Apple Watch Series 5 รีวิวฉบับสมบูรณ์มาแล้วรอบนี้มาชมจุดเด่นที่เปลี่ยนแปลงหลัก ๆ พร้อมทั้งแชร์ประสบการณ์หลังจากการใช้งานจริง พร้อมแล้วไปชมกันครับ…
รีวิว Apple Watch Series 5 ฉบับเต็ม – การอัปเกรดเล็กๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ยิ่งใหญ่
ก่อนหน้านี้ผมได้ พรีวิวแกะกล่อง Apple Watch Edition (Series 5) ตัวเรือนไทเทเนี่ยม ให้ได้ชมกันไปแล้วเผื่อว่าใครยังไม่เคยชมก็ไปดูกันก่อนได้นะครับ มีทั้งภาพและคลิปให้ชม ส่วนรีวิวนี้จะขอสรุปประเด็นสำคัญ ๆ ของ Apple Watch Series 5 ให้ชมกันครับพร้อมแชร์ประสบการณ์การใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นอย่างไรบ้าง
ℹ️ หัวข้อในการรีวิว
- Timeline ของ Apple Watch
- ชม 3 เสาหลักของ Apple Watch
- Apple Watch Series 5 มีกี่รุ่น
- แกะกล่อง Apple Watch Series 5 (Apple Watch Edition ตัวเรือนไทเทเทียม)
- การเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ ใน Apple Watch Series 5
- ข้อมูลทางเทคนิค
- ประสบการณ์หลังการใช้งาน
- สรุป
- คำถามเกี่ยวกับ Apple Watch ที่ถูกถามบ่อย ๆ
- ราคาและสถานที่จัดจำหน่าย
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
1. Timeline ของ Apple Watch
มาชมกันก่อนว่า Apple Watch มีกี่รุ่นแล้วนะ ถ้าหากไล่เรียงลำดับ ก็ได้ตามนี้ครับ
- Apple Watch Original (เปิดตัว เม.ย. 2015)
- Apple Watch Series 1 (เปิดตัว ก.ย. 2016)
- Apple Watch Series 2 (เปิดตัว ก.ย. 2016)
- Apple Watch Series 3 (เปิดตัว ก.ย. 2017)
- Apple Watch Series 4 (เปิดตัว ก.ย. 2018)
- Apple Watch Series 5 (เปิดตัว ก.ย. 2019)
ซึ่งใน Apple Watch Series 5 นั้นจัดเป็นรุ่นที่ 5 ที่ทาง Apple ได้เปิดตัวที่งาน Apple Special Event, September 2019 เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2019 ที่ Steve Jobs Theater ใน Apple Park เมือง ซาน โฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
เปิดให้สั่งซื้อครั้งแรกเมื่อ 13 ก.ย. 2019, วางขายครั้งแรกในโลกเมื่อ 20 ก.ย. 2019 และพร้อมขายครั้งแรกในไทยเมื่อ 25 ต.ค. 2019
2. ชม 3 เสาหลักของ Apple Watch
เป้าหมายหลักของ Apple ที่พัฒนา Apple Watch ขึ้นมานั้นประกอบด้วย 3 เสาหลักสำคัญ คือ
- Connectivity การเชื่อมต่อตลอดเวลา นั่นหมายถึงการพัฒนา eSIM ใน Apple Watch ซึ่งมีมาตั้งแต่ Apple Watch Series 3 ทำให้ผู้ใช้งานไม่พลาดการติดต่อสื่อสารแม้ว่าจะอยู่ห่างจาก iPhone
