in , , ,

Apple เปิดตัว iPad Air ใหม่ พร้อมชิป M3 ทรงพลัง และ Magic Keyboard ใหม่ เริ่มต้น 21,900 บาท

Apple เปิดตัว iPad Air พร้อมชิป M3 ที่เร็วขึ้นและทรงพลังยิ่งขึ้น ทั้งยังสร้างมาเพื่อ Apple Intelligence โดย iPad Air พร้อมชิป M3 นำสถาปัตยกรรมกราฟิกสุดล้ำของ Apple มาไว้บน iPad Air เป็นครั้งแรก พร้อมยกระดับประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานและความสะดวกในการพกพาที่ผสานกันอย่างลงตัวไปอีกขั้น

Apple เปิดตัว iPad Air ใหม่ พร้อมชิป M3 อันทรงพลัง และ Magic Keyboard ใหม่

ไฮไลท์

  • ดีไซน์เดิม มี 2 ขนาดหน้าจอ 11″, 13″
  • หน้าจอ Liquid Retina
  • ชิป M3 CPU 8-core, GPU 9-core
  • กล้องหลัง Wide 12MP | ถ่ายวิดีโอ 4K ได้
  • กล้องหน้าแนวนอน 12MP | รองรับ Center Stage
  • รองรับ Apple Intelligence
  • Wi-Fi 6E
  • รองรับ Apple Pencil Pro | Apple Pencil (USB-C)
  • รองรับ Magic Keyboard สำหรับ iPad Air (ใหม่)
  • มีความจุ 128GB, 256GB, 512GB, 1TB
  • มีสี เทาสเปซเกรย์ ฟ้า ม่วง และ สตาร์ไลท์

เปิดตัว iPad Air ใหม่ ชิป M3

iPad Air พร้อมชิป M3 เร็วกว่า iPad Air พร้อมชิป M1 เกือบ 2 เท่า และเร็วกว่า iPad Air พร้อมชิป A14 Bionic สูงสุด 3.5 เท่า ผู้ใช้จึงสัมผัสความเร็วของชิป M3 ได้ในทุกอย่างที่ทำ ตั้งแต่การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจได้รวดเร็วกว่าที่เคย จนถึงการเล่นเกมที่เน้นกราฟิกหนัก ๆ

โดยมาใน 4 สีสันสวยงามที่ผู้ใช้จะต้องหลงรักและมีให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ iPad Air รุ่น 11 นิ้ว ที่พกไปไหนมาไหนได้สะดวกสุดๆ และรุ่น 13 นิ้ว ที่มาพร้อมจอภาพที่ใหญ่ยิ่งกว่าเพื่อให้มีพื้นที่ในการสร้างสรรค์และทำงานมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมี Magic Keyboard ใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับ iPad Air ที่จะช่วยยกระดับความอเนกประสงค์และขยายขีดความสามารถมากขึ้นไปอีกขั้น

และด้วย iPadOS 18, การรองรับ Apple Intelligence, กล้องสุดล้ำ, การเชื่อมต่อกับ 5G แบบไร้สายที่รวดเร็ว แถมยังใช้งานร่วมกับ Apple Pencil Pro และ Apple Pencil (USB-C) ได้ บอกเลยว่า iPad Air ใหม่นั้นจะมอบประสบการณ์การใช้งานที่ยากจะหาใครเทียบ

iPad Air ใหม่มาในราคาสุดคุ้มโดยเริ่มต้นในราคาเท่าเดิมเพียง 21,900 บาท สำหรับรุ่น 11 นิ้ว และ 28,900 บาท สำหรับรุ่น 13 นิ้ว ส่วนราคาส่งเสริมการศึกษาสำหรับ iPad Air รุ่น 11 นิ้ว เริ่มต้นเพียง 20,100 บาท และสำหรับรุ่น 13 นิ้ว เริ่มต้นเพียง 27,100 บาท

