ถึงจุดนั้น แต่สำหรับผู้ใช้ทั่วถือว่าคุ้มค่าแน่นอนครับ
6. คุณภาพของไมโครโฟนเวลาสนทนา
คุณสมบัติอย่างนึงที่ Apple ทำมาได้ดีมาโดยตลอดและยังถือว่าล้ำหน้าหลายเจ้าในตลาดมากคือคุณภาพของเสียงเวลาสนทนา แม้ว่าตัวหูฟังจะมีการออกแบบก้านที่สั้นกว่าเดิม แต่การเก็บเสียงเวลาพูดคุยยังทำได้ดีเหมือนเดิมมีความชัดเจน เสียงฟังไม่รู้สึกว่าผู้พูดอยู่ไกลจากไมโครโฟน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ AirPods 2 คุณภาพดีเท่าเทียมกัน
7. คุณภาพของสัญญาณ Bluetooth
AirPods Pro ใช้ระบบการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 5.0 ที่ส่งสัญญาณได้ไกลและรองรับการส่งข้อมูลในปริมาณมาก เท่าที่ใช้มาต่อให้ข้ามห้องประมาณ 2 ห้อง (กำแพง 2 ชั้น) สัญญาณยังแรงพอเสียงไม่ขาดหาย และระยะไกลมากเกินพอ
8. รีวิวฟีเจอร์ภาพรวมเด่นๆ ของ AirPods Pro
8.1 ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (Active Noise Cancellation, Transparency) และระบบทดสอบการกันเสียง (Ear Tip Fit Test)
ฟีเจอร์ใหม่นี้ถือเป็นครั้งแรกและก้าวสำคัญของแอปเปิ้ลในการใส่มาในหูฟังรุ่นนี้ การตัดเสียงรบกวนสามารถทำได้ดีเกินคาด คิดว่าการตัดเสียงน่าจะอยู่ราวๆ 80%-85% หากเสียงดังมากๆ จะยังได้อยู่แต่มันเบาบาง ต้องตั้งใจฟังถึงจะฟังออก เช่น เสียงประกาศบนรถไฟฟ้า แต่สำหรับเสียงพูดคุยและแวดล้อมต่างๆ ไม่ได้ยินเลย
ด้วยระบบนี้ทำให้เสียงที่ฟังมีความอิ่มตัวและชัดเจนกว่ามากเมื่อปิดฟีเจอร์และเทียบกับ AirPods แล้วทำให้รายละเอียดได้ยินครบกว่ามาก
นอกจากนี้ยังมีระบบ Transparency (ไม่ตัดเสียงรอบข้าง) ที่ทำให้ใส่หูฟังแต่ได้ยินภายนอกได้โดยไม่ต้องถอดออก ซึ่งระบบจะส่งผ่านเสียงภายนอกสู่ผ่านในช่องหูโดยใช้ไมค์ของ AirPods Pro เป็นตัวรับเสียงและส่งตรงด้วยลำโพงภายในทำให้ผู้ใช้ได้ยินเสียงจากภายนอกได้อย่างชัดแจน
หากผู้ใช้ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Apple จะมีฟีเจอร์ทดสอบคุณภาพการกันเสียง (Ear Tip Fit Test) ที่จะช่วยแนะนำผู้ใช้ได้ว่าจุกซิลิโคนที่ผู้ใช้สวมอยู่นั้นพอดีหรือไม่ ซึ่งถือว่ามีประโยชน์มาก ทำให้เราทราบว่าต้องเลือกจุกซิลิโคนขนาดใดและทำให้การตัดเสียงนั้นสมบูรณ์ขึ้น
8.2 ระบบปรับ EQ แบบปรับได้เอง (Adaptive EQ)
ฟีเจอร์นี้จะอาศัยไมโครโฟนผ่านภายในหูฟังเพิ่มรับเสียงที่สะท้อนภายในช่องหูและเทียบการมาตรฐานที่ Apple ตั้งเอาไว้ จากนั้นระบบจะคำนวณและชดเชยค่าเสียงในย่างเสียงกลางและสูง เพื่อให้เหมาะสมกับช่วงหูของแต่ละคนโดยอัตโนมัติ ทำให้คุณภาพเสียงมีความเต็มอิ่ม
