Apple จะแบนแอปใน App Store ที่พยายามเสนอสิ่งจูงใจทางการเงินให้กับผู้ใช้เพื่อเปิดใช้งานการติดตามผ่าน App Tracking Transparency (ATT)
Apple จะแบนแอปที่พยายามหาช่องโหว่ของ App Tracking Transparency ออกจาก App Store
ฟีเจอร์ App Tracking Transparency (ความโปร่งใสในการติดตามแอป) ใน iOS 14.5 จะให้ผู้ใช้ตัดสินใจว่าจะให้แอปติดตามและเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวผ่านแอปและเว็บไซต์หรือไม่
หลักการทำงานของฟีเจอร์นี้ก็คือ เมื่อเราเข้าดาวน์โหลดและเข้าไปใช้อปครั้งแรก ระบบจะแสดงหน้าต่างให้กับผู้ใช้ เพื่อถามว่าต้องการให้แอปติดตามหรือไม่ โดยผู้ใช้จะเลือกได้ว่าจะ “ไม่ให้แอปติดตาม” หรือ “อนุญาต” ให้ติดตามได้
Craig Federighi รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของ Apple กล่าวว่า Apple จะบังคับใช้การฟีเจอร์นี้อย่างจริงจังที่สุดเท่าที่จะทำได้ และ Apple ได้ทราบว่าแอปบางตัวพยายามหลีกเลี่ยง App Tracking Transparency ด้วยลูกเล่นต่าง ๆ เช่น การเลียนแบบหน้าต่าง pop-up หรือ จำกัดฟังก์ชันบางอย่างในแอปถ้าผู้ใช้ไม่กด “อนุญาต”
เพื่อต่อต้านสิ่งนี้ แนวทางใหม่ของ Apple จะมีแนวทางห้ามไม่ให้แอปเหล่านี้พยายามทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดเพื่อเปิดใช้งานการอนุญาตให้ติดตาม โดยการเลียนแบบหรือใช้กราฟิกที่เลียนแบบหน้าต่าง pop-up ของระบบ App Tracking Transparency
มากไปกว่านี้ Apple มีนโยบายที่ว่า แอปใดก็ตามที่พยายามเสนอสิ่งจูงใจทางการเงินให้กับผู้ใช้เพื่อโน้มน้าวให้พวกเขาเปิดใช้งานการติดตามจะถูกแบนจาก App Store โดยแอปต่าง ๆ จะต้องทำตามคำแนะนำในสิ่งที่ไม่ควรทำดังนี้
- อย่าเสนอสิ่งจูงใจในการอนุญาตคำขอ โดยแอปไม่สามารถเสนอค่าตอบแทนแก่ผู้ใช้สำหรับการอนุญาตและถ้าหากผู้ใช้กด “ไม่ให้แอปติดตาม” ทางแอปห้ามระงับฟังก์ชันหรือเนื้อหา หรือทำให้แอปใช้งานไม่ได้
- อย่าแสดงข้อความที่เขียนขึ้นมาที่เหมือนการทำงานของการแจ้งเตือนระบบ App Tracking Transparency โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าสร้างปุ่มที่ใช้คำว่า “อนุญาต” หรือคำที่คล้ายกัน เพราะจะทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดได้
- อย่าแสดงภาพหน้าต่างแจ้งเตือน หรือทำการแก้ไขดัดแปลง
- อย่าวาดภาพที่ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ไปที่ปุ่ม “อนุญาต” ของการแจ้งเตือนระบบ
แอปยังสามารถใช้หน้าจอเริ่มต้นก่อนที่หน้าต่างของระบบจะปรากฏขึ้น เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการติดตามของแอป แต่หน้าจอเริ่มต้นเหล่านี้ต้องใช้ถ้อยคำเช่น “Continue (ดำเนินการต่อ)” “Next (ต่อไป)” ที่ไม่ใช่คำว่า “Allow (อนุญาติ)” ที่อาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดและสับสน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม
ที่มา – MacRumors