“iPad Air ได้รับความนิยมมากเพราะมีความลงตัวที่ยากจะหาใครเทียบระหว่างประสิทธิภาพ ความสะดวกในการพกพา และการรองรับอุปกรณ์เสริมสุดล้ำ ซึ่งทั้งหมดนี้มาในราคาที่ใครก็เป็นเจ้าของได้ง่าย ๆ” Bob Borchers รองประธานฝ่าย Worldwide Product Marketing ของ Apple กล่าว

“ตั้งแต่นักศึกษามหาวิทยาลัยที่จดโน้ตด้วย Apple Pencil Pro จนถึงนักเดินทางและคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ต้องการอุปกรณ์ทรงพลังที่ทำงานได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ทำทั้งหมดนี้ได้ด้วย iPad Air พร้อมชิป M3, Apple Intelligence และ Magic Keyboard ใหม่ที่ยกระดับทั้งความอเนกประสงค์และความคุ้มค่าไปอีกขั้น”

ประสิทธิภาพที่อัดฉีดพลังแรงโดยชิป M3

iPad Air พร้อมชิป M3 สามารถเสริมศักยภาพให้ผู้ใช้ทำงานและสร้างสรรค์ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ตั้งแต่ครีเอทีฟไฟแรงที่ทำงานกับไฟล์ขนาดใหญ่และใช้แอปที่ต้องประมวลผลหนัก ๆ จนถึงนักเดินทางที่ตัดต่อคอนเทนต์ขณะอยู่นอกสถานที่ นั่นเป็นเพราะว่าชิป M3 อันทรงพลังได้รับการปรับปรุงในหลาย ๆ ด้านให้เหนือกว่าชิป M1 และรุ่นก่อนหน้า

โดยชิป M3 มาพร้อม CPU แบบ 8-core ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น ทำให้เวิร์กโฟลว์ CPU แบบหลายเธรดเร็วขี้นสูงสุด 35% เมื่อเทียบกับ iPad Air พร้อมชิป M1 ขณะที่ GPU แบบ 9-core ในชิป M3 ก็มอบประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่เร็วกว่าชิป M1 สูงสุด 40%

ยิ่งไปกว่านั้น ชิป M3 ยังนำสถาปัตยกรรมกราฟิกสุดล้ำของ Apple มาไว้บน iPad Air เป็นครั้งแรก พร้อมทั้งรองรับ Dynamic Caching รวมไปถึงการให้แสงเงาแบบเมชและเรย์เทรซซิ่งที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ ซึ่งสำหรับเวิร์กโฟลว์การเรนเดอร์ที่เน้นกราฟิกหนัก ๆ ก็ต้องบอกว่า iPad Air พร้อมชิป M3 มีประสิทธิภาพเร็วกว่า iPad Air พร้อมชิป M1 สูงสุด 4 เท่า จึงทำให้แสงเงาและภาพสะท้อนนั้นถูกต้องแม่นยำขึ้น แถมยังมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่สวยงามสมจริงแบบสุด ๆ

Neural Engine ที่เร็วขึ้นในชิป M3 ทำให้ผู้ใช้ iPad Air สัมผัสความสามารถด้าน AI ที่มากยิ่งขึ้นใน iPadOS โดย Neural Engine ในชิป M3 นั้นเร็วขึ้นสูงสุด 60% สำหรับเวิร์กโหลดด้าน AI เมื่อเทียบกับชิป M1 นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้านอื่นๆ ที่ดีขึ้นกว่า iPad รุ่นที่ใช้ชิปตระกูล A ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการรองรับ Apple Intelligence หรือขนาดที่มีให้เลือกทั้ง 11 นิ้ว และ 13 นิ้ว รวมถึงการรองรับอุปกรณ์เสริมสุดล้ำอย่าง Magic Keyboard ใหม่ และ Apple Pencil Pro

