เมื่อกลางเดือน ม.ค. 2562 ทาง Apple ได้เปิดขาย Smart Battery Case สำหรับ iPhone XS, XS Max, XR ซึ่ง ณ ตอนนั้นยังไม่ได้ขายในไทย ล่าสุด ก.พ. 2562 นั้นอุปกรณ์ชิ้นนี้มีจำหน่ายในไทยเป็นเรียบร้อยแล้ว วันนี้ทีมงาน iMoD ขอนำอุปกรณ์ชิ้นนี้มารีวิวพร้อมเล่าประสบการณ์หลังการใช้งานให้ได้ทราบกันครับ
รีวิว Smart Battery Case เคสแบตสำรอง iPhone XS, XS Max, XR
อุปกรณ์เสริมนี้เปิดขายในไทยแล้ววันนี้ที่ Apple Iconsiam ราคาของทุกรุ่นเท่ากันที่ 4,990 บาท ส่วนหน้าเว็บออนไลน์ของ Apple นั้นยังไม่มีให้สั่งและร้านตัวแทนจำหน่ายของ Apple สินค้ากำลังจะเข้าเร็ว ๆ นี้ครับ วันนี้เราได้เจ้า Smart Battery Case ของ iPhone XS Max และ XR มาแล้ว ขออนุญาตรีวิวให้ได้ชมกันครับ
พร้อมแล้วไปกันเลย
1. สเปกเคส Smart Battery สำหรับ iPhone XS, XS Max และ XR
รุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นแรกที่รองรับการชาร์จผ่านระบบไร้สาย (Wireless Charging) นั่นหมายความว่าเราสามารถติดตั้งตัว Smart Battery Case เข้ากับ iPhone แล้วนำไปวางที่แท่นชาร์จไร้สายจากนั้นเคสนี้ก็จะถูกชาร์จไฟเข้าไปนั่นเอง เดี๋ยวมาชมสเปกของอุปกรณ์ชิ้นนี้กันก่อนครับ
- รุ่นที่รองรับได้แก่ iPhone XS, XS Max และ XR
- ย้ายตำแหน่งของแบตเตอรี่มาอยู่โซนด้านล่างทั้งหมด ต่างจากรุ่นก่อนที่แบตเตอรี่จะอยู่กึ่งกลางเคส
- ความจุ (Capacity) ของเคสแบตเตอรี่สำรองนี้ทุกรุ่นอยู่ที่ 1,369 mAh (10.1Wh)
- ชนิดของแบตเตอรี่ Lithium
- เชื่อมต่อกับ iPhone ผ่านพอร์ต Lightning รองรับทั้งการชาร์จและซิงก์ข้อมูลกับอุปกรณ์อื่น ๆ
- Input รองรับแรงดัน 5V/5.2V/9V/14.5V/15V ที่กระแสสูงสุด 3A
- Output จ่ายกระแสเข้าไปยัง iPhone ที่แรงดัน 6.7V/0.7A
- อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการใช้งาน : 0-35 องศา C หรือ 32-95 องศา F
- รองรับการใช้งานร่วมกับอะแดปเตอร์ USB-C PD ต้องใช้งานร่วมกับสาย USB-C to Lightning
- รองรับการชาร์จไร้สายกับแท่นชาร์จมาตรฐาน Qi
- ชาร์จไร้สายได้แม้ไม่ได้ติดตั้งกับ iPhone
- ช่องลำโพงและไมค์ตรงกับ iPhone รุ่นนั้น ๆ ทำให้ไม่มีปัญหาที่ระบบเสียง
- น้ำหนัก 108 กรัม (XS Max), 104 กรัม (XR) ส่วนรุ่น XS นั้นไม่ได้นำมารีวิวด้วยคาดว่าจะเบากว่า XR เล็กน้อย
