หลังจากที่เราได้อัปเดต iOS 11 เวอร์ชันทางการเรียบร้อยแล้ว วันนี้ทีมงาน iPhoneMod ก็จะมาแนะนำการตั้งค่าอุปกรณ์เพื่อให้ใช้งาน iOS 11 ใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ มาดูกันว่าเราต้องตั้งค่า iPhone, iPad และ iPod touch หลังจากอัปเดต iOS 11 ตรงไหนบ้าง
ก่อนที่เราจะตั้งค่าอุปกรณ์ใหม่แนะนำว่าให้ทำการ Reset การตั้งค่าให้เรียบร้อยก่อน จะเลือก Reset All Setting (ข้อมูลไม่หาย) หรือทำการ Erase All Content (ข้อมูลจะหายหมด) เพื่อล้างเครื่องใหม่ ทั้ง 2 วิธีนี้แนะนำให้ทำการ Back up ก่อนนะคะ
ตั้งค่าบัญชีการใช้งานและความปลอดภัย
ตั้งค่าข้อมูลการใช้งาน และ Apple ID
ควรตรวจสอบก่อนว่า Apple ID ที่เคยผูกกับ iPhone, iPad หรือ iPod touch มีข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่
ไปที่ Settings > แตะที่ชื่อ Apple ID
เข้าไปตรวจสอบข้อมูลและตั้งค่าในส่วนที่สำคัญให้เรียบร้อยดังนี้
- Name, Phone Numbers, Email : กรอกข้อมูลการติดต่อและข้อมูลส่วนตัว
- Password & Security : ตั้งค่ารหัสผ่านและข้อมูลความปลอดภัย
- Payment & Shiping : ตั้งค่าข้อมูลบัตเครดิต การชำระเงิน และที่อยู่การจัดส่ง
- iCloud :ตรวจสอบข้อมูลบัญชี และพื้นที่การใช้งาน iCloud
- iTunes & App Store : ตั้งค่าการอัปเดตแอปอัตโนมัติ
เปิดการใช้งาน iCloud
ไปที่ Settings > แตะที่ชื่อ Apple ID > แตะ iCloud
ก่อนจะใช้งาน iCloud ได้นั้นสิ่งที่ต้องมีคือ Apple ID ดูวิธีสมัครที่นี่ จากนั้นก็ล็อคอิน iCloud เพื่อตั้งค่า
แนะนำให้เปิดทุกแอปใน iCloud เพราะเวลาที่เราย้ายเครื่อง เครื่องหาย หรืออัปเดต iOS ใหม่ เราจะต้องสำรองข้อมูลบน iCloud
ที่สำคัญอย่าลืมเปิด ค้นหา iPhone ของฉัน หรือ Find My iPhone ไว้เพื่อค้นหาตำแหน่งของ iPhone และป้องกันไม่ให้ขโมยนำเครื่องไปใช้งานได้
ตั้งรหัสผ่าน Passcode และ Touch ID
ไปที่ Settings > Touch ID & Passcode > กรอกรหัสผ่าน 6 หลัก > ตั้งค่ารหัสผ่านตามต้องการ
ผู้ใช้ควรตั้งค่าในส่วนนี้เพื่อความปลอดภัยในการเข้าใช้อุปกรณ์ ทั้งแบบสแกนนิ้วและแบบ Simple (ตัวเลข 6 ตัว)
ตั้งค่าเพื่อความสะดวกในการใช้งาน
ปรับแต่ง Control Center
การปรับแต่ง Control Center ได้เองเป็นฟังก์ชันใหม่ที่มากับ iOS 11 ผู้ใช้สามารถเลือกเครื่องมือต่างๆ ที่ต้องการมาแสดงบน Control Center เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึง เช่น นาฬิกาปลุก, Low Power Mode, Screen Record เป็นต้น