ซึ่งที่ลองมาคุณภาพเสียงมีความแน่นและชัดเจนมากจนสังเกตความแตกต่างได้
8.3 ชิป Apple H1
ชิปประมวลผล 10 คอร์ที่ออกแบบมาเฉพาะโดย Apple เพื่อ AirPods Pro โดยเฉพาะ ทำให้ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนสามารถทำได้แบบเรียลไทม์และมีความหน่วงต่ำ รวมถึงประสบการณ์ที่ได้รับจากการใช้ร่วมกับอุปกรณ์ของ Apple ที่ลื่นไหล ซึ่งผู้ที่เคยใช้จะเข้าใจว่าซึ่งไม่มียี่ห้อใดทำได้ถึงจุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ในครั้งแรกหรือเชื่อมต่อเวลาใช้งานแต่ละครั้ง และการเรียกใช้งาน Siri ได้ตลอดเวลา ทำให้ AirPods Pro นั้นจัดได้ว่าเป็นหูฟัง In-Ear มี ANC ที่ใช้งานง่ายและสะดวกที่สุด ณ ในท้องตลาด
8.4 หูฟัง In-Ear ที่ไม่เหมือนใคร
AirPods Pro นั้นทาง Apple ได้ทำการบ้านมาค่อนข้างดีในเรื่องการออกแบบให้หูฟังไม่มีก้านที่ยื่นออกมาเพื่อใช้ติดกับจุกยางซิลิโคลน โดยหากเปรียบเทียบกับหูฟัง True Wireless ส่วนใหญ่จะดีไซน์คล้ายคลึงกัน แต่ Apple Pro นั้นจะแหวกแนวอย่างชัดเจน
AirPods Pro จะใช้เทคนิคการติดจุกยางซิลิโคนเข้ากับตัวหูฟังหลักด้วยการติดเหมือนกระดุมแบบแต๊บ ส่วนนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานไม่เจ็บรูหูเวลาที่ใช้งานไปนาน ๆ ซึ่งผมได้ลองแล้วใช้ก็เห็นความแตกต่างอย่างนั้นจริง
หลาย ๆ คนที่ได้ลองก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า AirPods Pro เป็นหูฟังที่สวมใส่แล้วสบายหูที่สุด
ต้องขอชมว่า Apple คิดเยอะจริง ๆ จุดนี้
8.5 การควบคุมสั่งการด้วยเซ็นเซอร์แรงกด (Force Sensor)
การควบคุม AirPods Pro มีการเปลี่ยนแปลงจาก AirPods ที่รุ่นเก่าที่จะใช้การแตะการควบคุมเพลง, การเรียกใช้งาน Siri, การโทร ฯลฯ โดยเปลี่ยนมาเป็นการใช้ “การกด” ที่บริเวณก้านหูฟังซึ่งจะมี Force Sensor อยู่ โดยจะใช้คำสั่งดังนี้
- กด 1 ครั้ง – เล่นเพลง, หยุดเพลง, รับสาย, วางสาย
- กด 2 ครั้ง – เล่นเพลงถัดไป
- กด 3 ครั้ง – เล่นเพลงก่อนหน้า
- กดค้าง – เปิด Active Nice Cancellation และสลับใช้งานกับโหมด Transparency
- หากต้องการเรียก Siri สามารถพูดได้เลย หรือจะตั้งค่าให้หูฟังด้านใดด้านหนึ่งกดค้างเพื่อเรียก Siri ก็ได้เช่นกัน
8.6 การทนน้ำระดับ IPX4 และการออกกำลังกาย
หนึ่งความสามารถที่เพิ่มขึ้นคือการทนน้ำและทนเหงื่อ เท่าที่ลองทดสอบบนลู่และวิ่ง Road พบว่าเหงื่อที่ไหลหลั่งออกมาทำให้ซิลิโคนเปียกหลังเช็ดให้แห้งก็ยังใช้งานได้ ไม่พบปัญหาใดใด
