งาน Apple Event ‘Its Glowtime.’ จะจัดขึ้นในคืนวันที่ 9 กันยายน 2024 ตามเวลาประเทศไทย คาดว่าในงานนี้จะมีการเปิดตัว iPhone 16 และสินค้าใหม่อื่น ๆ เรามาสิ่งที่คาดว่าจะเปิดตัวในงานนี้กัน รวมถึงคาดการณ์สินค้าที่จะเปิดตัวในช่วงเดือนตุลาคมนี้ด้วย
สิ่งที่คาดว่าจะเปิดตัวในงาน Apple Event ‘It’s Glowtime.’ วันที่ 9 กันยายน 2024 นี้
iPhone 16 Pro
- มี 2 รุ่นเหมือนเดิม คือ iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max
- ดีไซน์โดยรวมเหมือน iPhone 15 Pro Series ตัวเครื่องใช้วัสดุไทเทเนียม แต่อาจจะมีการลงสีกรอบตัวเครื่องใหม่ ทำให้กรอบ Titanium มีความมันวาวมากขึ้น คล้ายกรอบสแตนเลสของ iPhone 14 Pro เกิดรอยนิ้วมือและขีดข่วนได้ยากขึ้น
- หน้าจอของ iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max อาจใหญ่ขึ้น ขอบจออาจบางลง โดยรุ่น Pro อาจมีขนาด 6.3 นิ้ว (เดิม 6.1 นิ้ว) และรุ่น Pro Max อาจมีขนาด 6.9 นิ้ว (เดิม 6.7 นิ้ว)
- อาจนำเทคโนโลยี Border Reduction Structure (BRS) มาใช้เพื่อลดขอบหน้าจอให้บางลง
- หน้าจออาจใช้เทคโนโลยี Micro-Lens มาใช้ในหน้าจอ OLED เพื่อช่วยจัดการพลังงานได้ดีขึ้น ใช้พลังงานน้อยลง ในขณะที่ความสว่างเท่ากับแบบเดิม
- มีปุ่ม Capture อยู่ด้านล่างของปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง สำหรับควบคุมการถ่ายวิดีโอ ถ่ายภาพแบบแนวนอน รองรับแรงกดของผู้ใช้ เช่น กดครึ่งเดียวเพื่อล็อคโฟกัส กดลงสุดเพื่อถ่ายภาพ กดมุมซ้ายหรือขวาเพื่อซูมภาพเข้าออก
- อาจมาพร้อมชิป A18 Pro เทคโนโลยี 3nm รองรับ Apple Intelligence ประมวลผลด้าน AI อย่างมีประสิทธิภาพ
- RAM เพิ่มขึ้น ขั้นต่ำที่ 8GB เพื่อให้รองรับการทำงานกับ Apple Intelligence
- อาจเพิ่มความจุแบตเตอรี่ 9% ใน iPhone 16 Pro Max คาดว่าใช้งานต่อเนื่องมากกว่า 30 ชั่วโมง
- อัปเกรดกล้องหลังกล้อง Ultra-wide ความละเอียด 48MP และรูรับแสง f/2.2 เพิ่มจากเดิมที่ใช้ f/2.4 ให้ฃช่วยให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น รองรับการถ่ายภาพ ProRAW 48MP
- กล้อง Ultra-Wide 48MP ของ iPhone 16 Pro Max อาจใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX903
- กล้องของ iPhone 16 Pro มาพร้อม Tetraprism รองรับการซูมแบบ Optical ได้ 5 เท่าเหมือนกับ iPhone 16 Pro Max
- iPhone 16 Pro Max อาจใช้กล้อง Telephoto ที่มีระยะการซูมที่ใกล้มากขึ้น ลือว่าจะมาพร้อมกล้อง Super Telephoto Periscope ที่ช่วยให้ซูมภาพแบบ Optical ได้มากขึ้น ถ่ายภาพบุคคลได้ดีขึ้น
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 3K ที่ 120fps และ Dolby Vision ช่วยเพิ่มความคมชัดและสมจริง
- ชาร์จเร็วขึ้น รองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 40W และชาร์จไร้สาย MagSafe ที่ 20W
- อาจมาพร้อม Wi-Fi 7 รับส่งข้อมูลผ่านสัญญาณ 2.4GHz, 5GHz, 6GHz ได้ และสัญญาณ Wi-Fi มีความเร็ว, ความหน่วงต่ำ และเสถียรกว่าเดิม คาดว่าความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลสูงสุดที่ 40Gbps มากกว่า Wi-Fi 6E ถึง 4 เท่า