- มี 2 สีให้เลือก คือ ขาวและดำ
- ราคา 4,990 บาท
2. แกะกล่อง
อุปกรณ์ที่มีในกล่องประกอบด้วย
- Smart Battery Case 1 ชิ้น
- เอกสารแนะนำการใช้งาน มีภาษาไทยด้วย
สำหรับเคสแบตเตอรี่ของ Apple รุ่นนี้เนื้อวัสดุที่เป็นเคสนั้นผลิตจากซิลิโคนลักษณะเดียวกับเคสซิลิโคนแบบปกติรุ่นทั่วไปที่ Apple เปิดขาย ภายในบุด้วยไมโครไฟเบอร์ช่วยปกป้อง iPhone ไม่ให้เป็นรอยได้เป็นอย่างดี โซนด้านบนมีความยืดหยุ่นสามารถบิดไปด้านหลังได้เพื่อความสะดวกในการติดตั้ง iPhone ลงไปที่เคส
ด้านในของเคสจะระบุโมเดลและซีเรียลนัมเบอร์ของอุปกรณ์เอาไว้พร้อมทั้งบอกสเปกของแบตเตอรี่อีกด้วย อย่างเช่นความจุทั้งหมดและแรงดันที่รองรับ
ด้านล่างสุดตรงกลางจะเป็นหัวชาร์จ Lightning สำหรับเชื่อมต่อกับพอร์ตของ iPhone ส่วนด้านข้างนั้นจะเจาะรู-ของตำแหน่งไมโครโฟนและลำโพงให้เท่ากับ iPhone รุ่นนั้น ๆ ทำให้ระบบเสียงทั้งไมค์และลำโพงยังใช้งานได้อย่างปกติ
3. การติดตั้งและทดสอบใช้งาน
สวม iPhone จากด้านบนดันลงไปที่ด้านล่างซึ่งเคสส่วนบนนั้นออกแบบให้มีความยืดหยุ่นเพื่อการติดตั้งเช่นนี้โดยเฉพาะครับ
หลังติดตั้งเสร็จจะมีหน้าระดับแบตเตอรี่ที่เหลือแสดงให้เห็นทั้งตัวเคสและ iPhone
การใช้งาน Smart Battery Case ตัวนี้ หากเราติดตั้งร่วมกับ iPhone แล้วจากนั้นจำนวนไฟทั้งหมดที่เหลือใน Smart Battery Case จะถูกชาร์จให้กับ iPhone ทันที พูดง่าย ๆ คือ iPhone จะพยายามดึงแบตเตอรี่จากเคสออกมาใช้งานให้หมดเสียก่อนหลังจากแบตเตอรี่ในเคสหมดค่อยมาใช้งานจากในตัว iPhone แทน
พูดรวม ๆ สำหรับ Smart Battery Case ตัวนี้เหมือนเพิ่มแบตเตอรี่อีก 1 ก้อนให้กับ iPhone ใช้งานโดยรวม 2 วันสบาย ๆ เลยแหละ
การทดสอบใช้งานพบว่าการใช้งานทั่วไป 1 วันเต็มแบตของ Smart Battery Case จะค่อยถูกดึงออกไปใช้งานก่อนเลย นี่คือการทดสอบใช้งานเบื้องต้นเคสแบตเตอรี่ตัวนี้บน iPhone XS Max
จากภาพด้านบนสรุปได้ดังนี้
- ชาร์จเต็ม 100% ทั้ง iPhone และ Smart Battery Case และถอดสายชาร์จออกตอนราว ๆ 7.30 น. และเริ่มใช้งานจากแบตเตอรี่ตั้งแต่ช่วงนั้น
- ณ เวลา 11:34 น. ผ่านมาประมาณ 4 ชม. แบตเตอรี่จากเคสเหลือ 68% ส่วนแบตเตอรี่ของ iPhone ยังคงอยู่ที่ 100% จากการใช้งานทั่วไปอย่างเล่น LINE, Facebook, แต่งรูป, เปิดเพลงฟัง, ดู YouTube บ้าง