ทั้งนี้ ถ้าหากถามถึงประสิทธิภาพการทนน้ำของ AirPods Pro อยู่ในระดับไหน ขอตอบว่า
AirPods Pro ทนน้ำ ทนเหงื่อ ทนฝนหรือแม้กระทั่งใส่อาบน้ำก็ยังได้
แต่ไม่แนะนำให้ใส่ AirPods Pro ว่ายน้ำเพราะว่ามันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการนั้น
การเพิ่มจุกซิลิโคนมาในรุ่นนี้ นอกจากช่วยกันเสียง กันน้ำได้แล้ว ยังเสริมเรื่องของการสวมใส่ให้แน่นกระชับพอดี เวลาขยับร่างกายหมดกังวลว่าจะหลุดได้ตอนวิ่งไม่รู้ว่ามีการขยับจนน่ากลัวว่าจะหลุดจากหู ปลอดภัยหายห่วง
9. ประสบการณ์หลังจากใช้งาน
ต้องแจ้งให้ทราบก่อนว่าผมไม่ได้เป็นคนหูเทพดังนั้นเรื่องรายละเอียดของเสียงทุกย่านความถี่นั้นไม่สามารถบอกได้ว่ากี่ Hz แต่จะแชร์จากประสบการณ์การใช้งานทั่วไปให้ได้ฟังกันครับ
การตัดเสียงจากที่ลองใช้งานนะครับ รู้สึกได้ว่าตัดได้ประมาณ 80-85% ซึ่งเมื่อเปิด ANC แล้วจะทำให้ได้ยินเสียงรอบข้างลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังสามารถคุยกับคนข้าง ๆ ได้ถ้ายังไม่เปิดเพลงนะ แต่ถ้าเปิดแล้วหละก็มันเหมือนเราจะอยู่ในอีกหนึ่งโลกเลย
ในส่วนของโหมด Transparency นั้น AirPods Pro จะใช้ไมค์ในการรับเสียงภายนอกและส่งผ่านลำโพงทำให้เราได้ยินเสียงรอบตัวได้ชัดขึ้นด้วย มันดีในแง่ที่เราใส่ออกกำลังกายไฟฟังเพลงไปและยังสามารถได้ยินเสียงเพื่อนที่ทักทายเราหรือเสียงจากรถที่วิ่งมาใกล้ๆ ด้วย ในการสลับโหมดระหว่าง ANC กับ Transparency นั้น ทำได้ง่าย ๆ หลายวิธีตามที่ได้บอกเอาไว้ ถือว่าสะดวกมาก
9.1 การฟังเพลง
เดิมทีฟังเพลงด้วย AirPods อยู่แล้ว เสียงไม่ได้ดีที่สุดในบรรดาหูฟังไร้สายแต่ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่ ดังนั้น AirPods Pro เมื่อเทียบกับ AirPods ธรรมดา จะให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าเยอะ โดยเฉพาะเมื่อเปิดโหมดการตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation : ANC) จะทำให้ได้รายละเอียดเสียงเยอะขึ้น จากเพลงที่เราเคยฟังเราอาจจะคิดว่ามันเพราะอยู่แล้ว แต่พอใช้ AirPods Pro มันจะช่วยให้ได้ยินเสียงจุดที่ขาดหายไปหรือเติมเต็มส่วนที่ AirPods ธรรมดาให้ไม่ได้
เสียงเบสที่หนักแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด, เวทีของเสียงหรือที่หลายคนเรียกกันว่า Sound Stage นั้น AirPods Pro ก็สามารถแสดงพลังให้รู้สึกได้ว่า “มันกว้างขึ้น” เมื่อฟังเพลงอย่าง Strive (Binaural) แล้วจะทำให้รู้เลยว่าเสียงที่ฟังนั้นมาจากทางไหนประหนึ่งเหมือนว่าเรากำลังนั่งชมคอนเสิร์ต ถ้าใครได้มีโอกาสลองใช้ AirPods Pro แล้วอยากให้ฟังเพลงนั้นดูนะครับ