- Activity เป็นการวางเป้าหมายว่า Apple Watch จะช่วยให้คนหันมาทำกิจกรรมต่าง ๆ พร้อมกับการออกกำลังมากขึ้น โดย Apple ได้ออกแบบแอปสำหรับการออกกำลังกาย รวมทั้งแอปจากนักพัฒนารายอื่น ๆ, การติดตามกิจกรรมไม่ว่าจะเป็น การเดิน, การยืน, การหายใจ ฯลฯ พร้อมแจ้งเตือนเพื่อสร้างแรงกระตุ้นการออกกำลังกายให้แก่ผู้ใช้
- Health การวางตำแหน่งให้ Apple Watch เป็นมากกว่านาฬิกาทั่วไป ที่ไม่เพียงแต่มีเรื่องการออกกำลังกายเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นหลัก ซึ่ง Apple Watch ยังโฟกัสที่สุขภาพของผู้ใช้งานด้วย ไม่ว่าจะเป็น การติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ, การตรวจจับความผิดปกติของคลื่นหัวใจ (ECG), การตรวจจับการล้ม, การแจ้งเตือนในเรื่องความดังของเสียง, การติดตามรอบของประจำเดือน ฯลฯ และในอนาคตคาดว่าจะพัฒนาฟีเจอร์นี้มากขึ้นอีกเรื่อย ๆ
นี่คือสิ่งที่ Apple พยายามปรับปรุงและพัฒนา Apple Watch ทั้งเรื่องของประสิทธิภาพทางด้านฮาร์ดแวร์ในการทำงานพร้อมทั้งระบบซอฟต์แวร์ที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตของผู้ใช้งานมีความสมาร์ตมากยิ่งขึ้น และใน Apple Watch Series 5 นี้จึงเป็น Apple Watch ที่เข้าใกล้ความเป็น “สมาร์ตวอร์ช” มากที่สุดตั้งแต่เคยมีมา
3. Apple Watch Series 5 มีกี่รุ่น
Apple Watch Series 5 เปิดตัวมา 4 รุ่นด้วยกัน ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีวัสดุและเอกลักษณ์พิเศษอื่นๆ ที่แตกต่างกัน โดยทั้ง 4 รุ่นประกอบไปด้วย
- Apple Watch ตัวเรือนมี 2 ชนิด คือ อะลูมิเนียมและสแตนเลสสตีล, มีให้เลือกทั้งรุ่น GPS อย่างเดียวและ GPS + Cellular
- Apple Watch Nike ตัวเรือนมีชนิดเดียว คือ อะลูมิเนียม, มีให้เลือกทั้งรุ่น GPS อย่างเดียวและ GPS + Cellular
- Apple Watch Edition ตัวเรือนมี 2 ชนิด คือ ไทเทเนียมและเซรามิกและมีเฉพาะรุ่น GPS + Cellular เท่านั้น
- Apple Watch Hermès ตัวเรือนแบบเดียว คือ สแตนเลสสตีลและใช้สายหนังแท้ของ Hermès และมีเฉพาะรุ่น GPS + Cellular เท่านั้น
ความแตกต่างของ Apple Watch Series 5 แต่ละรุ่นนั้นอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ > Apple Watch Series 5 มีกี่รุ่น แต่ละรุ่นเหมาะกับใคร และชมที่คลิปนี้ https://www.youtube.com/watch?v=6PQt3Yw3f9g
ในแง่ของน้ำหนักของแต่ละรุ่นนั้นหากเรียงจากน้อยไปหามากจัดได้ตามนี้
- อะลูมิเนียม < ไทเทเนียม < เซรามิก < สแตนเลสสตีล
น้ำหนักตัวเรือนของแต่ละรุ่นดูได้ตามภาพด้านล่าง
4. แกะกล่อง Apple Watch Series 5 (Apple Watch Edition ตัวเรือนไทเทเทียม)
ครั้งนี้ได้ Apple Watch Edition ตัวเรือนไทเทเนียมมารีวิว ซึ่งอุปกรณ์ที่มีในกล่องประกอบไปด้วย
- Apple Watch Edition ตัวเรือนไทเทเนียม สีสเปซแบล็ค ขนาด 44 มม.
