เมื่อ 4 เดือนที่แล้ว Apple เปิดขายอุปกรณ์เสริม Mac สี Space Gray แยกกับ iMac Pro แล้วซึ่งประกอบไปด้วย Magic Mouse 2, Magic Keyboard พร้อมด้วย Magic Trackpad 2 รอบนี้ผมได้สั่งตัวคีย์บอร์ดและเมาส์มาแล้วจะขอนำมารีวิวบอกเล่าให้ชมกันพร้อมไปแล้วดูกัน
รีวิว Apple Magic Mouse และ Keyboard พร้อมปุ่มตัวเลขไทยสีเทาสเปซเกรย์
อุปกรณ์รีวิวในรอบนี้
- Magic Keyboard พร้อมปุ่มตัวเลข – ไทย – สีเทาสเปซเกรย์ ราคา 5,700 บาท
- Magic Mouse 2 – สีเทาสเปซเกรย์ ราคา 3,500 บาท
สาเหตุที่ซื้อ 2 อุปกรณ์นี้มาใช้งานเพราะว่ามี Magic Mouse 2 สีขาวแล้วและก็มี Magic Keyboard รุ่นเก่า(ที่ยังใช้ถ่าน AA) ที่มาพร้อม iMac 27″ Late 2014 ครับ ก็เลยอยากอัปเกรดมาใช้ตัวนี้เพราะไม่มีงบซื้อ iMac Pro นั่นเอง ฮ่าๆๆ
เอาหละไปชมกันครับว่าในกล่องมีอะไรบ้าง
แกะกล่อง Apple Magic Mouse 2 และ Magic Keyboard พร้อมปุ่มตัวเลข สีเทาสเปซเกรย์
เริ่มกันที่เมาส์
- Magic Mouse รุ่นที่ 2 จำนวน 1 ตัว
- สาย Lightning สีดำความยาว 1 เมตร สำหรับการชาร์จไฟ
- คู่มือการใช้งานผลิตภัณฑ์มีภาษาไทย
อุปกรณ์ที่มาพร้อม Magic Keyboard พร้อมปุ่มตัวเลขไทย
- Magic Keyboard พร้อมปุ่มตัวเลข จำนวน 1 ตัว
- สาย Lightning สีดำความยาว 1 เมตร สำหรับการชาร์จไฟ
- คู่มือการใช้งานผลิตภัณฑ์มีภาษาไทย
การเชื่อมต่อ
ทั้ง 2 อุปกรณ์จะเชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Bluetooth ให้ทำการเปิดอุปกรณ์เมาส์ปุ่มเปิดจะอยู่ด้านล่าง ส่วนคีย์บอร์ดปุ่มเปิดจะอยู่ด้านมุมบนขวา จากนั้นเข้าไปที่ System Preferences> Bluetooth ระบบจะสแกนพบอุปกรณ์ทั้ง 2 ให้กด Connect เพิ่มเริ่มการเชื่อมต่อ ที่เหลือก็ Disconnect อุปกรณ์ตัวเก่าออกได้เลย
ความรู้สึกหลังการใช้งาน
สำหรับเมาส์นั้นหากใครไม่เคยใช้งาน Magic Mouse ของ Apple มาก่อนนะ ผมจะบอกให้ว่าเมาส์ตัวนี้จะทำงานแบบ Guesture หรือระบบสัมผัสได้ ซึ่งมากกว่าแต่การกดเหมือนเมาส์อื่นๆ ทั่วไปครับ การควบคุมเมาส์ก็เช่น
- ใช้ 1 นิ้วสัมผัสแล้วเลื่อนขึ้นลง เพื่อเลื่อนหน้าต่างของแอป เช่น หน้าเว็บหรือหน้าเอกสาร
- แม้เมาส์ตัวนี้จะไม่มีปุ่มแยกซ้ายขวาแต่เราสามารถตั้งค่าให้คลิกขวาได้ เลือกที่ Secondary Click (ในการตั้งค่าเมาส์ System Preferences> Mouse> Point & Click)
- ซูมเข้าออกได้ โดยการใช้ 1 นิ้ว แตะ 2 ครั้งติดกัน (ไม่ใช่การคลิก) ฟีเจอร์นี้ต้องเปิด Smart Zoom ก่อนที่เดียวกับการเปิดคลิกขวาด้านบน
- ใช้ 1 นิ้วตวัดเพื่อสลับหน้าต่างระหว่างเพจได้
- ใช้ 2 นิ้วตวัดเพื่อสลับหน้าต่างของแอปหรือระหว่าง desktop ได้เลย