9.2 การรับชมภาพยนต์
จุดนี้เห็นความต่างชัดเจน เพราะในภาพยนต์จะมี Sound Effect มากกว่าเพลง เมื่อยิ่งใช้งานในโหมดการตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation : ANC) จะทำให้ได้ยินเสียงนั้นแจ่มชัดขึ้น เสียงพูดก็ฟังรู้เรื่องมากขึ้นมากโดยเฉพาะตอนที่เรานั่งดูในบริเวณที่มีเสียงรอบข้างดัง ๆ อย่างเช่น ร้านกาแฟหรือว่าบนเครื่องบิน บอกเลยว่าฟินสำหรับคนที่ต้องการโฟกัสเรื่องการฟังเสียงครับ
9.3 การออกกำลังกาย
สายวิ่งต้องถูกใจสิ่งนี้แน่นอน หลายคนไม่ชอบ AirPods ธรรมดาเพราะเกรงว่ามันจะหลุดมั่ง (ตอนใส่วิ่งหรือออกกำลังกาย) หรือไม่ก็รู้สึกว่าเสียงเบสไม่แน่นพอ ฯลฯ ดังนั้น AirPods Pro จึงมาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป หูฟังใส่เข้ากับรูหูได้แน่นกระชับ ผมใส่วิ่งความเร็ว Pace อยู่ที่ 5-8 กม./นาที นานเกือบ 1 ชั่วโมง หูฟังก็ไม่หลุดแต่อย่างใด และเสียงที่ได้นั้นเบสมาตึ๊บ ๆ ช่วยเพิ่ม Motivation ในการออกกำลังกายได้ดีจริง ๆ
ระหว่างการใส่หูฟัง In-Ear ออกกำลังกายนั้นปัญหาหลัก ๆ ที่ผู้ใช้งานพบก็คือ “ปวดหัว” อึดอัด รู้สึกไม่สบายหู ฯลฯ
ผมลองเปรียบเทียบกับ Powerbeats Pro พบว่า
ความรู้สึกในการใช้งานขณะออกกำลังกายนั้น AirPods Pro มีความสบายกว่าอย่างเห็นได้ชัด
จากประสบการณ์ใช้ AirPods Pro เมื่อเปิด ANC แล้ววิ่งสักพักหัวใจของเราจะเต้นแรงขึ้น เราจะได้ยินเสียงตุ๊บ ๆ ตามจังหวะการเต้นของหัวใจที่หูเรา เสียงนี้ผมก็ยังได้ยินเหมือนเดิม แต่มันไม่ได้ชัดหรือแน่นเท่า Powerbeats Pro และเมื่อนานไป อาจะเกิดความรู้สึกล้าขึ้นมาหน่อย เราสามารถปรับเป็นโหมด Transparency ก็จะช่วยให้เรารู้สึกสบายหูมากขึ้น
9.4 การสนทนา
ผมใช้ AirPods 2 ในการสนทนาค่อนข้างที่จะบ่อยและนานโดยเฉพาะคุยผ่าน LINE Call พบว่ามีความสะดวกมาก ไม่ต้องเมื่อยยก iPhone มาแนบหูให้ร้อนและเมื่อยแขน เพียงใช้ AirPods เสียบเข้า 1 ข้าง ก็สามารถคุยได้แล้ว เสียงจากไมค์ของ AirPods 2 นั้นทำได้ดีมากอยู่แล้ว ปลายสายได้ยินชัดเจนและเราเองก็ไม่ต้องตะโกนก็ทำให้การสนทนานั้นเป็นไปได้ด้วยดี (ถ้าไม่ทะเลาะกับปลายสายด้วยเรื่องอื่นก่อน 🤣)
มาถึง AirPods Pro กันบ้าง ในเรื่องการคุยและการได้ยินถือว่าผ่าน เสียงดังฟังชัดดี และสามารถตัดเสียงรบกวนได้แม้จะใช้หูฟังด้านเดียว (ต้องไปตั้งค่าก่อน) ในส่วนของไมค์ ความเห็นส่วนตัวผมคิดว่า AirPods Pro เสียงไมค์จะเบากว่า AirPods 2 อยู่ราว ๆ 5% ซึ่งบางครั้งปลายสายต้องถามซ้ำว่าผมพูดอะไรไปเมื่อสักครู่นี้