- อาจมีการอัปเกรดไมโครโฟนใหม่ให้รับเสียงจากการคำสั่งเสียงของผู้ใช้ได้ดีขึ้น และอาจปรับปรุงการลดเสียงรบกวน
- อาจะมีการปรับชิ้นส่วนภายใน โดยมาพร้อมแผ่น Graphite ขนาดใหญ่ภายในตัวเครื่อง เพื่อช่วยลดความร้อนของตัวเครื่องโดเฉพาะ
- อาจมีการปรับปรุงระบบ Face ID ให้ดีขึ้น สแกนใบหน้าได้เร็วขึ้น
- ความจุเริ่มต้นของ iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max อาจเริ่มต้นที่ 256GB (ก่อนหน้านี้ใน iPhone 15 Pro ความจุเริ่มต้นที่ 128GB และ iPhone 15 Pro Max ความจุเริ่มต้นที่ 256GB)
- ส่วนความจุสูงสุดของ iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max อาจสูงสุดที่ 2TB
- มาพร้อมเฉดสีใหม่โทนสีทอง เรียกว่า Gold Titanium หรือบางข่าวลือเรียกสีใหม่นี้ว่า Rose, Bronze, Desert Titanium
- คาดว่าจะมี 4 สี ได้แก่ White Titanium, Black Titanium (สีดำเข้มกว่าเดิม), Gray Titanium (สี Natural Titanium โทนสีเทาเหมือนสี Gray ของ iPhone 6) และ Gold Titanium ใหม่
- ราคาคาดว่าจะอยู่ในช่วงเดียวกับ iPhone 15 Series แต่อาจแตกต่างในรุ่นความจุ 2TB
เห็นได้ว่าหน้าจอ iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max นั้นมีขนาดใหญ่ขึ้น ขอบจอบางลง ดังนั้นจึงต้องหาฟิล์มที่ช่วยยกระดับการปกป้องตัวเครื่อง iPhone 16 ได้อย่างปลอดภัย ซึ่ง Ablemen มีอุปกรณ์เสริมที่ดูแลได้อย่างครบคลุมทุกมิติ ครบรอบด้าน
ปกป้อง iPhone 16 ขั้นสุด กระจกเต็มจอลงโค้ง Ablemen 3D Corning Gorilla Glass แข็งแกร่ง ทนทาน เหมาะสมสำหรับสายกิจกรรม สายลุย ปกป้องและกันกระแทกตั้งแต่หน้าจอไปจนถึงขอบเครื่อง
Ablemen 3D Corning Gorilla Glass เป็นกระจกเต็มจอ ลงโค้งถึงขอบเครื่อง แข็งแรงกว่าเดิม 5 เท่าด้วยเทคโนโลยี Heavy Impaction เฉพาะของ Ablemen ทดสอบด้วยลูกตุ้มเหล็ก 64 กรัม รองรับแรงกระแทกสูงสุดถึง 3 เมตร
ฟิล์มกระจกเป็น Corning Gorilla Glass แท้จากอเมริกาซึ่งเป็นวัสดุกระจกแบบเดียวกันกับ iPhone มีความลื่น ทัชสกรีนง่าย สัมผัสเหมือนหน้าจอจริง พร้อมกับกันรอยขีดข่วนระดับ 9H
นอกจากนี้ ฟิล์มยังมีการเพิ่มสาร Blue Light Cut ตัดแสงสีฟ้า โดยไม่ลดคุณภาพของหน้าจอ ถนอมสายตา ลดอาการล้า ปวดตาได้
Ablemen 3D Corning Gorilla Glass ราคา 1,590 บาท รับประกัน 1 ปี เปลี่ยนสินค้าใหม่ฟรี 1 ครั้ง เมื่อแตกร้าว สามารถสั่งซื้อได้ที่ร้านตัวแทนจำหน่าย 425Degree, Studio 7, iStudio, Javmart, True, AIS และ Ablemen Online Offcial
สุดพิเศษ! สำหรับแฟน ๆ iMoD ทาง Ablemen ใจดี แจกโค้ด “ABLEIM16” กรอกเพื่อรับส่วนลด 100 บาท เมื่อซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท ผ่านช่องทาง
iPhone 16
- มี 2 รุ่นเหมือนเดิม คือ iPhone 16 และ iPhone 16 Plus
- มีปุ่ม Action เหมือนกับ iPhone 15 Pro Series
- มีปุ่ม Capture สำหรับควบคุมการถ่ายวิดีโอ ถ่ายภาพแบบแนวนอน รองรับแรงกดของผู้ใช้ เหมือนกับ iPhone 16 Pro Series
- หน้าจอยังคงใช้ขนาดเท่าเดิมกับ iPhone 15 Series คือ iPhone 16 มีขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว และ iPhone 16 Plus มีขนาดหน้าจอ 6.7 นิ้ว และอาจมีการลดของจอด้วยเทคโนโลยี Border Reduction Structure (BRS) เหมือนกับใน iPhone 16 Pro Series