- สาย Sport Band สีเทา
- สาย Sport Loop สีเทา
- อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ USB-A 5W
- สายชาร์จ Apple Watch ความยาว 1 เมตร
- เอกสารแนะนำการใช้งาน
ทั้งนี้สายนั้นจะแตกต่างกันไปตามรุ่นที่เลือกซื้อ เช่น Apple Watch รุ่นเริ่มต้นตัวเรือนอะลูมิเนียมจะมีเพียงสาย Sport Band มาให้เท่านั้น
- ชมบทความแกะกล่อง Apple Watch Series 5
- สามารถชมคลิปแกะกล่องเพิ่มเติมด้านล่างได้เลย
5. การเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ ใน Apple Watch Series 5
การเปลี่ยนแปลงรอบนี้ถือว่าไม่เยอะเท่าสมัย Apple Watch Series 3 ไป Apple Watch Series 4 หากสรุปแล้วจะพบ 3 สิ่งใหม่หลัก ๆ ที่มองเห็นได้จาก Apple Watch Series 5 ได้แก่
- หน้าจอแบบติดตลอดเวลา (Always On Display)
- มีเข็มทิศ (Compass)
- การโทรขอความช่วยเหลือได้ทั่วโลก (Global Emergency SOS)
ผมถือว่าการอัปเกรดครั้งนี้เป็น Minor Change หรือว่าการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย จากรุ่นที่ 4 มาเป็นรุ่นที่ 5 นี้ เรียกได้ว่า
Apple Watch Series 5 คือ การอัปเกรดสิ่งที่ขาดหายไปใน Apple Watch Series 4 ให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
มองจากภายนอก Apple Watch Series 5 และ Apple Watch Series 4 นั้น ลักษณะภายนอกจะเหมือนกัน ต่างกันแค่หน้าจอติดตลอดเวลาใน Apple Watch Series 5 เท่านั้นและด้านหลังของตัวเครื่องจะระบุรุ่นเอาไว้ ส่วนปุ่ม Digital Crown และจุดอื่น ๆ ก็ยังคงเหมือนเดิม
6. ข้อมูลทางเทคนิค Apple Watch Series 5
- หน้าจอ LTPO OLED Retina display มาพร้อม Force Touch และเพิ่มฟีเจอร์ Always-On Display ที่แสดงผลตลอดเวลา ความสว่าง 1,000 นิต นับเป็น Apple Watch รุ่นแรกที่มาพร้อมหน้าจอภาพ Retina แบบติดตลอดเวลา
- มี 2 ขนาด คือ 40 มม.(324 x 394 พิกเซล) และ 44 มม.(368 x 448 พิกเซล) จอภาพเท่ากับ Apple Watch Series 4 แต่ใหญ่กว่า Series 3 ถึง 30%
- มีให้เลือกทั้งรุ่น GPS และ GPS+Cellular
- เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า ECG (หมายเหตุฟีเจอร์นี้ยังใช้งานในประเทศไทยไม่ได้)
- เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคอล รุ่นที่ 2
- เพิ่มเข็มทิศ (Compass) ที่สามารถดูทิศทาง ร่วมกับการดูแผนที่ที่อัปเดตใหม่ และเข็มทิศยังรองรับการแสดงผลบนหน้าปัด Apple Watch Face ได้
- เซ็นเซอร์ตรวจจับการล้ม (Fall Detection)
- โปรเซสเซอร์ S5 แบบ Dual-core 64 บิตเร็วกว่าโปรเซสเซอร์ S3 สูงสุด 2 เท่า
- ชิปไร้สาย W3
- Wi-Fi 802.11b/g/n 2.4GHz
- Bluetooth 5.0