iPad Air: สร้างมาเพื่อ Apple Intelligence

iPad Air สร้างมาเพื่อ Apple Intelligence ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะส่วนบุคคลที่จะนำเสนอสิ่งดีๆ ที่ชาญฉลาดและมีประโยชน์4อย่างเครื่องมือ “ลบออก” ในแอปรูปภาพที่ช่วยลบสิ่งรบกวนสายตาในภาพได้ง่ายๆ หรือการค้นหาด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ค้นหารูปภาพหรือวิดีโอได้แทบทั้งหมด เพียงแค่อธิบายสิ่งที่ต้องการค้นหา ส่วนไม้เสกภาพในแอปโน้ตก็จะช่วยให้ผู้ใช้ตกแต่งโน้ตด้วยภาพได้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้นโดยการเปลี่ยนภาพสเก็ตช์คร่าว ๆ เป็นภาพที่สวยงาม เพียงแค่วาดวงกลมล้อมรอบภาพสเก็ตช์ด้วย Apple Pencil หรือวาดวงกลมรอบพื้นที่ว่างๆ ภายในโน้ต แล้วไม้เสกภาพก็จะรวบรวมบริบทจากบริเวณรอบๆ เพื่อเนรมิตรูปภาพที่เข้ากันและทำให้โน้ตมีภาพที่สวยงามยิ่งขึ้น

Apple Intelligence ช่วยให้ผู้ใช้ได้ลองใช้วิธีใหม่ ๆ ที่สร้างสรรค์ในการถ่ายทอดความเป็นตัวเองด้วยภาพโดยใช้ Image Playground แล้วสร้างอิโมจิในแบบที่ถูกใจด้วย Genmoji หรือปรับการเขียนให้มีความลื่นไหลมีชีวิตชีวายิ่งขึ้นด้วยเครื่องมือการเขียน และวันนี้ผู้ใช้ยังสามารถพิมพ์โต้ตอบกับ Siri ได้ ในขณะที่ Siri เองก็มีความสามารถในการสนทนาที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และจับใจความได้ถึงแม้ผู้ใช้จะพูดตะกุกตะกัก

นอกจากนี้ Siri ยังสามารถรักษาบริบทของบทสนทนาแล้วนำไปปรับใช้กับบทสนทนาถัดไปได้ อีกทั้งยังมีความรอบรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ซึ่งช่วยให้ Siri สามารถตอบคำถามหลายพันคำถามเกี่ยวกับคุณสมบัติและการตั้งค่าของผลิตภัณฑ์ Apple ผู้ใช้จึงสามารถเรียนรู้วิธีทำสิ่งต่างๆ อย่างการบันทึกวิดีโอหน้าจอได้

ผู้ใช้สามารถนำความเชี่ยวชาญของ ChatGPT มาใช้โดยไม่ต้องสลับไปมาระหว่างแอปพลิเคชัน เพราะ ChatGPT จะผสานรวมเข้ากับเครื่องมือการเขียนและ Siri แบบไร้รอยต่อ เพื่อให้ผู้ใช้ทำสิ่งต่างๆ เสร็จได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้น

นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถเข้าถึง ChatGPT ได้ฟรีโดยไม่ต้องสร้างบัญชี และมั่นใจได้ว่าจะได้รับการปกป้องความเป็นส่วนตัวโดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม ทั้งการอำพรางที่อยู่ IP และการที่ OpenAI ไม่จัดเก็บข้อมูลคำขอ ทั้งยังสามารถเลือกได้ด้วยว่าจะเปิดใช้การผสานรวมกับ ChatGPT หรือไม่ และควบคุมได้เต็มที่ว่าจะใช้เมื่อใด และแชร์ข้อมูลอะไรบ้างกับ ChatGPT

Apple Intelligence ออกแบบมาเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ในทุกขั้นตอนโดยใช้การประมวลผลบนอุปกรณ์ ซึ่งหมายความว่าโมเดลหลายๆ ตัวที่ขับเคลื่อน Apple Intelligence ต่างทำงานทั้งหมดบนอุปกรณ์ และสำหรับคำขอที่ต้องเข้าถึงโมเดลขนาดใหญ่ขึ้นก็มี Private Cloud Compute หรือการประมวลผลบนคลาวด์แบบส่วนตัว ซึ่งจะขยายขอบเขตความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของ iPad ไปยังระบบคลาวด์เพื่อปลดล็อคความอัจฉริยะที่มากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะเมื่อใช้การประมวลผลบนคลาวด์แบบส่วนตัว จะไม่มีการจัดเก็บหรือแชร์ข้อมูลของผู้ใช้กับ Apple อย่างเด็ดขาด และจะใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อทำตามคำขอเท่านั้น

