Apple เผยว่า ชิปโมเด็ม C1 ของ Apple นั้นเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น และจะมีการพัฒนาเรื่อย ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างด้านเทคโนโลยี
ชิปโมเด็ม C1 ของ iPhone 16e “คือจุดเริ่มต้น”
Johny Srouji หัวหน้าฝ่าย Hardware ของ Apple เผยกับ Reuters ว่า “C1 คือจุดเริ่มต้น”, Apple จะพัฒนาเทคโนโลยีในแต่ละ Generation ต่อไป เพื่อให้กลายเป็น Platform ที่สามารถนำไปสร้างความแตกต่างให้กับเทคโนโลยีในผลิตภัณฑ์อย่างแท้จริงได้
Apple ยืนยันกับ Reuters ว่ามีแผนที่จะนำชิปโมเด็มที่พัฒนาขึ้นมาเองนั้นไปใช้ในผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ๆ ในไม่กี่ปีข้างหน้านี้ด้วย, ซึ่งก็สอดคล้องกับที่ Ming-Chi Kuo เผยว่า ชิป C1 จะถูกนำไปใช้ใน iPhone 17 Air ปลายปี 2025 นี้
การที่ Apple นำชิปโมเด็มของตัวเองมาใช้ในผลิตภัณฑ์ก็ช่วยลดการพึ่งพาชิปจาก Qualcomm ที่เป็นผู้ผลิตและส่งมอบชิปโมเด็มให้ Apple, โดย Qualcomm เองคาดการณ์ว่า สัดส่วนการส่งมอบชิปโมเด็มสำหรับ iPhone จะลดลงเหลือ 20% ในปี 2026
Srouji เผยว่าชิปโมเด็ม C1 ผลิตด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบบ 4nm, Transreciever ผลิตด้วยกระบวนการ 7nm ซึ่งชิปโมเด็มตัวนี้ Apple เผยว่า เป็นชิปโมเด็มที่ผลิตด้วยกระบวนการที่ซับซ้อนมากที่สุดเท่าที่ Apple สร้างมา และมีการทดสอบกับผู้ให้บริการ 180 รายใน 55 ประเทศเพื่อให้มั่นใจได้ว่า จะสามารถมอบประสิทธิภาพในการโทร และการใช้งาน Cellular ได้
Srouji เผยว่าเป้าหมายของ Apple นั้นไม่ได้ต้องการให้ชิป C1 มีประสิทธิภาพหรือทำงานได้เทียบเท่ากับชิปโมเด็มของ Qualcomm, แม้ชิป C1 จะให้ความเร็ว 5G ที่เร็วที่สุดได้เพราะไม่รองรับ mmWave แต่ C1 ก็เป็นชิปโมเด็มที่ประหยัดพลังงานที่สุด ช่วยเพิ่มเวลาการใช้งานแบตของ iPhone 16e ได้เป็นอย่างมาก
ซึ่งสิ่งนี้ Srouji เผยว่า “เป็นสิ่งที่แตกต่างอย่างแท้จริง”
ที่มา: MacRumors