- เรียก Mission Control โดยการใช้ 2 นิ้ว แตะ 2 ครั้งติดกัน (ไม่ใช่การคลิก)
โดยภาพรวมแล้วตัวเมาส์ฟีเจอร์ภายในไม่ได้เปลี่ยนอะไรส่วนรูปลักษณ์ภายนอกพร้อมการกดปุ่มก็ยังเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือสีใหม่เท่านั้น หากใครยังไม่ทราบเกี่ยวกับ Magic Mouse 2 นั้นมีการเปลี่ยนระบบไฟโดยหันมาใช้ระบบการชาร์จด้วยสาย Lightning แทนที่การใช้ถ่าน AA ใน Magic Mouse รุ่นแรก
เรื่องแบตเตอรี่ของเมาส์บอกเลยว่าทนทานชาร์จครั้งเดียวใช้งานแบบไม่เคยปิดสวิตช์เลยก็ใช้งานได้นานจนลืมว่าชาร์จครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แน่นอนว่าผู้ใช้ iMac, Mac Pro, Mac mini ต้องใช้งานเมาส์อยู่แล้ว ส่วน MacBook นั้นจะเป็นอุปกรณ์เสริมมีไว้สำหรับผู้ที่ที่ใช้งาน Trackpad ยังไม่คล่องหรือต้องการใช้งานแอปที่ต้องความเป๊ะในการใช้เมาส์ชี้อย่าง Photoshop เป็นต้น
มาในฝั่งของคีย์บอร์ดบ้าง ถือเป็นครั้งแรกที่ผมได้ใช้งานคีบอร์ดที่มาพร้อมตัวเลขแบบนี้ก่อนหน้านี้ผมใช้คีบอร์ดไร้สายของ iMac 27″ ปี 2014 ซึ่งตัวนั้นจะไม่มีปุ่มคีบอร์ดตัวเลขมาให้ด้วย
ความแตกต่างคือ มุมของแป้นพิมพ์จะไม่เงยเท่ารุ่นก่อนหน้านี้, ปุ่มจะต่ำลงแต่จะไม่แบนเท่า butterfly keyboard บน MacBook Pro, การพิมพ์เงียบขึ้นกว่ารุ่นเก่า, แป้นพิมพ์เด้งตอบสนองต่อการพิมพ์ค่อนข้างดี, ตัวบอดี้ของคีย์บอร์ดนั้นผลิตจากอะลูมิเนียมชิ้นเดียวทั้งเซต ภายในมีแบตเตอรี่ในตัวชาร์จไฟด้วยสาย Lightning ประหยัดไฟ ชาร์จทีนึงใช้งานได้ยาวๆ
ที่ปุ่มจะมีการเปลี่ยนแปลงคือคำว่า caplock, shift, tab, enter return, delete ฯลฯ จะหายไปและถูกแทนที่ด้วยสัญลักษณ์, ปุ่ม fn ถูกตัดออกไปด้วยครับ
ความสะดวกในเรื่องปุ่มตัวเลขนั้นผมเองไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่แต่ว่ามันน่าจะเหมาะกับงานเอกสาร คนทำบัญชี กรอกข้อมูลลงตารางส่วนนี้จะได้ประโยชน์มากที่สุด
โดยรวามปรับทับใจเรื่องการออกแบบครับดู minimal ตามสไตล์ของ Apple วัสดุที่ผลิตก็ใช้โลหะให้ความแข็งแรงทนทานดี การมาพร้อมระบบชาร์จในตัวก็ช่วยให้ไม่ต้องวิ่งไปซื้อแท่นถ่านชาร์จไร้สายมาใช้งาน ส่วนการตอบสนองต่อการพิมพ์ถือว่าทำได้ดีเช่นกัน สำหรับใครที่มองคีย์บอร์ดและเมาส์รุ่นนี้สีนี้ไว้เมื่อท่านได้อ่านรีวิวนี้แล้วก็หวังว่าจะช่วยตัดสินใจในการที่จะเลือกซื้อมาใช้งานได้นะครับ
สั่งซื้อได้ที่ไหน
ช่องทางก็ Apple Store Online จะสั่งผ่านหน้าเว็บหรือสั่งจากแอป Apple Store ก็ได้ นอกจากนั้นสามารถดูที่ร้านตัวแทนจำหน่ายอย่าง Studio 7 และอื่นๆ ได้เช่นกันครับ