แต่โดยรวมแล้วเมื่อใช้งานในการคุยแม้จะเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้า, ขณะโดยสารอยู่บนรถไฟฟ้าหรือนั่งชิลในร้านกาแฟ เราก็ยังสามารถคุยสนทนาด้วย AirPods Pro ได้อย่างสบายหายห่วงครับ
10. รีวิวสรุปจุดเด่นและจุดด้อย
ถ้าให้สรุปแบบสั้น ๆ สำหรับ AirPods Pro ก็คงบอกได้ว่า
AirPods Pro มาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปของ AirPods และเป็นหูฟังมี Active Noise Cancellation ที่ใช้งานง่าย สะดวกในการพกพา เชื่อมต่อรวดเร็ว เสียงดี การใช้งานตอบโจทย์ Life Style ได้หลากหลาย และที่สำคัญเป็นหูฟัง In-Ear ที่ใส่สบายที่สุดตั้งแต่มีมา
ส่วนถ้าลงรายละเอียดย่อยเราก็แจกแจงเป็นข้อ ๆ ได้ตามนี้ครับ
จุดเด่น
- คุณภาพเสียงดีกว่า AirPods 2 มีมิติชัดเจนขึ้น เสียงเบสมาชัดขึ้นตึ๊บ ๆ เสียงกลางดี เสียงร้องมาชัด เวทีเสียงชัดเจนกว่า AirPods ปกติเยอะ
- ตัดเสียงภายนอกได้ดี ใส่ฟังเพลง ดูหนังแล้วฟังรู้เรื่องมากขึ้นในระดับเสียงที่ไม่ดังมาก
- ในเรื่องการตัดเสียงนั้นเลือกได้ว่าจะตัดทั้งหมด, ปิดโหมดไว้ หรือเลือก Transparency เพื่อฟังเสียงรอบ ๆ ตัวได้
- มีฟีเจอร์ทดสอบว่าจุกหูฟังที่ตัดเสียงนั้นพอดีกับรูหูหรือไม่ (Ear Tip Fit Test)
- การตัดเสียงรบกวนไม่ใช่แค่การใส่จุกยางซิลิโคนเพื่อกันเสียงจากภายนอกเท่านั้น แต่ว่า AirPods จะมีไมค์เพื่อตรวจจับความถี่เสียงว่าเข้ามาเท่าไหร่และจะสร้างความถี่เสียงเพื่อหักล้าง ทำให้ในหูเรานั้นจะได้ยินเสียงจากภายนอกน้อยที่สุด
- จุกซิลิโคนนุ่มมาก ใส่นานๆ ไม่ปวดหู
- จุกซิลิโคนที่ติดหูฟังไม่ได้สวมใส่ที่ก้านพลาสติกแต่ใช้หลักการติดเหมือนกระดุมแบบแต๊บ ทำให้ไม่ปวดรูหู
- มีช่องระบายอากาศสำหรับปรับความดันในหู ทำให้ลดเสียงตุ๊บๆ เมื่อใส่ออกกำลังกายโดยไม่ทำให้ปวดหู
- การเปลี่ยนโหมด ANC ทำได้หลายช่องทาง ได้แก่ กดที่ก้านหูฟัง, ปรับที่ Control Center, สั่งผ่าน Apple Watch, สั่งผ่าน Siri ได้
- ใส่หูฟังข้างเดียวก็ตัดเสียงได้ สะดวกสำหรับการคุยสาย
- ก้านหูฟังสั่งเล่นเพลง หยุดเพลง เปลี่ยนเพลง เรียก Siri ได้ ปรับตั้งค่าได้ว่าอยากให้รับคำสั่งแบบไหน
- เคสชาร์จรองรับทั้งชาร์จผ่านสายที่รองรับการชาร์จเร็วและรองรับการชาร์จผ่านระบบไร้สาย Qi Standard อีกด้วย
- AirPods Pro ใช้เป็นเครื่องช่วยฟังได้ ในกรณีที่สภาพแวดล้อมนั้นมีเสียงดัง
- รองรับฟีเจอร์ Audio Sharing ใน iOS 13 ใช้ร่วมกับ AirPods, Powerbeats Pro ได้
- ใช้งานได้สูงสุด 24 ชม., ชาร์จ 5 นาที ฟังได้ 1 ชม.