Magic Keyboard แบบใหม่หมดสำหรับ iPad Air

Magic Keyboard แบบใหม่หมดสำหรับ iPad Air ให้ผู้ใช้ทำอะไรๆ ได้มากกว่าเดิม อีกทั้งยังมีแทร็คแพดในตัวที่ใหญ่ขึ้นเพื่อช่วยให้จัดการกับงานที่ต้องใช้ความละเอียดได้แม่นยำยิ่งกว่าเดิม และแถวปุ่มฟังก์ชั่น 14 ปุ่มใหม่ก็ช่วยให้เข้าถึงคุณสมบัติต่างๆ อย่างความสว่างหน้าจอและการควบคุมระดับเสียงได้อย่างสะดวก

นอกจากนี้ Magic Keyboard ใหม่ยังติดเข้ากับตัวเครื่องด้วยแม่เหล็กโดยมี Smart Connector ที่จะเชื่อมต่อเพื่อจ่ายไฟและรับส่งข้อมูลในทันทีโดยไม่ต้องใช้ Bluetooth ส่วนบานพับอะลูมิเนียมที่ตัดแต่งด้วยเครื่องจักรก็มาพร้อมช่องต่อ USB-C สำหรับชาร์จ โดย Magic Keyboard ใหม่สำหรับ iPad Air มาในสีขาวพร้อมดีไซน์มหัศจรรย์แบบยกลอยที่ลูกค้าชื่นชอบ ในราคาเริ่มต้นเพียง 9,990 บาท สำหรับรุ่น 11 นิ้ว และ 10,990 บาท สำหรับรุ่น 13 นิ้ว

ราคาและการวางจำหน่าย

iPad Air พร้อมชิป M3 รุ่น 11 นิ้ว และ 13 นิ้ว จะมีให้เลือกในสีฟ้า สีม่วง สีสตาร์ไลท์ และสีเทาสเปซเกรย์ในรุ่นความจุ 128GB, 256GB, 512GB และ 1TB

  • iPad Air รุ่น 11 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 21,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และ 27,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular
  • Pad Air รุ่น 13 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 28,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และ 34,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular
  • ราคาส่งเสริมการศึกษาสำหรับ iPad Air รุ่น 11 นิ้วใหม่ เริ่มต้นที่ 20,100 บาท และสำหรับรุ่น 13 นิ้ว เริ่มต้นที่ 27,100บาท

อุปกรณ์เสริมสำหรับ iPad Airใหม่

Magic Keyboard ใหม่ซึ่งมีให้เลือกในสีขาวสามารถใช้งานร่วมกับ iPad Air รุ่น 11 นิ้ว และ 13 นิ้วได้

  • Magic Keyboard รุ่น 11 นิ้ว มีจำหน่ายในราคา 9,990 บาท และในราคาส่งเสริมการศึกษาอยู่ที่ 9,200 บาท
  • Magic Keyboard รุ่น 13 นิ้ว มีจำหน่ายในราคา 10,990 บาท และในราคาส่งเสริมการศึกษาอยู่ที่ 10,300 บาท

Apple Pencil Pro และ Apple Pencil (USB-C) สามารถใช้งานร่วมกับ iPad Air ใหม่

  • Apple Pencil Pro มีจำหน่ายในราคา 4,490 บาท และในราคาส่งเสริมการศึกษาที่ 4,090 บาท
  • Apple Pencil (USB-C) มีจำหน่ายในราคา 2,990 บาท และในราคาส่งเสริมการศึกษาที่ 2,590 บาท
ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Zakura Kim

Bachelor degree of science, Software engineering major, Payap University