Review Apple Wacth Series 3 Cellular Cover
in , ,

รีวิว Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular อิสระบนข้อมือที่แท้จริง

เปิดขายออนไลน์เมื่อ 27 มีนาคม 2561 ในประเทศไทย  และวันนี้ (5 เมษายน 2561) เป็นวันแรกกับ Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular ที่สามารถใช้งานร่วมกับ eSIM ของเครือข่ายมือถือได้แล้ว ทีมงาน iMod เกาะติดสถานการณ์และได้เครื่องมาแล้วจึงอยากทำรีวิวนี้เอาไว้ให้ชมกันครับ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับใครหลายๆ คนว่า “จะซื้อรุ่น GPS ธรรมดาหรือว่ารุ่นที่มี Cellular ดี?” เราไปชมรีวิวนี้พร้อมๆ กันครับ

รีวิว Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular อิสระบนข้อมือที่แท้จริง

Apple Watch Series 3 Cellular Review 1718

ก่อนหน้านี้เมื่อ 27 ตุลาคม 2017 ทีมงานได้เขียน รีวิว Apple Watch Series 3 GPS เหนือขึ้นในทุกขั้น เอาไว้ให้ได้ชมกันแล้วหากใครยังไม่ได้อ่านก็แวะไปชมกันก่อนได้ ถ้ากล่าวโดยสรุป รุ่นที่กำลังจะรีวิวนี้คุณสมบัติส่วนใหญ่จะคล้ายกับรุ่น GPS เพียงแค่ความสามารถบางจุดที่เพิ่มเติมเข้ามาครับ โดยผมจะโฟกัสไปที่จุดที่แตกต่างและเป็นจุดเด่นที่รุ่นนี้สามารถทำได้เพิ่มเติมในรีวิวนะครับ

ภาพรวมสิ่งที่ได้จะรู้จากรีวิวนี้

  1. แกะกล่อง Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียม
  2. สเปก Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular
  3. จุดเด่นของ Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular ที่แตกต่างจากรุ่น GPS ธรรมดา
  4. ค่ายมือถือใดบ้างที่มี eSIM แล้ว
  5. จะใช้ Apple Watch กับเครือข่ายนั้นๆ จำเป็นไหมที่ต้องซื้อตัวเครื่องจากที่นั่น?
  6. ตั้งค่าใช้งาน eSIM ยากไหม ทำเองได้หรือเปล่า?
  7. ความเห็นหลังการใช้งาน Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular และตอบคำถามทั่วไป
    • ออกกำลังกายโดยการวิ่งไม่พก iPhone
    • แบตเตอรี่อึดไหม
    • โทรออก-รับสาย LINE ได้ไหม
    • ตอบแชท LINE Facebook ได้ไหม ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ iPhone
    • เข้าเว็บได้ไหม
    • ไม่ต้องพึ่ง iPhone จริงๆ เหรอ
    • ใช้งานร่วมกับหูฟัง Bluetooth
    • รองรับ Spotify, JOOX Music ไหม
  8. รุ่น ราคา และสถานที่จัดหน่าย
  9. สรุป

ทราบหัวข้อที่จะรีวิวทั้งหมดแล้วก็ไปอ่านพร้อมๆ กันได้เลยครับ

1. แกะกล่อง Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียม

Apple Watch Series 3 Cellular Review 1723

ผมได้ Apple Watch Series 3 GPS + Cellular รุ่นตัวเรือนอะลูมิเนียม สีเทาสเปซเกรย์ พร้อมสายแบบ Sport Band สีเทา หนาดหน้าจอ 42mm มาใช้งาน ราคาของรุ่นนี้อยู่ที่ 15,900 บาท โดยนำมาใช้คู่กับเครือข่าย TrueMove H ที่ถือว่าเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ให้บริการ eSIM ใช้งานร่วมกับ Apple Watch รุ่นนี้

ภายในกล่องของ Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular รุ่นนี้ประกอบไปด้วย