- มี Adaptive EQ ที่ปรับความถี่ให้เหมาะกับแต่ละผู้ฟังได้
- มาตรฐาน IPX4 ทนน้ำ ทนเหงื่อ ใส่ออกกำลังกาย วิ่งตากฝนได้ ใส่อาบน้ำได้ แต่แนะนำให้เลี่ยงการโดนน้ำจะดีที่สุด
- เสียงไมค์ดีคุยกับปลายสายได้สะดวก
- สะดวกสวมใส่ง่าย ใส่ไม่หลุด ไม่ปวดหัว
AirPods Pro เป็นหูฟังที่เหมาะกับผู้ฟังจริงจังขึ้นมาหน่อยหรือทั่วไปแต่ต้องการได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดและแตกต่าง แต่สำหรับผู้ฟังที่ต้องการรายละเอียดที่ได้ยินแบบครบย่านเสียงและแยกแยะรายละเอียดเป็นตัวโน้ต ก็แนะนำให้เลือกยี่ห้ออื่นจะเหมาะกว่า
ชิปประมาลผล Apple H1 ออกแบบมาเพื่อ AirPods Pro โดยเฉพาะ ซึ่ง Apple ทำการบ้านมาดีมากๆ ที่ทำให้ประสบการณ์การใช้งานหูฟังแบบ In-Ear มีความลื่นไหลต่อเนื่องไม่อึดอัด ไม่ปวดหู รวมไปถึงการช่วยตัดเสียงรบกวนและปรับปรุงคุณภาพเสียงให้ได้รับเสียงที่ดีที่สุดกับหูของแต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน
การพกพาแม้ว่าจะมีขนาดใหญ่กว่ารุ่น AirPods เล็กน้อย แต่ยังมีขนาดเล็กกว่ายี่ห้ออื่นในตลาดอย่างมาก จึงพกพาสะดวกเหมือนเดิม
จุดด้อย
- ความจุแบตเตอรี่น่าจะให้มามากกว่านี้ บางครั้งใช้ดูหนังซีรีส์ยาวๆ ยังต้องมีหยุดพักเพื่อชาร์จบ้าง ถ้าทำเวลาได้นาน ๆ แบบ Powerbeats Pro ก็จะดีมาก อย่างน้อยสายวิ่งฟลูมาราธอนก็จะฟังได้จนจบระยะโดยที่ไม่ต้องสลับชาร์จ
- หูฟังยังคงปรับระดับเสียงไม่ได้ ต้องอาศัยปรับผ่าน iPhone, Apple Watch หรือการสั่งผ่าน Siri เช่นเดิม ถ้ามีฟังก์ชันปรับระดับเพิ่มได้เองก็คงจะดี
- ตัวกล่องชาร์จยังคงใช้วัสดุเดิมที่เป็นผิวมันทำให้เป็นรอยง่ายและลื่น ทำให้กล่องหลุดออกกระเป๋ากางเก่งได้ง่ายถ้าไม่ใส่เคส เสี่ยงต่อการสูญหาย ทาง Apple น่าจะทำสีอื่นด้วยเช่นทำกล่องที่วัสดุเดียวกับ Powerbeats Pro หรือทำผิวกล่องให้มีความด้านมากกว่านี้
- คุณภาพเสียงที่ดีกว่านี้ เมื่อเทียบราคาที่ใกล้เคียงกันกับหูฟังของค่ายอื่น ๆ
11. ข้อมูลการใช้งานร่วมกันได้
AirPods Pro สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย
- iPhone, iPod touch ติดตั้ง iOS 13.2 หรือใหม่กว่า
- iPad ติดตั้ง iPadOS 13.2 หรือใหม่กว่า
- Apple Watch ติดตั้ง watchOS 6.1 หรือใหม่กว่า
- Mac ติดตั้ง macOS Catalina 10.15.1 หรือใหม่กว่า
- Apple TV ติดตั้ง tvOS 13.2 หรือใหม่กว่า
ทั้งนี้ AirPods Pro สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ Android ได้แต่ว่าฟีเจอร์อาจจะใช้ไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ
12. ราคาและสถานที่จัดจำหน่าย
AirPods Pro เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2019 เป็นต้นไป ที่ Apple Iconsiam เป็นที่แรกและ ณ ปัจจุบันก็วางขายที่ตัวแทนจำหน่ายอย่าง Studio 7 เป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ ราคาค่าตัวอยู่ที่ 9,490 บาท หรือหากใครไม่สะดวกไปที่หน้าร้านก็กดสั่งออนไลน์ผ่าน Apple Store ได้เลยแถมยังสลักชื่อได้ด้วยนะ
รีวิวโดย ต้อม iMoD Attapon Thaphaengphan
22 พ.ย. 2019