บอกก่อนเลยว่าตั้งแต่ใช้ Apple Watch รุ่นแรกมาจนถึง Apple Watch Series 5 รุ่นปี 2019 ผมไม่ติดฟิล์มกันรอยหน้าจอให้กับ Apple Watch แบบใช้งานจริงจังเลยสักที ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง (อ่านต่อด้านล่าง) แต่ว่าพอได้ลองฟิล์มกันรอยจาก The Pixel รอบนี้ ทำให้เริ่มอยากจะใช้จริงจังละ เพราะอะไรนั้นตามมาชมรีวิวกันเลย
ฟิล์มกันรอย Apple Watch ที่ผ่านมาไม่ค่อยอยากจะติดเท่าไหร่
Disclosure : รีวิวนี้ได้รับการสนับสนุนจาก The Pixel แต่ข้อมูลและความเห็นทั้งหมดมาจากตัวผู้เขียนทั้งหมด
เดิมทีที่ผมไม่ได้ติดฟิล์มกันรอยให้กับ Apple Watch เพราะว่าเคยลองฟิล์มปกติแล้วงานติดไม่ค่อยสวยและไม่แน่นหลุดง่าย ส่วนฟิล์มกระจกที่เคยเจอมาความหนาเยอะเกินทำให้ติดฟิล์มแล้วมันดูไม่ค่อยเนียนและที่สำคัญคือระบบสัมผัสไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ช่วงนั้นก็เลยไม่ได้คิดสนใจที่จะติดเลย
ล่าสุดทาง The Pixel ส่งฟิล์มกันรอยตัวใหม่มาให้ลองกับ Apple Wacth Series 5 ที่ผมใช้งานอยู่ วันนี้เลยนำข้อมูลมารีวิวให้กันชมครับ
สรุปสั้น ๆ สำหรับฟิล์มกันรอย Apple Watch ตัวนี้ คือ ติดแน่นมาก เข้ารูปดี ฟิล์มบาง ติดแล้วมองผ่าน ๆ เหมือนไม่ติด ระบบสัมผัสดี และสามารถใส่โดนน้ำได้
นั่นเป็นข้อมูลสรุปสั้น ๆ สำหรับฟิล์มตัวนี้นะครับ บอกให้รู้กันก่อนที่เราจะไปชมรีวิวฉบับเต็ม
รีวิวฟิล์มกันรอย Apple Watch Series 4, 5 จาก The Pixel ใช้ดีกว่าที่คิด
รุ่นที่รีวิวมี 2 แบบคือ ฟิล์มใสและฟิล์มด้าน ชื่อเต็มคือ
- ฟิล์มกันรอยเต็มจอลงโค้ง แบบใส The Pixel Super Film Pro Ultra Clear
- ฟิล์มกันรอยเต็มจอลงโค้ง แบบด้าน The Pixel Super Film Pro Matte
มีให้เลือก 2 ขนาดได้แก่ 40 มม. และ 44 มม. รองรับ Apple Watch Series 4 และ 5
1. วัสดุและคุณสมบัติเด่น
ว่ากันด้วยเรื่องวัสดุที่ใช้ผลิตฟิล์มกันรอย The Pixel สำหรับ Apple Watch นี้มีส่วนประกอบทั้งหมด 5 ชั้นได้แก่
- ชั้นบนและชั้นล่างสุดเป็นส่วนของ Protection Film
- ชั้นที่ 2 สารเคลือบกันรอยขีดข่วน (Hard Coating)
- ชั้นที่ 3 เป็น Polyethylene Terephthalate (PET) เป็นพลาสติกเทอร์โมพลาสติกที่มีความแข็งแรง ความหนาระดับ 100 ไมครอน ให้ความแข็งแรงเป็นพิเศษ
- ชั้นที่ 4 เป็นซิลิโคนสำหรับติดกับหน้าจอ (Silicone Adhesion)
ส่วนเรื่องจุดเด่นของฟิล์มกันรอย The Pixel สำหรับ Apple Watch ตัวนี้
- สีสันคมชัดเนื้อฟิล์มบางเสมือนไม่ได้ติด เนื้อฟิล์มแบบใส ช่วยคงสีสันความคมชัด มีความบางเพียง 0.2 mm. ขอบฟิล์ม โค้งมนสวย สัมผัสเนียนไปกับตัวเครื่องให้ความรู้สึกติดแล้วเหมือนไม่ได้ติด ด้วยวิธีการ เจียรขอบให้โค้งมนระดับ 3D