  • Apple Watch Series 3 GPS+Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียมสีเทาสเปซเกรย์
  • สายแบบ Sport Band สีเทา (สามารถเปลี่ยนความยาวให้เป็นขนาด S/M หรือ M/L ได้)
  • สายชาร์จแบบแม่เหล็กความยาว 1 ม.
  • USB Power Adapter ขนาด 5 วัตต์
  • เอกสารแนะนำการใช้งาน

2. สเปก Apple Watch Series 3 GPS + Cellular

Apple Watch Series 3 Cellular Review 1735

ก่อนเข้าสู่การรีวิว เรานำสเปกของ Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular มาให้ชมกันก่อน บางท่านอาจจะเรียกกว่า Apple Watch Series 3 LTE ก็ได้เหมือนกัน บางทีผมก็เรียกแบบนั้นแต่ว่าชื่อเต็มจริงๆ จะเรียก GPS + Cellular นะครับ

Apple Watch Series 3 Cellular Review 1738

สเปกของรุ่นนี้

  • รองรับการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ในตัวเครื่องมีระบบ eSIM ในตัว ที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายสัญญญาณมือถือได้กับเครือข่ายที่รองรับทั่วโลก
  • วัสดุตัวเรือนผลิตจากอะลูมิเนียม, สแตนเลสสตีลและเซรามิก(ราคาจะแตกต่างกันออกไป)
  • มี GPS และ GLONASS ในตัว
  • โปรเซสเซอร์แบบ Dual-core ที่เร็วขึ้น
  • ชิพไร้สาย W2 ช่วยให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ผ่าน Bluetooth อย่างหูฟัง AirPods, ลำโพงไร้สายได้โดยตรง
  • มาตรวัดความสูงแบบวัดความดันบรรยากาศ
  • ความจุ 16GB
  • เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Monitoring)
  • อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและไจโรสโคป
  • ทนน้ำที่ระดับ 50 เมตร
  • กระจก Ion-X อันแข็งแกร่ง
  • ฝาหลังวัสดุเซรามิก
  • Wi-Fi (802.11b/g/n 2.4GHz)
  • Bluetooth 4.2
  • แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 18 ชั่วโมง
  • watchOS 4
  • ใช้งานร่วมกับแท่นชาร์จ AirPower ได้ (ตอนนี้ที่เขียนรีวิวนี้อุปกรณ์นี้ยังไม่เปิดจำหน่าย)

3. จุดเด่นของ Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular ที่แตกต่างจากรุ่น GPS ธรรมดา

Apple Watch Series 3 Gps Vs Cellular

Apple Watch Series 3 Cellular Review 1741

ภายนอก

หากมองจากภายนอกสิ่งที่บ่งบอกให้เห็นถึงความเป็นรุ่นที่รองรับ Cellular ก็คือ ปุ่ม Digital Crown นั้นจะเป็นสีแดงและหน้าปัดนาฬิกา (Watch Face) แบบพิเศษ คือเป็นรูปเข็มบอกเวลาสีแดงและมุมบนซ้ายจะเป็นไอคอนโทรศัพท์เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าแอป Phone ที่จะให้เรากดเลือกโทรออกได้และที่มุมบนขวาจะมีไอคอนของแอปแผนที่ (Maps) ซึ่งเราสามารถเลือกสถานที่เพื่อให้ระบบนำทางไปได้

ในแง่ของวัสดุแม้ว่าจะใช้อะลูมิเนียมเหมือนกันในซีรีส์ Apple Watch และ Apple Watch Nike+ แต่ว่าฝาหลังของรุ่น Cellular นั้นจะทำด้วยเซรามิกให้ความสวยงามและทนทานมากขึ้น อีกทั้งรุ่น Cellular นั้นจะมีตัวเรือนแบบสแตนเลสสตีลและเซรามิกให้เลือกซื้ออีกด้วย