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนชนิดชาร์จซ้ำได้ภายใน ตัวเครื่องสูงสุด 18 ชั่วโมง
- ความจุแบตเตอรี่ 296 mAh ในรุ่น 44 มม. ซึ่งมากกว่า Apple Watch Series 4 ประมาณ 1.4% (291.8mAh)
- สายชาร์จแบบแม่เหล็ก
- อะแดปเตอร์แปลงไฟ USB สำหรับการชาร์จ
- Digital Crown พร้อมการตอบสนองแบบสั่น
- อัปเกรดความจุเป็น 32GB เพิ่มจากเดิม 2 เท่า
- มาตรวัดความสูงแบบวัดความดันบรรยากาศ
- ทนน้ำความลึก 50 เมตร ใส่ว่ายน้ำได้
- อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ตรวจจับแรง G สูงสุด 32 G
- ฝาหลัง เซรามิก และผลึก แซฟไฟร์รุ่น GPS + Cellularรุ่น GPS
- ไจโรสโคป
- เซ็นเซอร์ตรวจ วัดแสงโดยรอบ
- ลำโพงดังขึ้น 50%
- ไมโครโฟน
- GymKit
- พิเศษ ในรุ่น GPS+Cellular สามารถใช้งานการโทรฉุกเฉิน 150 ประเทศทั่วโลก ซึ่งสามารถทำงานร่วมกับฟีเจอร์ตรวจจับการล้มที่จะโทรหาหน่วยฉุกเฉินอัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้ไม่ตอบสนอง
- ราคา Apple Watch Series 5 ราคาเริ่มต้นถูกกว่า Series 4 รุ่นเดิม 1,000 บาท ราคาเริ่มต้น 13,400 บาท
- เป็นครั้งแรกที่ทำ Apple Watch วัสดุไทเทเนียม ซึ่งเป็นรุ่น Edition
- มาพร้อม watchOS 6
- ใช้งานร่วมกับ iPhone 6s และใหม่กว่าขึ้นไป
- รองรับ Apple Pay
ข้อมูลทางเทคนิคเพิ่มเติมชมได้ที่ Apple Support
7. ประสบการณ์หลังการใช้งาน Apple Watch Series 5
หากจะให้คำนิยามสั้น ๆ ผมก็จะบอกว่า
Apple Watch Series 5 เป็นเหมือนกับการใช้งาน Apple Watch Series 4 รุ่นสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
ขอเขียนเป็นหัวข้อย่อยจะได้อ่านกันง่าย ๆ นะครับ
7.1. หน้าจอแบบติดตลอดเวลา (Always On Display)
เป็นฟีเจอร์เด่นที่สุดของรุ่นนี้ ฟีเจอร์นี้จะทำงานได้จะต้องสวมใส่ที่ข้อมือเสียก่อนและเราสามารถเลือกที่จะปิดหรือเปิดฟีเจอร์นี้ได้ จุดเด่นอยู่ที่หน้าจอจะมีการปรับเปลี่ยนไม่ใช่เป็นเพียงการลดแสงหน้าจอให้มืดแล้วแสดงเพียงตัวเลขบอกเวลาเท่านั้น แต่ทว่าหน้าปัดนาฬิกา (Watch Face) แต่ละอันก็จะถูกออกมามา 2 เวอร์ชัน คือ แสดงหน้าจอปกติและแสดงตอนที่หน้าจอนั้นเข้าสู่โหมดสแตนบายของ Always On Display ที่แตกต่างกัน (ดูตามภาพด้านล่าง)
และทั้งนี้ในแอปต่าง ๆ อย่างที่เราใช้งานอยู่อย่างเช่น แอปสำหรับการออกกำลังกายที่จะแสดงข้อมูลขนาดที่เราออกกำลังกายอย่าง การ Plank, การวิ่งหรือการปั่นจักรยาน ฯลฯ จะแสดงข้อมูลให้เห็นตลอดเวลาโดยที่ไม่ต้องยกข้อมือขึ้นมา จะเพิ่มความสะดวกในจุดนี้
นอกจากนี้หน้าจอ Apple Watch Series 5 จะมาสามารถปรับความสว่างตามสภาพแวดล้อมที่ใช้งานได้ เช่น ถ้าใช้ในพื้นที่กลางแจ้งหน้าจอจะสว่างมากแต่ถ้าใช้ในพื้นที่แสงน้อยในตอนค่ำ ๆ หรือที่มืด ความสว่างของจอก็จะถูกปรับลดลงอย่างอัตโนมัติ