ไปที่ Setting > แตะ Control Center > แตะที่ Customize Controls > เลือกเครื่องมือที่ต้องการโดยเลือกไอคอน + และลบเครื่องมือที่ไม่ต้องการให้แสดงใน Control Center โดยแตะที่ไอคอน –
การปรับแต่งคีย์บอร์ด
ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลักดังนั้นแนะนำให้เพิ่มคีย์บอร์ดภาษาไทยเข้าไปด้วย (ในกรณีที่ระบบไม่ได้เพิ่มมาให้)
ไปที่ Settings > General > Keyboard > Keyboards > Add New Keyboard… > Thai
ถ้าหากต้องการเพิ่มภาษาอื่นให้ไปที่เมนู Settings > General > Keyboard > Add New Keyboard… > เลื่อนมาตรงส่วน OTHER IPHONE KEYBOARD แล้วก็เลือกภาษาที่ต้องการ
การตั้งค่าการใช้งานคีย์บอร์ดให้สะดวกมากยิ่งขึ้น
- ปิด Auto-Correction(เสนอคำอัติโนมัติ) : ปิดไม่ให้ iPhone คิดคำแทนเราว่าเรากำลังจะพิมพ์อะไรเพราะส่วนใหญ่คิดคำผิดให้ความหมายเปลี่ยน
- ปิด Predictive (การคาดเดา) : ข้อดีของการเปิดตัวนี้คือ ระบบ iOS จะเดาคำที่เรากำลังจะพิมพ์ จากนั้นเราสามารถแตะได้เลย แต่หากใครพิมพ์เร็วๆ และไม่ค่อยผิดก็สามารถปิดฟังก์ชันนี้ได้
- เปิด Enable Dictation (เปิดใช้งานป้อนตามคำบอก) : สั่ง iOS ให้พิมพ์ในสิ่งที่เราพูดได้
- ปิด Auto-Capitalization (ตัวพิมพ์ใหญ่อัตโนมัติ) : เพื่อไม่ให้ตัวแรกมันเป็นตัวใหญ่เสมอ (สำหรับภาษาอังกฤษ) เพราะบางครั้งเราอยากเขียนตัวเล็กหมดจะได้ไม่ต้องคอยกด Shift
ตั้งค่าเวลาสำหรับการล็อคหน้าจอ
ค่าปกติของระบบตั้งไว้ที่ 1 นาทีถ้าใครอยากปรับให้เร็วหรือช้ากว่านั้นก็เลือกตามความสะดวก หรือเลือก Never เพื่อไม่ให้หน้าจอล็อคเองอัตโนมัติ
ไปที่ Settings > Display & Brightness > Auto-Lock
ตั้งเวลาเปิด Do Not Disturb แบบอัตโนมัติ
Do Not Disturb เป็นโหมดที่ตั้งค่าห้ามรบกวน สามารถปรับตั้งค่าให้เปิดเองได้ โดยการเปิด Scheduled หมายถึง ถ้าเวลา 4 ทุ่ม – 7 โมงเช้าเครื่องจะอยู่ในโหมดห้ามรบกวน ข้อความแจ้งจะไม่ดัง โทรหาอาจจะไม่ติด ต้องโทรหลายๆ ครั้งถึงจะติด ประโยชน์ก็เพื่อเราจะได้พักผ่อนและไม่ให้ iPhone ส่งเสียงดังเตือนทั้งวันทั้งคืน
ไปที่ Settings > Do Not Disturb > เลื่อน เปิด Scheduled เพื่อตั้งช่วงเวลาที่ห้ามรบกวน
หรือจะเปิดผ่าน Control Center โดยใช้นิ้ว Slide Control Center ขึ้นมา > แตะที่ รูปพระจันทร์เสี้ยว > จะขึ้น Do Not Disturb On (เปิด)
ปรับการควบคุมแสงของหน้าจอ
ปิด Auto-Brightness เพื่อควบคุมแสงที่พอเหมาะด้วยตนเอง
ไปที่ Settings > General > Accessibility > Display Accommodations > ปิด Auto-Brightness