Apple Watch Series 3 Cellular Review 1755

ภายใน

ส่วนระบบภายในที่เพิ่มเข้ามานั้นก็คือ รองรับ eSIM ที่สามารถเชื่อมต่อกับสัญญาณโทรศัพท์มือถือได้ ทำให้สามารถโทรออก รับสายและใช้งานอินเทอร์เน็ตได้แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้กับ iPhone เช่น การรับส่งข้อความผ่าน iMessage, สตรีมมิ่งเพลงจาก Apple Music, ใช้แอปแผนที่สำหรับการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง, ใช้งาน Siri ได้ถามตอบต่างๆ หรือสั่งให้เล่นเพลง, สั่งให้เปิดแอปอย่างแอปออกกำลังกายได้ เป็นต้น

Apple Watch Series 3 Cellular Review 1756

นอกจากนี้ความจุภายนั้นที่ให้มานั้นจะมากกว่ารุ่น GPS ธรรมด้วย ซึ่งในรุ่น Cellular จะให้ความจุมาทั้งสิ้น 16GB มากกว่ารุ่นธรรมดาที่ให้มาเพียง 8GB เท่านั้น

ทั้งนี้สามารถชม เปรียบเทียบ Apple Watch Series 3 รุ่น G​PS กับ GPS + Cellular แตกต่างกันยังไงได้เพิ่มเติมที่นี่

4. ค่ายมือถือใดบ้างที่มี eSIM แล้ว

Truemove H First Esim In Thailand

ณ ปัจจุบันวันที่ 5 เมษายน 2561 จะมีเพียงเครือข่าย TrueMove H เท่านั้นที่พร้อมให้บริการ eSIM สำหรับ Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular โดยอัตราค่าบริการและโปรโมชันั้นสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ ส่วนค่ายอื่นๆ ที่เหลืออย่าง AIS, dtac นั้นต้องรอประกาศอีกครั้งว่าจะรองรับเมื่อไหร่

5. จะใช้ Apple Watch กับเครือข่ายนั้นๆ จำเป็นไหมที่ต้องซื้อตัวเครื่องจากที่นั่น?

Apple Watch Series 3 Cellular Review 8823
เมื่อมีสายเรียกเข้า

ไม่จำเป็นครับ คุณสามารถซื้อ Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular จากที่ไหนก็ได้ เช่น จาก Apple Store Online, จากร้านตัวแทนอย่าง Studio 7 หรือแม้กระทั่งจากเครือข่ายผู้ให้บริการอย่าง TrueMove H ก็ได้ครับ เมื่อซื้อแล้วสามารถนำเครื่องมาเชื่อมกับ eSIM ของเครือข่ายนั้นๆ ได้เลย และใช้เวลาไม่นานครับ ระบบก็พร้อมใช้งานได้เลย

หากถามว่าจะซื้อที่ไหนดี? ผมก็คงตอบว่า ให้เช็คที่เครือข่ายก่อน เพราะว่าจะมีโปรโมชันของการเปิดใช้ eSIM ด้วย ปกติการเปิดใช้บริการ eSIM จะต้องมีค่าธรรมเนียมในครั้งแรก เช่น ของ TrueMove H ต้องจ่าย 299 บาทเพื่อเปิดบริการ eSIM และจะมีค่าบริการรายเดือน 199 บาทต่อเดือนด้วย แต่ถ้าซื้อกับเครือข่าย ก็จะได้โปรโมชันที่เราอาจจะไม่ต้องจ่ายค่าเปิดซิมหรือค่าบริการรายเดือนนั้นเลยครับ

6. ตั้งค่าใช้งาน eSIM ยากไหม ทำเองได้หรือเปล่า?