7.2. ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่
หากพูดถึงเรื่องข้อมูลทางเทคนิคพบว่ารุ่นที่ 5 มีแบตเตอรี่มากว่ารุ่นที่ 4 เพียง 1.4% ส่วนการใช้งานจริงนั้นต้องบอกเลยว่า “แบตเตอรี่ใช้ได้นานพอ ๆ กับ Apple Wacth Series 4” สำหรับการใช้งานทั่วไปที่ไม่ได้ใช้ในการออกกำลังกาย สามารถใช้ได้ประมาณ 2 วัน โดยที่รุ่นที่ 5 นั้นเปิดหน้าจอ Always On Display เอาไว้ด้วย
แต่หากผู้ใช้ที่ซื้อ Apple Wacth Series 5 มาใหม่ ๆ พบว่าแบตเตอรี่ลดลงค่อนข้างเร็วแนะนำว่าให้อัปเดต watchOS เป็นตัวล่าสุดเสียก่อน ก็จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
7.3. ความเร็วในการประมวลผล
ใน Apple Watch Series 5 มาพร้อมชิป S5 ตัวใหม่ที่เพิ่ม เข็มทิศและความจุของตัวเก็บข้อมูลมาเป็น 32GB ที่มากกว่ารุ่นก่อนหน้าที่มีเพียง 16GB แต่ว่า CPU และ GPU ในการประมวลผลนั้นเป็นตัวเดียวกับชิป S4 บน Apple Watch Series 4
ดังนั้นในแง่ของความเร็วในการประมวลผลนั้นถือว่าเทียบเท่ากับ Apple Watch Series 4 ไม่ได้ทิ้งห่างกันเลย ซึ่งหากเมื่อเทียบกับช่วงเปลี่ยนแปลงจากรุ่นที่ 3 มายังรุ่นที่ 4 นั้นจะเห็นว่าความเร็วนั้นเพิ่มจากเดิมมาก
สรุป ความเร็วการตอบสนองในการทำงานถือว่าดีและมีความลื่นไหล เปิดใช้งานแอปต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแอปการออกกำลังกาย, การตรวจจับระดับความดังเสียง, การฟังเพลง ฯลฯ ก็ทำได้ดี
7.4. ภาพลักษณ์หากมองจากภายนอก
รูปลักษณ์ภายนอกยังคงเหมือนเดิมเมื่อเทียบกับรุ่นที่ 4 ไม่มีเปลี่ยน ด้วยหน้าจอขนาด 40 มม. และ 44 มม. ที่ถูกเปลี่ยนมาในช่วงรุ่นที่ 4 และถูกนำมาใช้ในรุ่นที่ 5 นี้ด้วย สิ่งที่จะต่างออกไปก็คือเรื่องของวัสดุในการผลิตซึ่งจะมีรุ่น Apple Watch Edition ตัวเรือนไทเทเนียม(ตัวที่เรากำลังรีวิว) และเซรามิกสีขาวที่ค่อนข้างจะมีความโดดเด่น และใน Apple Watch Hermès ในปี 2019 นี้เป็นครั้งแรกที่มีตัวเรือนสแตนเลสสีดำให้เลือกซื้อด้วย
7.5. เข็มทิศใหม่
เข็มทิศที่เพิ่มเข้ามาใน Apple Watch เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานที่ทำกิจกรรมอย่าง เช่น การปีนเขา, การเดินป่า หรือ การแล่นเรือในท้องทะเล ฯลฯ ได้รับประโยชน์มากที่สุด ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องล้วง iPhone ออกมาดูให้เสียเวลา เพียงแค่ยกข้อมือขึ้นมาก็สามารถเช็คทิศทางได้แล้ว ในส่วนนี้เองผมไม่ค่อยได้ใช้งานสักเท่าไหร่แต่ก็ต้องบอกว่า “มีไว้ใช้ในยามจำเป็น ดีกว่าไม่มี” น่าจะดีกว่า