- กล้องหลังถูกปรับดีไซน์ใหม่ ให้เป็นกล้องหลัง 2 ตัววางแบบแนวตั้ง เหมือนกับ iPhone X
- กล้อง Ultra-wide อัปเกรดรูรับแสงเป็น f/2.2 จากเดิม f/2.4 ถ่ายภาพแสงน้อยได้ดีขึ้น
- กล้องหลังของ iPhone 16 และ iPhone 16 Plus รองรับการถ่ายภาพ Macro ครั้งแรก ซึ่งก่อนหน้านี้มีในรุ่น Pro เท่านั้น
- รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Spatial Video เหมือนกับรุ่น Pro
- ใช้ชิปประมวล A18 รองรับ Apple Intelligence
- RAM เพิ่มขึ้น ขั้นต่ำที่ 8GB เพื่อให้รองรับการทำงานกับ Apple Intelligence
- อาจะมีการปรับชิ้นส่วนภายใน โดยมาพร้อมแผ่น Graphite ขนาดใหญ่ภายในตัวเครื่อง เพื่อช่วยลดความร้อนของตัวเครื่องโดเฉพาะ
- อาจมีการอัปเกรดไมโครโฟนใหม่ให้รับเสียงจากการคำสั่งเสียงของผู้ใช้ได้ดีขึ้น และอาจปรับปรุงการลดเสียงรบกวน
- แบตเตอรี่ของ iPhone 16 อาจะเพิ่มขึ้น 6% ส่วน iPhone 16 Plus อาจลดลง 9%
- iPhone 16 และ iPhone 16 Plus อาจรองรับ Wi-Fi 6E เหมือนกับใน iPhone 15 Pro Series
- สีตัวเครื่องอาจมีให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ Blue, Pink, Green, Black, White
- ราคาคาดว่าจะอยู่ในช่วงเดียวกับ iPhone 15 Series
ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนดีไซน์การวางกล้องใหม่ใน iPhone 16 แต่กล้องของ iPhone ยังคงนูนออกมาด้านหลัง แนะนำนี่เลย Ablemen Lens Sapphire กระจกแซฟไฟร์กันรอยเลนส์กล้องสำหรับ iPhone 16 Pro Series ด้วยความแข็งแรงทนทานของกระจกแร่แซฟไฟร์ ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กระจกแร่แซฟไฟร์แท้ 100% ผ่านการรับรองมาตรฐาน GIA มีความแข็งแกร่งรองจากเพชร มีคุณสมบัติทนต่อรอยขีดขวดได้อย่างดีเยี่ยม ก่อให้เกิดรอยยาก แตกยาก
กระจกมีความใสระดับ HD สามารถถ่ายรูปได้คมชัด แสงและสีตามจริง ได้ภาพสวยเหมือนไม่ได้ติดกระจก ไม่สะท้อนแฟลช
Ablemen Lens Sapphire มีให้เลือกตามสีเครื่อง iPhone 16 วัสดุเงางาม กลืนไปกับตัวเครื่อง
Ablemen Lens Sapphire ราคา 1,390 บาท รับประกัน 120 วัน เปลี่ยนสินค้าใหม่ได้ฟรี เมื่อแตกร้าว สามารถสั่งซื้อได้ที่ สามารถสั่งซื้อได้ที่ร้านตัวแทนจำหน่าย 425Degree, Studio 7, iStudio, Javmart, True, AIS และ Ablemen Online Offcial
สุดพิเศษ! สำหรับแฟน ๆ iMoD ทาง Ablemen ใจดี แจกโค้ด “ABLEIM16” กรอกเพื่อรับส่วนลด 100 บาท เมื่อซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท ผ่านช่องทาง
Apple Watch Series 10
เนื่องจากครบครบรอบ 10 ปีของ Apple Watch อาจจะเปิดตัว Apple Watch X ซึ่งมีการปรับดีไซน์ครั้งใหญ่ จะเป็นดีไซน์ที่จะใช้กับ Apple Watch รุ่นในอนาคต
แต่ถ้าหากเป็น Apple Watch Series 10 อาจมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
- ดีไซน์โดยรวมไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก
- ตัวเรือนขนาดใหญ่ขึ้น มีตัวเรือนให้เลือก 2 ขนาด ตัวเรือนขนาด 45 มม. (จากเดิม 41 มม.) และ 49 มม. (จากเดิม 45 มม.)