Setup Apple Watch 3 Cellular With Truemoveh

บอกเลยง่ายมากๆ ผมใช้เครือข่าย TrueMove H หลังจากที่อัปเดต iOS 11.3 ให้กับ iPhone และอัปเดต watchOS 4.3 ให้กับ Apple Watch Series 3 GPS + Cellular ก็สามารถสั่ง Activate eSIM ได้ง่ายๆ ผ่านแอป  Watch บน iPhone ได้เลย ส่ิงที่ต้องมีก็เพียงข้อมูลที่เราลงทะเบียนไว้กับทางเครือข่าย กรอกให้ครบ เพียงเท่านี้ก็พร้อมใช้งานได้แล้ว ส่วนค่าบริการนั้นก็ขึ้นอยู่กับแพ็คเกจที่เราใช้กับเครือข่ายนั้นๆ

7. ความเห็นหลังการใช้งาน Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular และตอบคำถามทั่วไป

Apple Watch Series 3 Cellular Review 1744
จุดสีเขียวคือความแรงของสัญญาณจากเครือข่าย

ในหัวข้อนี้จะเป็นการรีวิวลงลึกถึงการใช้งานที่จริงเชื่อว่าหลายๆ คนต้องอยากทราบอย่างแน่นอน พร้อมกันแล้วเราไปชมกันเลยครับผม

หลังจากที่ได้ใช้งาน Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular นั้นพบว่า

