15 ก.ย. 64, Apple ได้เปิดตัว iPhone 13, iPhone 13 mini ในงาน Apple Event “California streaming” มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่มากมาย มาชมสรุปข้อมูลกันเลย
เปิดตัว iPhone 13, iPhone 13 mini
ไฮไลท์
- ดีไซน์เดิมเหมือน iPhone 12
- กล้องหลังจัดวางแบบใหม่ แบบแนวทะแยง
- กล้อง TrueDepth ปรับใหม่ รอยบากเล็กลง
- กล้อง Wide ปรับปรุงใหม่ พิกเซลใหญ่ขึ้น กันภาพสั่น OIS แบบปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์
- กล้อง Ultra-Wide ปรับปรุ่งใหม่ เซ็นเซอร์ใหม่ เก็บภาพที่แสงน้อยดีขึ้น
- เพิ่มโหมดวิดีโอภาพยนตร์
- ฟีเจอร์สไตล์ภาพถ่าย
- ชิป A15 Bionic
- หน้าจอ Super Retina XDR สว่างขึ้น
- ความจุ 128GB, 256GB, 512GB
- ทนน้ำที่ระดับ IP68
- มี 5 สีให้เลือก สีชมพู, น้ำเงิน, มิดไนท์, สตาร์ไลท์ และ (PRODUCT)RED
ดีไซน์และหน้าจอ
iPhone 13, iPhone 13 mini ยังคงใช้ดีไซน์โดยรวมเหมือน iPhone 12 แต่โดย iPhone 13 ใช้หน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว ส่วน iPhone 13 mini หน้าจอขนาด 5.4 นิ้ว มาพร้อม Ceramic Shield ด้านหน้า ที่ทนทาน
กล้อง TrueDepth ปรับปรุงใหม่ทำให้มีขนาดที่เล็กลง ช่วยให้มีพื้นที่แสดงผลหน้าจอมากขึ้น
หน้าจอ Super Retina XDR มีความสว่างสูงสุดขณะอยู่กลางแจ้งเพิ่มขึ้น 28% เป็น 800 นิต, สว่างสูงสุด 1,200 นิต เมื่อเล่นเนื้อหา วิดีโอแบบ HDR
iPhone 13, iPhone 13 mini มีเวลาใช้แบตเพิ่มขึ้น โดย Apple ระบุว่ามาจากชิป A15 Bionic และแบตที่ใหญ่ขึ้น ช่วยให้ iPhone 13 มีเวลาใช้แบตเพิ่มขึ้น 2.5 ชั่วโมงเมื่อเทียบกับ iPhone 12 ส่วน iPhone 13 mini มีเวลาใช้เพิ่มขึ้น 1.5 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับ iPhone 12 mini
กล้อง
ด้านกล้องหลังนั้น iPhone 13, iPhone 13 mini ปรับปรุงระบบกล้องครั้งใหญ่ โดยกล้อง Wide มีพิกเซลขนาด 1.7 µm พร้อมเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ รับแสงเพิ่มได้มากถึง 47% ช่วยให้ภาพสว่างขึ้น
นอกจากนั้นกล้อง Wide ของ iPhone 13, iPhone 13 mini ใช้กันภาพสั่น OIS แบบปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์ ที่เคยมีเฉพาะใน iPhone 12 Pro Max และรูรับแสงขนาด ƒ/1.6 ช่วยให้การถ่ายภาพ วิดีโอ ดีขึ้นมาก
กล้อง Ultra-Wide ก็ได้รับการอัปเกรดเช่นกันมาพร้อมเซ็นเซอร์ใหม่ ช่วยให้เก็บภาพและวิดีโอในที่แสงน้อยได้ดี มีนอยซ์ลดลง
โหมดภาพยนตร์
iPhone มีโหมดภาพยนตร์แล้ว! iPhone 13, iPhone 13 mini มีโหมดภาพยนตร์ใหม่ ช่วยให้บันทึกวิดีโอผู้คน สัตว์เลี้ยง วัตถุแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ เปลี่ยนโฟกัสอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถบันทึกวิดีโอสไตล์ภาพยนตร์ได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนั้นหลังบันทึกวิดีโอแบบภาพยนตร์ ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งวิดีโอ ระดับหน้าชัดหลังเบลอ การควบคุมโฟกัสภายหลังได้ในแอปรูปภาพ, iMovie บน iOS (iMovie, Final Cut Pro ใน macOS จะรองรับภายหลัง)
Apple เคลมว่า คุณสมบัติของชิป A15 Bionic ช่วยให้ความสามารถในการถ่ายวิดีโอเพิ่มขึ้น สามารถบันทึกวิดีโอแบบ Dolby Vision HDR ได้, บันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision และกล้องทุกตัวรองรับความละเอียด 4K 60fps
ด้านชิปประมวลผล A15 Bionic ใช้ Neural Engine ที่เร็วยิ่งขึ้น รวมถึงโปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพ (ISP) ใหม่ มาพร้อมฟีเจอร์ “สไตล์ภาพถ่าย” ที่ผู้ใช้สามารถนำสไตล์การแต่งภาพของตัวเองมาใช้กับทุกภาพได้เลย โดยระบบจะปรับให้เอง
กล้องคู่ของ iPhone 13, iPhone 13 mini รองรับ HDR อัจฉริยะ 4 ซึ่งวันนี้สามารถปรับแต่งสีสัน คอนทราสต์ และการจัดแสงของแต่ละคนในภาพหมู่ให้สวยงามลงตัวยิ่งขึ้น แม้ในสภาวะที่แสงไม่ดี ช่วยให้ภาพสมจริง ถ่ายกลางคืนได้ดี
กล้องหน้า TrueDepth รองรับคุณสมบัติใหม่ ๆ ด้วย ทั้งรองรับโหมดภาพยนตร์ สไตล์ภาพถ่าย และ HDR อัจฉริยะ 4
ชิป A15 Bionic
จากที่เราเห็นข้อมูลไปก็จะทราบเลยว่า ชิป A15 Bionic เป็นหัวใจสำคัญของ iPhone 13 โดยชิป A15 Bionic นั้นใช้เทคโนโลยีแบบ 5nm, มีทรานซิสเตอร์ 1.5 หมื่นล้านตัว
- CPU 6-core แบ่งเป็นด้านประสิทธิภาพ 2-core และประหยัดพลังงาน 4-core
- GPU นั้นเป็นแบบ 4-core ช่วยเรื่องกราฟิก เอฟเฟ็กต์ภาพและการจัดแสงได้ดี
- Neural Engine แบบ 16-core ประมวลผลได้ถึง 15.8 ล้านล้านรายการต่อวินาที
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ เรื่องความจุใหม่ โดย iPhone 13, iPhone 13 mini มีความจุ 128GB, 256GB และ 512GB เพิ่มขึ้นจาก iPhone 12 ที่มีความจุ 64GB, 128GB และ 256GB
ราคาและการจำหน่าย
ราคาจำหน่าย iPhone 13, iPhone 13 mini มีดังนี้
iPhone 13 mini
- 128GB ราคา ฿25,900
- 256GB ราคา ฿29,900
- 512GB ราคา ฿37,900
iPhone 13
- 128GB ราคา ฿29,900
- 256GB ราคา ฿33,900
- 512GB ราคา ฿41,900
สำหรับวันจำหน่ายนั้น Apple จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันที่ 1 ต.ค. 64 นี้ และจะวางขายหน้าร้าน 8 ต.ค. 64