ปรับระดับแสงการใช้งานทั่วไปให้อยู่ที่ประมาณ 40% แสงจะได้ไม่จ้าเกินและประหยัดพลังงาน สามารถปรับในส่วน Setting หรือ Control Center ได้วิธีด้านล่าง
การปรับระดับแสงใน Control Center ใหม่ที่มาพร้อมกับ iOS 11 ทำได้โดยแตะค้างที่ Control การปรับระดับแสง > เลื่อนนิ้วขึ้นลง เพื่อปรับเพิ่ม-ลดแสง
ปรับขนาดตัวอักษรที่เหมาะสม
การปรับ Text Size (ขนาดตัวอักษร) เลือกปรับเล็กใหญ่ได้ตามความต้องการ
ไปที่ Setting > Display & Brightness > แตะ Text Size > เลื่อนซ้ายขวาเพื่อเลือกขนาดตัวอักษร
เปิด Night Shift หลังพระอาทิตย์ตกดิน
Night Shift คือโหมด ลดแสงสีฟ้า (Blue Light) จากหน้าจอ iPhone, iPad โดยใช้วิธีการปรับคลื่นแสง (Color Spectrum) สีฟ้าให้เป็นแสงสีเหลือง (หน้าจอเหลืองขึ้น) ช่วยถนอมสายตาสำหรับผู้ใช้ iPhone, iPad ในที่แสงน้อยหรือเวลากลางคืน
ใช้นิ้ว Slide Control Center ขึ้นมา > แตะค้างที่ Control การปรับระดับแสง > แตะเปิดที่ไอคอนรูปพระจันทร์เสี้ยว
ตั้งค่า Raise to Wake (ยกเครื่องเพื่อปลุก)
Raise to Wake เป็นคุณสมบัติที่พัฒนาเพื่อให้ผู้ใช้ iPhone สามารถดูการแจ้งเตือน, ดูเวลา, Siri, สภาพอากาศและเปิดกล้องผ่านหน้าจอ Lock Screen โดยง่าย เพียงแค่ยกเครื่องขึ้นมาดู และเมื่อวางเครื่องลง หรือคว่ำหน้าจอลง หน้าจอก็จะดับไปเองโดยอัตโนมัติ
ไปที่ Setting > Display & Brightness > แตะที่ Raise to Wake > เลื่อน เปิด – ปิด ตามต้องการ
Raise to Wake รองรับ iPhone 6s, 6s Plus, SE,7, 7 Plus, 8 และ iPhone X เท่านั้น
เปิด Rest Finger to Open เพื่อปลดล็อคหน้าจอ
Rest Finger to Open เป็นคุณสมบัติที่มาทดแทน Slide to Unlock ช่วยให้ผู้ใช้ iPhone iPad รองรับ Touch ID และมี iOS 10 ขึ้นไป สามารถปลดล็อคหน้าจอโดยใช้นิ้วแตะที่ปุ่ม Touch ID เท่านั้น
ไปที่ Setting > General > Accessibility > Home Button > แตะ Rest Finger to Open > เลื่อน เปิด – ปิด ตามต้องการ
รองรับ iPhone 6s, 6s Plus, SE,7, 7 Plus, 8 และ iPhone X เท่านั้น
ตั้งค่าเพื่อความลื่นไหลในการใช้งาน
เปิด Reduce Motion
Reduce Motion จะทำให้เครื่องทำงานเร็วขึ้น เพราะจะช่วยลดเอฟเฟกซ์ต่างๆ ของอุปกรณ์ทำให้เครื่องเปิดปิดแอปต่างๆได้เร็วและลื่นไหลมากขึ้น
ไปที่ Settings > General > Accessibility > Reduce Motion > เลื่อน เปิด Reduce Motion
เปิด Increase Contrast
การเปิด Reduce Transparency จะช่วยลดการโปร่งแสงของเมนูต่างๆ ทำให้ระบบประมวลผลได้เร็ว และการเปิด Darken Color ทำให้ระบบลดแสงสีขาวลง ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น