  • สะดวกสำหรับผู้ที่รักการออกกำลังกายไม่ว่าจะในร่มหรือกลางแจ้ง ยกตัวอย่างผมเองเป็นคนชอบวิ่งแต่เดิมต้องพก iPhone ไปด้วย โดยต้องหากระเป๋าหรือซองรัดรอบเอวใส่ iPhone เอาไว้ เพื่อเชื่อมต่อกับหูฟังทั้งแบบสายและไร้สายและติดตามการวิ่งด้วยการบันทึกระยะทาง ความเร็ว  ฯลฯ และเอาไว้รับสายเมื่อมีคนโทรเข้า ปัญหาที่ตามมาคือเรื่องของน้ำหนักและการขยับขึ้นลงของซองใส่ iPhone ก็ทำให้เสียจังหวะได้ แถมแบกน้ำหนักเพิ่มด้วยครับ
  • ออกไปวิ่งไม่ต้องพก iPhone ในรุ่นนี้ Apple Watch Series 3 GPS + Cellular นี้ช่วยแก้ปัญหาจากข้อก่อนหน้านี้ให้เราได้ ผมสามารถออกไปวิ่งระยะทาง 10 กม. นานประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ได้ โดยไม่ต้องพก iPhone ออกไป โดยสามารถทำได้ทั้งสตรีมมิ่งฟังเพลงผ่าน Apple Music ที่มีมากกว่า 45 ล้านเพลง เชื่อมต่อกับ AirPods, บันทึกสถิติการวิ่งด้วยแอป Nikie+ Run Club แถมยังสามารถรับโทรออกรับสายเมื่อกรณีฉุกเฉินได้อีกด้วย ถือว่าดีงามมากๆ เลย ไม่ต้องถือ iPhone ให้เมื่อยอีกต่อไป
  • เรื่องแบตเตอรี่ทนไหม? ถ้าใช้งานปกติไม่ได้ออกกำลังกายเอาไว้แค่ดูเวลาและดูการแจ้งเตือนเฉยๆ รุ่นนี้สามารถใช้งานได้เกิน 1 วันครับ เผลอๆ 2 วันถึงชาร์จทีนึง ถือว่าแบตเตอรี่ค่อนข้างทนครับ จากการทดสอบใช้งานจริง ผมวิ่งระยะทาง 10 กม. ใช้เวลาทั้งหมด 1.08 ชม. แบตเตอรี่จาก 65% ลดลงเหลือ 38% สิ่งที่ผมเปิดใช้งานก็ได้แก่แอป Nike+ Run Club, ฟังเพลงจาก Apple Music แบบสตรีมมิ่งให้เสียงส่งไปยัง AirPods เมื่อวิ่งเสร็จแบตเตอรี่ยังเหลือแถมระวังวิ่งมีสายโทรเข้าก็สามารถรับสายคุยได้เลยครับ
  • ระบบจะปรับเองว่าจะใช้เน็ตจากมือถือหรือว่าผ่าน eSIM ในเครื่อง ตอนแรกผมก็กังวลว่าตัวนาฬิกาจะเชื่อมต่อกับสัญญาณเครือข่ายตลอดเวลาเลยไหม เพราะถ้าเชื่อมต่อตลอดแน่นอนว่าต้องมีผลกับแบตเตอรี่ที่จะหมดอย่างไวกว่าปกติ แต่ทั้งนี้มาทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่านาฬิกาจะเชื่อมต่อกับสัญญาณเครือข่ายก็ต่อเมื่อไม่สามารถติดต่อกับ iPhone ได้ เช่น เราอยู่ห่างจาก iPhone เกินไป หรือไม่ก็เราเปิด Airplane Mode บน iPhone จากนั้นนาฬิกาจะเชื่อมต่อสัญญาณอัตโนมัติทันที (ใช้เวลาประมาณ 30 วินาที) โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลยครับ ส่วนนี้คือดีมากๆ ทั้งเรื่องการประหยัดพลังงาน, เรื่องความสะดวกที่ไม่ต้องมากดปิด เปิดโหมด Cellular เอง
  • โทรออกรับสายได้ไร้ปัญหา ตราบใดที่พื้นที่นั้นๆ มีสัญญาณมือถือครอบคลุม (ที่นาฬิกาจะบอกความแรงของสัญญาณโทรศัพท์ให้ด้วย) ก็ไม่ต้องกลัวจะพลาดการติดต่อ
  • มือถือแบตหมดก็ยังโทรเข้าออกผ่าน Apple Watch ได้ ส่วนนี้ถือว่าดีงามเลย บางทีเราไม่ค่อยได้ใช้นาฬิกาทำให้แบตยังเหลือๆ แต่บังเอิญ iPhone เราแบตเตอรี่หมดซะงั้น ไม่ต้องกังวลไปอย่างน้อยคุณก็ยังโทรออกรับได้สายผ่านนาฬิกาบนข้อมือของคุณอยู่ดี