- ณ เวลา 19.33 น. ผ่านมาประมาณ 12 ชม. แบตเตอรี่จากเคสเหลือ 9% ส่วนแบตเตอรี่ของ iPhone ยังคงอยู่ที่ 100% การใช้งานปกติเช่นเดิม มีดู Netflix ด้วยนิดหน่อยระหว่างรอ
- ณ 22:04 น. ผ่านมาประมาณ 17 ชม. เแบตเตอรี่เคสหมดไปแล้วและพลังงานจาก iPhone ถูกดึงมาใช้และเหลืออยู่ 97% ซึ่งถือว่าเยอะมาก
ดังนั้นจะพอสรุปได้ว่าการใช้งานใน 1 วันเต็ม ๆ นั้นแบตเตอรี่จะเหลือเฟือเยอะเลย ถ้าผู้ใช้ท่านใดใช้งานหนักในวันนั้น ๆ เช่น ถ่ายภาพและคลิปเยอะ ๆ นอกสถานที่ (ผมออกไปทำข่าวบ่อย ๆ ช่วงที่ใช้งานเช่นนี้แหละแบตเตอรี่หมดไวต้องชาร์จช่วงบ่ายประจำ) จะทำให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
มาสู่การทดสอบประสิทธิภาพเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่บ้าง ขึ้นชื่อว่าแบตสำรองเดี๋ยวนี้ถ้าจะซื้อสักอันต้องพิจารณาเรื่องความเร็วของการชาร์จไฟทั้งเข้าและออกด้วย
- ในเรื่องของไฟออก (Output) นั้นการดีไซน์ของ Apple ออกแบบไว้ให้มีกำลังไม่เกิน 5W ที่แรงดัน 6.7V/0.7A (4.69W) ซึ่งน่าจะมองว่าเคสไม่ได้เน้นการชาร์จไฟให้ iPhone แบบเร็ว ๆ แต่จะเน้นให้ iPhone ค่อย ๆ ดึงแบตเตอรี่จากเคสไปใช้งานให้หมดก่อนมากกว่า
- สำหรับเรื่องการชาร์จไฟเข้านั้นสิ่งที่ประหลาดใจที่ได้เห็นคือ เคสนี้รองรับแรงดันไฟหลากหลายค่ามาก ได้แก่ 5V/5.2V/9V/14.5V/15V ที่กระแสสูงสุด 3A นั่นหมายความว่าอะแดปเตอร์อื่น ๆ ในท้องตลาดนั้นสามารถนำมาใช้กับเคสนี้ได้และเผลอ ๆ ดีกว่าอะแดปเตอร์จาก Apple ด้วย
- ทดสอบชาร์จแบบเร็วที่สุดทำได้ 30W (12.3V/2.49A) ซึ่งอะแปดเตอร์ที่ใช้ทดสอบนั้นให้กำลังไฟสูงสุด 30W เลยได้ผลเท่านี้ โดยต้องเป็นการชาร์จตอนที่ติดตั้งเคสเข้ากับ iPhone แล้วเท่านั้นจึงจะได้กำลังไฟที่ไหลเข้าเยอะขนาดนี้ แต่หากชาร์จเพียงเคสเดี่ยว ๆ กำลังไปนั้นจะอยู่ประมาณ 15W (5.14V/2.96A) เท่านั้น
- ทดสอบชาร์จเคสและ iPhone โดยใช้อะแอปเตอร์ MacBook Pro ขนาด 87W กำลังไฟสูงสุดที่ได้นั้นไม่เกิน 27W (8.96V/2.95A)
- ส่วนการชาร์จไร้สายนั้นทำได้ทั้งตอนติดตั้งและไม่ได้ติดตั้งกับ iPhone แค่วางลงบนแท่นชาร์จก็ทำได้เลย และที่ตัวเคสจะมีไฟบอกสถานะว่ากำลังชาร์จอยู่