- หน้าจอใหญ่ขึ้น คาดว่ารุ่น 45 มม. จอแสดงผลจะมีขนาด 1.93 นิ้ว (เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีขนาด 1.77 นิ้ว)
- ตัวเครื่องออกแบบให้บางลงกว่ารุ่นปัจจุบัน
- หน้าจอแสดงผล OLED มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- คาดว่าจะใช้ชิปประมวลผล S10 ที่เป็นชิปพื้นฐานสำหรับการปรับปรุงด้าน AI ในอนาคต
- Logic Board บางกว่าเดิม
- อาจมีฟีเจอร์ตรวจจับวัดความดันโลหิตสูง
- อาจมีฟีเจอร์ตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
Apple Watch Ultra รุ่นที่ 3
- ตัวเครื่องยังคงดีไซน์แบบเดิม
- อาจมีสีตัวเรือนใหม่ คือ สี Black
- หน้าจอใช้พลังงานต่ำ
- คาดว่าจะอัปเกรดชิปประมวลผลเป็น S10 เหมือนกับ Apple Watch Series 10
Apple Watch SE รุ่นที่ 3
- อาจจะเปลี่ยนวัสดุตัวเรือนเป็นพลาสติก จากเดิมตัวเรือนเป็นวัสดุอะลูมิเนียม
- วัสดุด้านหลังของ Apple Watch SE ใหม่อาจใช้วัสดุ ไนลอนคอมโพสิต
- เน้นสีสันสดใสคล้ายกับ iPhone 5c เช่น Blue, Yellow, Pink, Green
- เมื่อเปลี่ยนวัสดุใหม่แล้ว ต้นทุนก็จะลดลง อาจจะทำราคาของ Apple Watch SE ลดลงด้วย ถือเป็น Apple Watch ราคาประหยัด
AirPods รุ่นที่ 4
- ลือว่ามาพร้อม 2 รุ่นย่อย ได้แก่ AirPods 4 รุ่นเริ่มต้น และ AirPods 4 รุ่น High-end
- ตัวเครื่องของ AirPods รุ่น High-end อาจมาพร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน ANC เหมือนกับ AirPods Pro
- หูฟังอาจมีดีไซน์ใหม่ ก้านหูฟังสั้นเหมือนกับ AirPods Pro ปรุงปรุงให้ส่วมใส่กระชับขึ้น
- อัปเกรดเป็นชิปประมวลผล H2 ที่ใช้ใน AirPods Pro มอบคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมขึ้น ให้เสียงเบสแน่นขึ้น เสียงคมชัดขึ้นในช่วงความถี่กว้าง
- รองรับ Bluetooth 5.3 เชื่อมต่ออุปกรณ์บลูทูธเร็วขึ้น
- ด้วยประสิทธิภาพของชิป H2 และ Bluetooth 5.3 จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น
- อาจปรับปรุง Personalized Spatial Audio
- ปรับปรุงการจับคู่และการสลับอุปกรณ์ที่เร็วขึ้น
- เคสชาร์จใช้พอร์ต USB-C แทน Lightning
- เคสชาร์จอาจรองรับ Find My มีลำโพงในตัว เพื่อระบุตำแหน่งได้ คาดว่าจะมีเฉพาะเคสชาร์จสำหรับ AirPods รุ่น High-end
- อาจรองรับการควบคุมระดับเสียงแบบสัมผัส เพิ่มเสียงหรือลดเสียงได้ด้วยการวางนิ้วหัวแม่มือบนก้าน AirPods ข้างใดข้างหนึ่งแล้วใช้นิ้วชี้ปัดขึ้นหรือลงบนพื้นที่สัมผัส เหมือนกับใน AirPods Pro