  • ความเร็วในการประมวลผล ถือว่าทำได้ดีและรวดเร็ว ไม่ช้าตอบสนองได้ดี เปิดแอปได้เร็วซึ่งจุดนี้มีผลอย่างมาก ส่วนตัวแล้วผมอัปเกรดจาก Apple Watch รุ่นที่ 1 มาใช้รุ่นนี้ (ก็ถือว่านานนะ) ความเร็วต่างกันมากมาย กดเปิดแอปไม่ต้องรอแบบรุ่นเก่า ถูกใจมากครับ
  • Hey Siri ช่วยได้มากจริงๆ ปกติผมไม่ค่อยใช้ Siri บน iPhone สักเท่าไหร่เพราะเราถนัดกดเข้าไปดูเองมากว่า แต่ด้วยความเล็กของ Apple Watch การมี Siri เข้ามานั้นทำให้เราสั่งการได้ง่ายและสะดวกมากกว่าการกดเข้าไปดูแต่ละแอปอย่างแน่นอน เช่น การสั่งให้เปิดเพลงสำหรับ Workout เราก็เพียงสั่งผ่านเสียง รอไม่นานระบบก็จะเปิดเพลงโปรดมาให้เราฟังแล้วก็โดยที่ไม่ต้องแตะหน้าจอ Apple Watch ให้เสียเวลา มันเจ๋งมาก ใครยังไม่ใช้ก็ลองดูนะ
  • (ทดสอบแล้ว) สามารถรับข้อความ LINE, Facebook ได้ และตอบกลับด้วยข้อความอัตโนมัติ, emoji หรือเขียนข้อความด้วยเสียงได้ เหมือนกับตอนที่เชื่อมต่อกับ iPhone ในส่วนของ LINE ตอบได้ง่ายทั้งพิมพ์ผ่านเสียงและส่งข้อความเสียงได้อันนี้สะดวกดี ส่วน Facebook Messenger นั้นยังไม่เวิร์กเท่าไหร่ ระบบแบบตอนเปิดออกมายังไม่แสดงรายชื่อของคนที่ส่งมาทั้งหมด และแถมตอนตอบกลับก็ค่อนข้างยากและไม่มีตอบกลับผ่านข้อความเสียงอีกด้วย (ปล. จะใช้บริการนี้ได้ iPhone เราต้องไม่เปิด Airplane Mode และวางในจุดที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้)
  • ไม่ต้องพึ่ง iPhone จริงๆ เหรอ? เป็นคำถามที่คิดไว้ตั้งแต่ตอนแรกที่รุ่นนี้เปิดตัว พอได้ลองใช้แล้วผมมองว่า ก็มีบางจุดที่ไม่ต้องใช้ iPhone อย่างเช่น การออกไปวิ่ง การฟังเพลง การโทรศัพท์ แต่ทว่ามันแค่ชั่วคราวในบางเวลาเท่านั้น ผมยังคิดว่ายังไงส่วนใหญ่คนก็ต้องพก iPhone อยู่แล้ว แต่ว่าบางเวลาเราก็ไม่จำเป็นต้องเอา iPhone ไปด้วย เช่น อาจจะเดินลงกดกดน้ำที่ใต้คอนโด, เดินไป 7-Eleven ที่หน้าปากซอยใกล้ๆ หรือลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสของคอนโดสัก 1 ชั่วโมง แบบนี้จะเหมาะกว่า
  • ใช้งานร่วมกับหูฟังและลำโพง Bluetooth ที่ไม่ใช่ AirPods ก็ได้เหมือนกัน คุณไม่จำเป็นต้องซื้อ AirPods ก็ได้ หากคุณมีหูฟัง Bluetooth ยี่ห้ออื่นอยู่แล้วอยากใช้คู่กับ Apple Watch Series 3 GPS + Cellular เพื่อฟังเพลงช่วงออกกำลังกายหรือเดินทางไปทำงานก็สามารถทำได้เช่นกัน หรือจะสตรีมเพลงสดจาก Apple Music ไปยังลำโพง Bluetooth ในห้องนอนก็สะดวกไม่ใช่น้อย
  • เข้าเว็บไม่ได้นะ แม้ว่ารุ่นนี้จะรองรับ LTE เล่นเน็ตได้แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเข้าเว็บผ่าน Sarafi เหมือน iPhone ได้นะ ผมว่าหน้าที่มันก็ต่างกันอยู่แล้ว คงไม่มีใครอยากจะอ่านเว็บจากหน้าจอเล็กขนาดนี้ใช่ไหม
  • ไม่รองรับ Spotity, JOOX Music และแอปฟังเพลง 3rd Party อื่นๆ อันนี้ต้องบอกให้ทราบเลยหากใครจะฟังเพลงต้องผ่าน Apple Music อย่างเดียว ถือว่าเป็นข้อจำกัดค่อนข้างมาก ดังนั้นใครติด Spotify, JOOX Music และหวังจะใช้คู่กับนาฬิกาเรือนนี้คิดดีๆ หรือไม่งั้นทางเดียวที่คุณจะต้องเลือกคือ สมัครใช้งาน Apple Music แทนหละ