เมื่อลองเปิดเทียบกับเข็มทิศที่อยู่บน iPhone ก็พบว่ามีค่าที่ตรงกัน ทั้งนี้ยังสามารถปรับค่าได้ด้วยเผื่อใครต้องการความแม่นยำในการใช้งานที่มากขึ้น
7.6. การโทรขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน
ฟีเจอร์ Emergency SOS หรือ การโทรขอความช่วยเหลือฉุกเฉินนั้นจริง ๆ แล้วมีทั้งใน Apple Watch รุ่นเก่าและฝั่งของ iPhone ด้วย
ในส่วนที่ทำให้ Apple Watch Series 5 มีความแตกต่างคือ ในรุ่น GPS + Cellular นั้น เราสามารถโทรขอความช่วยเหลือฉุกเฉินได้ทั่วโลกโดยที่ Apple Watch Series 5 เครื่องนั้น ๆ ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนกับเครือข่ายผู้ให้บริการในประเทศต่าง ๆ
และฟีเจอร์นี้ก็เป็นอีกสิ่งที่ “มีไว้ใช้ในยามจำเป็น ดีกว่าไม่มี” อีกเช่นกัน
7.7. ประสบการณ์ที่ดีจาก watchOS 6
ส่ิงที่ทำให้ Apple Watch มีความสามารถที่โดดเด่นนั่นคือ ระบบซอฟต์แวร์
watchOS 6 ทำให้ Apple Watch สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น เมื่อรวมกับแอปที่มีคุณภาพจากเหล่านักพัฒนาแล้ว ยิ่งทำให้เป็น Smart Watch ที่มีความสมาร์ตที่สุด ณ เวลานี้
Apple Watch Series 5 ทุกรุ่นมาพร้อมกับ watchOS 6 ที่ทาง Apple ได้เปิดตัวในงาน WWDC 2019 เมื่อเดือน มิ.ย. 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งในเวอร์ชันนี้ความเปลี่ยนแปลงมากมาย หลายจุดที่เพิ่มเข้ามา ยกตัวอย่างที่เด่น ๆ เช่น
- แอป Noise สำหรับการตรวจวัดความดังของเสียงในบริเวณโดยรอบว่าจะเป็นอันตรายต่อหูของผู้ใช้งานหรือไม่ พร้อมทั้งเก็บสถิติการฟังเสียงของเราด้วยว่าอยู่ในระดับไหน
- Cycle Tracking แอปสำหรับการติดตามรอบเดือนของคุณผู้หญิง ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานลงบันทึกการเกิดประจำเดือนในแต่ละครั้งพร้อมกับลงข้อมูลส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้แอปจะวิเคราะห์ได้ว่าประจำเดือนรอบต่อไปจะมาเมื่อไหร่ ทั้งนี้ยังช่วยให้เราคาดการณ์วันไข่ตกได้ อีกทั้งข้อมูลเหล่านี้ก็จะช่วยทำให้ทราบว่าประจำเดือนมาปกติหรือไม่ เป็นต้น
- App Store ที่เพิ่มความสะดวกสบายทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาและดาวน์โหลดแอปลง Apple Watch ได้โดยตรงโดยไม่ต้องทำผ่าน iPhone อีกต่อไป
- ยืนยันลงชื่อเข้าใช้ Apple ID หากมีการล็อกอินจากอุปกรณ์อื่น ๆ ระบบสามารถแจ้งเตือนและแสดงรหัสลับการยืนยันที่ Apple Watch ได้เลย
- แสดงข้อมูลแนวโน้มการออกกำลังกาย เพื่อบอกผู้ใช้ว่าในระยะที่ผ่านมานั้นเราออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวมากน้อยเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อสร้างความตระหนักและกระตุ้นให้ผู้ใช้ขยับร่างกายมากขึ้นจะได้มีสุขภาพที่แข็งแรง
