วันก่อนมีโอกาสได้ดู คลิปวิดีโอของ Facebook for developers ทำให้นึกถึงคำพูดของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่เคยกล่าวไว้ ว่า “จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้” เพราะไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์จะสามารถสร้างให้สิ่งที่หลายคนคิดว่า ไม่น่าเป็นไปได้ กำลังจะเป็นไปได้..ในอนาคต
เช่นเดียวกันกับ FB team ที่ได้ออกมาเผยถึงแนวคิดการพัฒนาเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็น แว่นตา VR หรือการพิมพ์ตัวอักษรจากสมองและจิตใจของมนุษย์ ซึ่งไวกว่าการใช้สมาร์ทโฟนถึงห้าเท่า ส่วนจินตนาการจะสำคัญกว่าความรู้จริงมั้ย คงต้องรอติดตามกันต่อไปนะคะ
สำหรับวันนี้.. ทีมงานมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่พัฒนาจนสำเร็จแล้ว มาเล่าสู่เพื่อนๆ แฟนเพจฟังกัน นั่นก็คือ “เทคโนโลยี AI กับ แว่นตาอัจฉริยะ เพื่อผู้พิการทางสายตา” ค่ะ
มาทำความรู้จัก AI กันก่อนดีกว่า ..
AI มาจากคำว่า Artificial Intelligence แปลเป็นภาษาไทยว่า ปัญญาประดิษฐ์
คือ สติปัญญาของเครื่องจักรหรือคอมพิวเตอร์ อาจกล่าวได้ว่า เป็นตัวแทนของมนุษย์ที่มีความชาญฉลาดสามารถทำงานหรือใช้เหตุผลในการแก้ไขปัญหาได้ดีกว่ามนุษย์ เกิดจากความพยายามของนักวิจัยในการศึกษาพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมที่จะสร้างเครื่องจักรที่มีความคิด โดยมีโจทย์ว่าจะทำอย่างไรถึงจะสร้างเชาว์ปัญญาให้คอมพิวเตอร์ได้ นอกจากนั้นยังต้องสามารถแสดงเหตุผล การเรียนรู้การวางแผนหรือความสามารถอื่น ๆ ได้ด้วย
ซึ่งเทรนด์ในปี 2017 มีการนำ AI มาใช้ในรูปแบบของ “Chat Bot” เพื่อตอบคำถาม หรือให้ข้อมูลกับผู้บริโภคมากขึ้น อย่างเช่น Chat Bot ของสำนักข่าว CNN ที่เข้ามาช่วยสรุปข่าวให้ผู้บริโภค รวมถึงแนะนำข่าวสารที่ผู้บริโภคต้องการแบบเฉพาะเจาะจงให้ได้ หรือแม้กระทั่ง Chat Bot ของเพจ iPhonemod ของเราด้วยนั่นเองค่ะ
แว่นตาอัจฉริยะคืออะไร
เป็นเทคโนโลยี AI ที่ถูกสร้างมา เพื่อช่วยให้ผู้พิการทางสายตา สามารถรับรู้และเข้าใจในสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งตนไม่สามารถมองเห็น เช่น ตัวอักษรต่างๆ หรือแม้แต่จดจำใบหน้าของผู้คนได้อีกด้วย
แว่นตาอัจฉริยะ ใช้ประโยชน์ยังไง
แว่นตาอัจฉริยะ จะมีกล้องเล็กๆ ที่ติดมากับตัวแว่น ซึ่งต้องใช้คู่กับหูฟัง หากมีตัวอักษรอยู่ข้างหน้า เช่น เมนูอาหาร กล้องเล็กๆ จะจับภาพ และแปลผลออกมาเป็นเสียง อธิบายให้ผู้พิการทางสายตาฟังได้ เหมือนให้ชีวิตใหม่กับพวกเขาอีกครั้ง
เห็นมั้ยล่ะคะว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้ามี “จินตนาการ” บางคนมองว่าคนที่มีจินตนาการเป็นคนเพ้อเจ้อ ไร้สาระ แต่ถ้าคุณไม่อยากให้คนอื่นมองคุณแบบนั้น คุณต้องลงมือทำมันด้วย เหมือนที่ Stephen Hawking นักฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ผู้คว้ารางวัล Albert Einstein Award มาครองได้ ถึงแม้ว่าเขาจะพิการทางการพูด และมีโรคประจำตัวเป็นกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง แต่เขาก็ไม่เคยท้อ และหมดกำลังใจ สามารถสร้างผลงานวิชาการทางวิทยาศาสตร์ออกมามากมาย ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ที่มีความฝันและจินตนาการมากทีเดียวค่ะ
สุดท้ายนี้ทีมงานอยากฝากไว้ว่า ..
ถ้ามีจินตนาการ และ กำลังใจ จะทำให้คุณบินไปคว้าฝันได้ไม่ยากเลย
แหล่งข้อมูล : BBC News, Facebook for Developers