- อาจรองรับการชาร์จเคสบนที่ชาร์จ Apple Watch ได้เหมือนกับ AirPods Pro รุ่นที่ 2
- อาจรองรับฟีเจอร์เครื่องช่วยฟังได้
ประกาศวันปล่อยอัปเดตซอฟต์แวร์
ในงาน Apple Event ทุก ๆ ปี Apple มักจะประกาศวันปล่อยอัปเดตซอฟต์แวร์ที่เปิดตัวมาแล้วในงานอีเวนต์ WWDC ก่อนหน้านี้
คาดว่าในงานนี้ Apple จะประกาศวันปล่อยอัปเดต iOS 18, iPadOS 18, watchOS 11, tvOS 18, macOS Sequoia 15 และ visionOS 2 หลังจบงานอีเวนต์ คาดว่าวันปล่อยอัปเดตจะเป็นวันที่ 18 กันยายน 2024
สินค้าที่มีโอกาสจะเปิดตัวในงาน Apple Event ‘It’s Glowing’
iPad mini รุ่นที่ 7
- ตัวเครื่อง iPad mini รุ่นที่ 7 ใช้ดีไซน์เดิม มีปุ่ม Touch ID ด้านบน
- หน้าจอ LCD ขนาด 8.3 นิ้ว
- อาจมาพร้อมชิปประมวล A17 Pro หรือ A18 เพื่อรองรับ Apple Intelligence
- อาจมีการอัปเกรดกล้องหน้า Ultra-Wide 12MP, f/2.4
- อาจอัปเกรดกล้องหลังใหม่ให้ดีขึ้นด้วย
- รองรับ Wi-Fi 6E
- รองรับ Bluetooth 5.3
- แก้ปัญหาจอย้วย
iPad รุ่นที่ 11
- ใช้ดีไซน์ตัวเครื่องแบบเดิม เหมือนกับ iPad รุ่นที่ 10
- เน้นการอัปเกรดสเปคภายในใหม่
- รองรับ Apple Pencil USB-C
AirPods Max รุ่นที่ 2
- ดีไซน์ยังคงแบบเดิม แต่อาจจะเพิ่มสีใหม่เข้ามา
- อัปเกรดชิปใหม่ H2
- รองรับ Bluetooth 5.3
- ปรับปรุงประสิทธิภาพเสียง
- ชิป UWB รุ่นที่ 2
- ปรับปรุงแบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น
- อาจเปลี่ยนพอร์ตชาร์จจาก Lightning เป็น USB-C เพื่อรองรับการชาร์จและฟังเสียงผ่านสายได้
สินค้าที่คาดว่าจะเปิดตัวช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2024
คาดว่าเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน Apple อาจจะเปิดตัวสินค้าตะกูล Mac ที่ได้รับการอัปเกรดสเปคใหม่ ได้แก่
- iMac รุ่นชิป M4
- MacBook Pro รุ่นชิป M4
- Mac mini รุ่นชิป M4
และทั้งหมดนี้ก็เป็นสรุปสิ่งที่คาดว่าจะได้เห็นในงาน Apple Event ‘It’s Glowtime.’ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 9 กันยายนนี้ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดการเปิดตัว iPhone 16 และสินค้าอื่น ๆ จากทีมงาน iMoD กันได้เลย
ถ่ายทอดสด (Live) โดยทีมงาน iMoD
เริ่มถ่ายทอดสดในคืนวันที่ 9 กันยายน เวลา 23.00 น. เป็นต้นไป ผ่าน Facebook Fanpage: iMoD และสามารถติดตามอัปเดตข่าวสารได้ที่เว็บ https://www.iphonemod.net/
ที่มา 9to5mac