จุดอื่น ๆ ที่พูดถึงก็คงเป็นเรื่องน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาอีกประมาณ 100 กรัมนิด ๆ ทำให้เมื่อรวมกับน้ำหนักของ iPhone โดยเฉพาะรุ่น iPhone XS Max ก็จะมีน้ำหนักรวมกันถึง 324 กรัม การพกติดตัวใช้งานในชีวิตประจำวันนั้นถือว่าสะดวกดี (ดีกว่าพกสายชาร์จและแบตเตอรี่แยกอีกก้อน) แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับใครที่จำพกติดตัวไปด้วยตอนวิ่งออกกำลังกายนะ ส่วนเรื่องการจับนั้นค่อนข้างกระชับและไม่ลื่นหลุดมือง่าย ๆ ตามลักษณะกายภาพของเคสที่ผลิตจากซิลิโคน ส่วนการดีไซน์นั้นดีกว่ารุ่นที่แล้ว สวยกว่าแยะเลย
นั่นคือประสบการณ์ในการใช้งาน Apple Smart Batter Case รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ครับ
จุดเด่น
- มองในแง่การใช้งานทั่วไปนั้นค่อนข้างสะดวกนะ ไม่ต้องห่วงเรื่องพวกสายชาร์จและแบตสำรองแยกออกจากกันแถมเคสนั้นก็กันกระแทกได้ด้วยได้ประโยชน์แบบ 2-in-1
- ใช้งานง่าย ติดตั้งและถอดง่ายไม่ต้องออกแรงงัดเยอะ ติดตั้งเสร็จแล้วใช้งานทันทีไม่ต้องกดปุ่มปิดเปิดอะไรเพิ่มเติม
- จับกระชับไม่ลื่น
- รองรับระบบชาร์จเร็วผ่านสายทำได้ดี
- เช็คสถานะแบตเตอรี่ที่เหลือได้แสดงบน Widget Battery และทุกครั้งชาร์จ
- รองรับการชาร์จไร้สายซึ่งถือเป็นรุ่นแรกของเคสแบตเตอรี่จาก Apple
- เคสนี้ใช้งานร่วมกับฟิล์มกระจกแบบเต็มจอได้
- ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ได้อย่างไร้ปัญหา
จุดด้อย
- ดีไซน์ขัดใจแบตเตอรี่เสริมที่นูนขึ้นมากแต่ไม่เต็มด้านหลังทั้งหมดทำให้ดูไม่สมดุล แต่ก็ยังถือว่าดีกว่ารุ่นก่อนหน้า (รุ่นของ iPhone 6, 6s, 7)
- ชาร์จไร้สายค่อนข้างช้าถ้าชาร์จได้เร็วสัก 10W หรือมากกว่าน่าจะดีกว่านี้
- ผิววัสดุซิลิโคนใช้ไปนาน ๆ มีโอกาสลอกได้
- เคสมีความหน้าขึ้นและน้ำหนักมากขึ้น
- ราคาค่อนข้างสูง
4. สรุป
Apple Smart Battery Case สำหรับ iPhone XS, XS Max และ XR เป็นนิยามใหม่ของเคสที่มาพร้อมแบตเตอรี่ ถือว่าเป็นรุ่นแรกที่รองรับการชาร์จผ่านระบบไร้สายทำงานให้เพิ่มความในการใช้งานร่วมกับแท่นชาร์จ อุปกรณ์เสริมนี้ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับ iPhone ให้ใช้งานได้นานสุดถึง 2 วันโดยไม่ต้องชาร์จเพิ่ม ใครที่ใช้งานนอกสถานที่หนัก ๆ และกลัวแบตเตอรี่ไม่พอและไม่อยากพกแบตสำรองอื่น ๆ อุปกรณ์นี้น่าจะเหมาะสมกับคุณที่สุดแล้ว