- ความแข็งแรงความยืดหยุ่น มีความยืดหยุ่นมากเป็นพิเศษ ช่วยลดโอกาสในการแตก สามารถรองรับแรง กระแทกกันรอยขีดข่วนได้อย่างดี
- สัมผัสลื่นทัชไม่สะดุด วัสดุในการผลิต(Raw Material) นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ทําให้ผิวสัมผัสของฟิล์มมีความลื่นสูง สัมผัสดี ทัชสมูธ และกดติดทุกตัวอักษร พร้อมอายุการใช้งานที่นานทนทานมากยิ่งขึ้น การเคลือบทับด้วยสารที่มีคุณสมบัติกันน้ำและไขมัน สามารถลดรอยคราบมันและคราบสิ่งสกปรกได้ดี
- กันน้ำกันฝุ่น ด้วยเนื้อฟิล์มลงโค้ง 3D ติดแล้วแนบสนิทไปกับตัวเครื่อง จึงทําให้สามารถลงน้ำได้ในระดับ ความลึกและระยะเวลาที่ทางแบรนด์ Apple กําหนด โดยที่ฟิล์มไม่เด้ง ไม่หลุด
- ส่วนในรุ่นฟิล์มแบบด้านนั้นจะเหมือนกับฟิล์มแบบใสแต่จะแตกต่างก็เพียง เนื้อฟิล์มแบบด้านมีการเคลือบสารชนิดพิเศษบนเนื้อฟิล์ม จึงช่วยลดการเกิดแสงสะท้อน และลดรอยนิวมือได้ดีกว่า แต่ความชัดของหน้าจอจะน้อยกว่าฟิล์มใส
2. อุปกรณ์ในกล่อง
สิ่งที่ให้มาในกล่องจะมี
- ฟิล์มกันรอย The Pixel จำนวน 1 ชิ้น
- ผ้าไมโครไฟเบอร์ 1 ผืน
- กรอบสำหรับช่วยในการติดตั้งฟิล์ม
- อุปกรณ์รีดฟองอากาศช่วยในการติดตั้ง
- สติกเกอร์ดึงฝุ่น 1 แผ่น
3. การติดตั้ง
การติดตั้งถือว่าทำได้ง่ายมาก ๆ สามารถซื้อไปติดตั้งเองได้เนื่องจากอุปกรณ์ที่ให้มานั้นค่อนข้างครบเลยทีเดียว มีกรอบพลาสติกช่วยในการวางฟิล์มให้ด้วยสะดวกมาก
ขั้นตอนการติดตั้งให้เช็ดทำความสะอาดหน้าจอ Apple Watch ด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ จากนั้นใช้สติกเกอร์ดึงฝุ่นติดเม็ดฝุ่นออกให้หมด
นำกรอบสำหรับการช่วยติดมาครอบที่ Apple Watch แล้วลอกฟิล์มด้านหลังออกก่อนที่จะวางตัวฟิล์มลงที่หน้าจอ
ใช้อุปกรณ์รีดฟองอากาศช่วยในการติด กดรีดจากด้านใดด้านหนึ่งแล้วไปอีกด้าน จะช่วยให้การติดตั้งนั้นทำได้ง่ายกว่าการกดรีดด้วยนิ้ว เพียงเท่านี้การติดฟิล์มก็เรียบร้อยแล้ว
4. ความรู้สึกหลังการใช้งาน
ขอแชร์ความรู้สึกหลังการติดฟิล์มให้ฟังกันบ้างครับ
การติดตั้งทำได้ง่ายมากมีอุปกรณ์ช่วยติดมาให้ครบเลยทำเองได้ไม่ต้องง้อร้าน สั่งมาติดเองที่บ้านสบาย ๆ หายห่วง ดังนั้นใครกังวลเรื่องติดฟิล์มเองไม่ได้หรือกลัวไม่ตรง ข้อนี้อุ่นใจได้ครับ
หลังติดเสร็จพบว่า เฮ้ย เนื้อฟิล์มบางกว่าที่คิด นึกว่าจะหนาและฟิล์มเข้ารูปดีเป๊ะเลย สเปกบอกไว้ว่าเนื้อฟิล์มบาง 0.2 มม. ซึ่งเทียบกับฟิล์มกระจกกันรอยของ iPhone จะอยู่ที่ 0.3 มม. ตัวนี้ก็บางลงกว่าอีก ติดลงไปแล้วมองผ่าน ๆ เหมือนไม่ได้ติดเลย ค่อนข้างเนียนไปกับหน้าจอของ Apple Watch เลย
