Nooknick Yanika
มาทำความรู้จักกับความเป็นส่วนตัวใน iPhone และทำความเข้าใจว่าทำไมความโปร่งใสในการติดตามแอป (App Tracking Transparency) เป็นสิ่งที่ Apple พยายามผลักดัน
ชมโฆษณา “ความเป็นส่วนตัวบน iPhone | ตามติด | Apple” จาก Apple
21 พฤษภาคม 2021, Apple ไทย ปล่อยวิดีโอโฆษณาที่ชื่อ “ความเป็นส่วนตัวบน iPhone | ตามติด | Apple” เวอร์ชันภาษาไทย เพื่ออธิบายการทำงานของความโปร่งใสในการติดตามแอป (App Tracking Transparency) ให้ผู้ใช้ iPhone เข้าใจง่ายว่ามันทำงานอย่างไร และบริษัทต่าง ๆ จะนำข้อมูลเราไปใช้ได้อย่างไรหากเราอนุญาตให้แอปและเว็บไซต์ต่าง ๆ ติดตาม
ชมวิดีโอ
เนื้อหาในวิดีโออธิบายว่าข้อมูลของเราถูกบริษัทต่าง ๆ นำไปใช้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ โดยการพยายามนำเสนอสินค้าต่าง ๆ มาให้เรา อ้างอิงจากข้อมูลการบริโภค การจ่ายเงิน ข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ของเราในแต่ละวัน
หลายคนไม่ทราบว่ามีการติดตามผ่านทางออนไลน์ และในแอปที่ใช้งานอยู่ โดยเฉลี่ยในแต่ละแอปจะมีตัวติดตามประมาณ 6 ตัวจากบริษัทต่าง ๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการติดตามและเก็บข้อมูลส่วนตัวแตกต่างกันไป ข้อมูลที่เก็บรวบรวมโดยตัวติดตามเหล่านี้ถูกแชร์และนำไปใช้ด้วยวิธีการต่าง ๆ สร้างมูลค่าถึง 227 พันล้านเหรียญสหรัฐในอุตสาหกรรมในแต่ละปี โฆษณาเรื่องนี้จุดประกายในวงการอุตสาหกรรม และฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวในผลิตภัณฑ์ของ Apple ช่วยให้ผู้คนมีเครื่องมือและความรู้ในการปกป้องข้อมูลส่วนตัว
โดย Apple บอกว่า ทางบริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องความเป็นส่วนตัว ส่งเสริมความโปร่งใส และความสามารถในการควบคุมมานานกว่าสิบปี ความโปร่งใสในการติดตามของแอปก็เป็นเรื่องหนึ่งที่เราให้ความสำคัญ
- Apple ไม่ได้ต่อต้านการโฆษณา เพียงแต่คิดว่าการติดตามควรจะมีความโปร่งใสและผู้ใช้สามารถควบคุมได้
- การติดตาม หมายถึงการเชื่อมโยงผู้ใช้หรือข้อมูลของอุปกรณ์ที่ได้จากแอปกับผู้ใช้ หรือข้อมูลในอุปกรณ์จากบริษัท แอป เว็บไซต์ หรือบริษัทออฟไลน์ เพื่อนำเสนอโฆษณา หรือใช้วัดผลการโฆษณา นอกจากนี้การติดตามยังหมายรวมถึงการแชร์ข้อมูลผู้ใช้ หรือข้อมูลของอุปกรณ์แก่ตัวแทนนายหน้าด้านข้อมูล
- ความโปร่งใสในการติดตามของแอป (การขออนุญาต) ถูกนำไปใช้กับนักพัฒนาทุกคน รวมถึง Apple หากต้องการติดตามผู้ใช้
- แพลตฟอร์มโฆษณาของ Apple และแอปของ Apple ไม่มีการติดตามผู้ใช้
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม
ความโปร่งใสในการติดตามแอปจะให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะให้แอปติดตามหรือไม่ โดยสิ่งนี้อำนาจในการตัดสินใจของผู้ใช้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบริษัทหรือ Apple แต่อยู่ในมือของผู้ใช้เอง และสิ่งนี้เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่บอกได้ว่า Apple เป็นบริษัทที่ใส่ใจในเรื่อง Privacy (ความเป็นส่วนตัว) เป็นอย่างมาก