ไปที่ Settings > General > Accessibility > Increase Contrast > เลื่อน เปิด Reduce Transparency และ Darken Color
ตั้งค่าระบบอื่นๆ
ตั้งค่าการจัดเรียงรายชื่อ
ส่วนใหญ่คนไทยจะเรียกชื่อขึ้นก่อนนามสกุลเสมอ ซึ่งค่าปกติจะตั้งให้นามสกุลขึ้นก่อนชื่อ อาจจะไม่คุ้นเคยกับการใช้งานของคนไทย เราสามารถตั้งค่าให้ชื่อขึ้นก่อนนำสกุลได้
ไปที่ Settings > Contacts > Sort Order > First, Last
ปรับให้ Siri & Search ค้นหาสิ่งที่เราต้องการให้หา
ปกติแล้ว iOS จะเปิดค้นหาทุกแอปที่มีในเครื่องทั้งหมดซึ่งทำให้เกินความจำเป็น โดยปกติแล้วเราจะค้นหา เพลง รายชื่อผู้ติดต่อ, ข้อความในโน้ตหรือแอปจาก App Store เท่านั้น เราก็เลือกเปิดเท่าที่เราต้องการจะค้นห
ไปที่ Setting > Siri & Search > เลือกเปิดการค้นหาเฉพาะแอปที่เราต้องการ
ตั้งค่าแผนที่นำทาง
เลือกหน่วยระยะทางแสดงผลให้เป็นกิโลเมตรตามที่เราคุ้นเคยใช้งาน
ไปที่ Settings > Maps > เลือก Distances เป็น in Kilometers (กิโลเมตร)
เปิดการใช้งาน iMessage และ Facetime
ไปที่ Setting > Message เพื่อรับส่งข้อความจาก iOS Device และ macOS ได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย (ยกเว้นค่าอินเทอร์เน็ต)
ไปที่ Setting > FaceTime สามารถโทรวิดีโอคอลหรือแบบเห็นหน้าได้หรือจะเลือกโทรแบบเฉพาะเสียงผ่าน VOIP แบบนี้ไม่เสียค่าโทรของเครือข่ายมือถือเพราะจะใช้อินเทอร์เน็ตแทน ถ้าโทรผ่าน WiFi ก็ฟรีเช่นกัน ถ้าโทรผ่าน 3G/4G ก็หักอินเทอร์เน็ตจากแพ็กเกจที่เรามี
เปิดการใช้งาน Siri
อย่าลืมว่า Siri เป็นเลขาส่วนตัวของเราที่สามารถเรียกใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย เช่น สอบถามแผนที่การเดินทาง, การค้นหาข้อมูลต่างๆ เป็นต้น ดังนั้นเราควรจะเปิด Siri เพื่อเรียกใช้เมื่อต้องการ
ไปที่ Settings > Siri
ทั้งหมดนี้เป็นการตั้งค่าเบื้องต้นหลังจากอัปเดตติดตั้ง iOS 11 ใหม่ แนะนำให้ลองทำตามดูเผื่อเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน
ติดตามเนื้อหาที่น่าสนใจเกี่ยวกับ iOS 11 ได้ดังนี้
- iOS 11 มีอะไรใหม่
- iPhone, iPad รุ่นไหนอัปเดตได้บ้าง
- เตรียมเครื่องก่อนอัปเดต iOS 11
- วิธีการอัปเดตเป็น iOS 11
- ตั้งค่าจุดใดบ้างหลังอัปเดต iOS 11
- ตั้งค่าให้ iOS 11 ไหลลื่นและประหยัดแบตฯ
- ตั้งค่าให้ iOS 11 มีพื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้น
- Auto-Brightness ใน iOS 11 ย้ายไปอยู่ที่ไหน
- วิธีการดาวน์เกรดจาก iOS 11 ไปยัง iOS 10.3.4
- ดาวน์โหลด iOS 11 IPSW เวอร์ชันสมบูรณ์
เรื่องโดย iPhoneMod.net