จับที่ขอบก็จะพอรู้สึกได้ว่าฟิล์มไม่คม ไม่บาดมือและยังคงชอบความบางของฟิล์ม
เรื่องของความเหนียวฟิล์มนี้ติดกับจอ Apple Watch แล้วดูดแน่นดีมาก ๆ ตอนที่ผมแกะออก ตอนแรกคือดึงออกยากกว่าเมื่อเทียบกับการลอกฟิล์มกระจกของ iPhone เพราะว่าเนื้อกาวนั้นใช้เป็นซิลิโคนที่มีความหนาและมีแรงยึดสูงพอควร ดังนั้นจุดนี้จึงช่วยในเรื่องป้องกันน้ำและช่วยให้ฟิล์มไม่หลุด ส่วนตอนลอกออกนั้นก็ไม่ทิ้งคราบกาวเอาไว้ ถือว่าเนื้องานดีเลย
ต่อมาคือเรื่องระบบการสัมผัสฟิล์ม The Pixel สำหรับ Apple Watch ตัวนี้ทำได้ดีเลย ทัชได้ปกติเหมือนไม่ได้ติดฟิล์ม ผมเคยเจอฟิล์มบางตัวติดแล้วทัชทำงานไม่ได้ดั่งใจเลย ทำให้ต้องลอกทิ้ง ส่วน The Pixel ที่ติดแล้วลองทดสอบ โดยรวมถือว่าทำได้ดีเลยแหละ ผมให้ผ่านนะ
ส่วนเรื่องฟิล์มใสกับฟิล์มด้านควรเลือกแบบไหนดี จุดนี้ถือว่าเป็นความชอบส่วนบุคคลแล้วกันครับ ฟิล์มใสก็จะเด่นในเรื่องความชัดที่มากกว่า ส่วนฟิล์มด้านจะทัชลื่น ลดรอยน้ำมือและลดแสงสะท้อนได้ดีกว่าเวลาที่ใช้งานกลางแจ้ง ทั้งนี้ผมนำภาพทั้งสองมาเทียบให้ชมเผื่อว่าจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
5. สรุป
สำหรับฟิล์มกันรอย Apple Watch จาก The Pixel ต้องบอกว่าเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการการปกป้องหน้าจอ Apple Watch ให้ห่างไกลจากรอยขีดข่วน ซึ่งคุณภาพที่ได้นั้นถือว่าทำได้ดีเลย ฟิล์มบางติดแล้วเหมือนไม่ได้ติด เนื้อฟิล์มติดได้แน่นโค้งรับกับจอได้เป็นอย่างดี ระบบสัมผัสลื่นไหลทำงานได้ดี และที่สำคัญฟิล์มชุดนี้ซื้อไปติดตั้งเองได้ง่ายมาก ๆ ติดแล้วช่วยเพิ่มความมั่นใจในการพา Apple Watch ออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างไร้ความกังวลอีกต่อไป
หากใครกำลังชั่งใจหรือคิดว่าจะติดฟิล์มกันรอยให้กับ Apple Watch ดีหรือเปล่านะ? หรือว่าจะติดฟิล์มแต่ไม่รู้จะเลือกยี่ห้อไหนดีที่ติดแล้วใช้งานได้ดีจริง ๆ ผมบอกเลยว่า The Pixel สำหรับ Apple Watch ตัวนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนครับ
6. ราคาและสถานที่จัดจำหน่าย
ฟิล์มกันรอย Apple Watch จาก The Pixel มีจำหน่ายที่ Studio7 ทุกสาขา หรือตรวจสอบสาขาใกล้บ้านได้ที่ https://www.studio7thailand.com/stores/ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในส่วนของราคาการจำหน่ายนั้น
- ฟิล์มกันรอยเต็มจอลงโค้ง แบบใส : 590 บาท
- ฟิล์มกันรอยเต็มจอลงโค้ง แบบด้าน : 690 บาท
ขอบคุณสำหรับการติดตาม
ผมต้อม iMoD
ไว้พบกันในรีวิวครั้งหน้า
สวัสดีครับ