Apple Watch Series 3 Cellular Review 8808

8. รุ่น ราคา และสถานที่จัดหน่าย

Apple Watch Series 3 Cellular Review 1693

ราคาจัดจำหน่ายของ Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular อ้างอิงจาก Apple Store Online ประเทศไทย

Apple Watch

  • อะลูมิเนียม ราคาเริ่มต้น — ราคา 14,900 บาท
  • สแตนเลสสตีล ราคเริ่มต้น — ราคา 21,900 บาท

Apple Watch Nike+

  • อะลูมิเนียม ราคาเริ่มต้น — ราคา 14,900 บาท

Apple Watch Edition

  • เซรามิก ราคาเริ่มต้น — ราคา 47,900 บาท

สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ Apple Store และนอกจากนี้สามารถซื้อที่ได้ True Shop และ Studio 7 ได้อีกด้วย (ราคาของแต่ละที่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง)

9. สรุป

Apple Watch Series 3 Cellular Review 1751

Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular ไม่ได้ออกมาเพื่อแทนที่ iPhone แต่มาช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาด ให้การเชื่อมต่อกันนั้นไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น

ทำให้ใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนได้มากขึ้นในโอกาสที่สำคัญ ต้องยอมรับว่าหลายๆ ครั้งที่เราไปทำกิจกรรมกับครอบครัวหรือกับเพื่อนๆ เช่น นัดกันทานข้าวเรามักจะเข้าโหมดสังคมก้มหน้าซะส่วนใหญ่ (ผมก็เคยเป็น) ซึ่งมันดูไม่ดีเลยและหลายครั้งต้องพยายามห้ามตัวเองไม่ให้เช็คมือถือ การมี Apple Watch เข้ามาก็ช่วยให้เราไม่ต้องหยิบมาถือมาใช้งานในยามที่ไม่จำเป็นจริงๆ เช่นดู Notification จากแอปต่างๆ ก็ดูผ่าน Apple Watch ได้เลย เราจะได้มีเวลาให้กับครอบครับและเพื่อนรอบกายได้มากขึ้น

สำหรับ Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular เองสำหรับผมคิดว่าเป็นการเพิ่มความสะดวกเข้ามาและแก้ไขจุดเจ็บ (Pain Point) ของผู้ใช้งาน ซึ่งหลักๆ คือผู้ที่ออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นวิ่ง ปั่น โต้คลื่น ปีนเขา ฯลฯ ซึ่ง ณ ตอนนั้นการพก iPhone หรือหยิบจับ iPhone ขึ้นมาดูก็คงไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ ทำให้ Apple Watch นั้นถูกพัฒนาเพิ่มเติมในจุดที่ไม่เคยมีมาก่อนนั่นคือการเชื่อมต่อกับสัญญาณโทรศัพท์ได้ทุกที่ทุกเวลา

ถามว่าทุกคนจำเป็นไหมที่จะต้องซื้อรุ่น Cellular ผมเองต้องบอกว่า “ยังไม่ต้องมีก็ไม่เป็นไร” ซึ่งเหตุผลของแต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันออกไป ผมบอกข้อดีของรุ่นนี้ไปแล้ว ส่ิงที่ต้องแลกเพื่อให้ได้รุ่นนี้มาใช้งานก็คงเป็นเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มขึ้นในแต่ละเดือน แต่ถ้าหากคุณไม่มีปัญหาเรื่องนั้น

ส่วนตัวแล้วผมมองว่า Apple Watch Series 3 GPS + Cellular ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะทำให้ชีวิตการเชื่อมต่อของเรานั้นเชื่อมต่อกันได้สะดวกและราบรื่นมากยิ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

รีวิว Apple Watch Series 3 GPS + Cellular และรุ่นธรรมดายังไม่จบเพียงเท่านี้นะครับ บทความรีวิวนี้ถือว่าเป็นภาพรวมของรุ่นนี้เท่านั้น ทีมงาน iMod จะมีรีวิวให้ทราบเป็นระยะๆ สามารถติดตามได้ตลอดครับผม

ขอบคุณสำหรับการอ่านรีวิวในครั้งนี้

แล้วพบกันครั้งหน้าครับ

แอดมินต้อม iMod

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Attapon Thaphaengphan

ศิษย์เก่าวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ม. ขอนแก่น ผู้ก่อตั้ง iPhoneMod.net ตั้งแต่ปี 2009
อดีต Dell Technical Support รู้จัก ​Apple เพราะ Macbook Pro และใช้ iPhone ตั้งแต่รุ่น 3G จนถึงปัจจุบัน