ทั้งนี้ยังมีอีกมากมายหลากหลายแอปที่จะช่วยให้ผู้ใช้ใช้งานได้อย่างสนุกสนานและมีความสุขกับการใช้งาน Apple Watch
8. สรุป
สำหรับการเปิดตัว Apple Watch Series 5 ในปี 2019 นั้นจัดว่าเป็น Minor Change ที่ต่อยอดจาก Apple Watch Series 4 ของปี 2018 ซึ่งทำให้ Apple Watch นั้นสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
หากมองภาพรวมในเรื่อง 3 เสาหลักของ Apple Watch ผมมองว่า Apple ตั้งใจที่จะทำให้นาฬิกาเรือนนี้เป็นมากกว่าสิ่งที่เอาไว้แจ้งเตือนจาก iPhone หรือเอาไว้แค่บอกเวลา แต่ทาง Apple ได้โฟกัสเรื่อง การไม่พลาดการติดต่อ, การใส่ใจในสุขภาพและการกระตุ้นให้ผู้ใช้ออกกำลังกาย ทำให้
Apple Watch นั้นเป็น Smart Watch ที่เหมาะกับทุก Lifestyle ของผู้ใช้งานมากที่สุดในท้องตลาด ณ เวลานี้
สำหรับความเห็นในเรื่องการซื้อนั้น หากใครยังไม่เคยมี Apple Watch มาก่อนหรือใช้รุ่นเก่าอย่าง Apple Watch Series 3 และเก่ากว่าลงไป แนะนำให้ซื้อรุ่นนี้ไปเลย แต่ถ้าใครใช้ Apple Watch Series 4 อยู่ก็แนะนำว่าให้ใช้ต่อไปเพราะว่าฟีเจอร์ใหม่ใน Apple Watch Series 5 นั้นยังไม่จำเป็นถึงว่าจะต้องมี เอาไว้รออัปเกรดปี 2020 ก็ยังไหวอยู่ครับ
9. คำถามเกี่ยวกับ Apple Watch ที่ถูกถามบ่อย ๆ
ทีมงานได้รวบรวมคำถามที่สำคัญ ๆ เกี่ยวกับ Apple Watch เอาไว้สามารถรับชมได้ในคลิปด้านล่างนะครับ
10. ราคาและสถานที่จัดจำหน่าย
ในส่วนของราคานั้น Apple Watch ถูกสุดเริ่มต้นที่ 13,400 บาท โดยราคาจะแตกต่างกันออกไปตามวัสดุของตัวเรือน, รุ่นของ Apple Watch Series 5 และสายที่เลือกซื้อ แต่ทุกเรือนนั้นประสิทธิภาพการประมวลผลเท่ากันหมด
และในปี 2019 นี้เป็นครั้งแรกที่เราสามารถปรับแต่ง Apple Watch ได้ตามชอบใจ ซึ่งการปรับแต่งในที่นี้หมายถึง การเลือกซื้อ Apple Watch ที่เราสามารถเลือกสี, ขนาด, วัสดุและสายต่าง ๆ ได้ตามชอบใจตั้งแต่ครั้งแรก โดยฟีเจอร์นี้เรียกว่า Apple Watch Studio ผู้ใช้สามารถทำเช่นนี้ได้ 3 ช่องทางคือ
- ผ่านหน้าเว็บ Apple Store Online
- ผ่านแอป Apple Store
- ที่หน้าร้าน Apple Iconsiam
และทั้งหมดนี้เป็นรีวิว Apple Watch Series 5 ฉบับเต็มที่รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นไว้ให้ผู้อ่านที่สนใจหรือกำลังตัดสินใจจะซื้อ Apple Watch มาใช้งาน หวังว่าจะช่วยในการตัดสินใจได้ไม่มากก็น้อย
หากว่ามีข้อมูลจุดไหนที่ขาดตกบกพร่องไปสามารถคอมเมนต์ไว้ที่ใต้บทความแล้วเดี๋ยวทีมงานจะมาตอบคำถามเพิ่มเติมให้นะครับ
ขอบคุณสำหรับการอ่านรีวิวฉบับนี้จนจบ
ผม ต้อม iMoD, สวัสดีครับ