Attapon Thaphaengphan
เปลี่ยนบรรยากาศมาดูรีวิวของเล่นสำหรับ iPad 2 และ iPad 3 กันบ้างสำหรับวันนี้ก่อนที่จะไปพบกับข่าวที่น่าสนใจนะครับ ผมมีเคสของ iPad ที่เห็นแล้วก็แปลกใจตั้งแต่แรกและก็ยังสงสัยว่ามันจะใช้งานได้ดีจริงหรือเปล่านะกลับลักษณะที่จะได้เห็นดังต่อไปนี้ แต่พอได้ลองเล่นและสัมผัสไปสักระยะทำให้รู้เลยว่าจุดเด่นของเจ้า BeanPad ตัวนี้คืออะไร ใครสนใจลองอ่านไว้เป็นข้อมูลดูผมจะบอกในมุมมองที่ว่าเมื่อเอาไปใช้งานจริงนั้นจะเวิกหรือไม่?
ติดตามกันได้เลยกับ รีวิว BeanPad เคส iPad ที่ช่วยให้คุณปรับมุมมองได้ 360 องศาตามที่ต้องการ
กล่องที่ได้มีค่อนข้างใหญ่และสิ่งแรกที่ได้ถือ BeanPad ต้องบอกเลยว่า “โอ้ว มันหนักมาก” นี่เป็นความรู้สึกแรกจริงๆ ตอนที่ได้รับเจ้านี่มาเล่น และถามคิดต่อว่า “มันจะเวิกไหมน้า?” พร้อมกับทำหน้างงๆ เลยตัดสินใจเอาไว้ลองเล่นดูก่อนแล้วกันหนะ ของไม่ดีจริงมันขายตัวมันเองไม่ได้หรอกน่า
คุณสมบัติของ BeanPad
- รองรับการปรับมุมและการเคลื่อนไหวในทุกทิศทาง
- มีความสเถียรตอนการงานและไม่ล่มง่าย
- กันสั่นได้
- ควบคุมการหมุนหรือปรับองศาได้ง่าย
- ใช้วัสดุคุณภาพสูงในการ
- ถุงที่เป็นฐานนั้นรองรับการกระแทกหากเครื่องตกโดยไม่ได้ตั้งใจ
- ออกแบบสวยงามและเข้ากับได้ดีเหมือนกับเป็นเฟอร์นิเจอร์อีก 1 ชิ้น
- ทำงานรองรับกับ SmartCover
แกะกล่อง BeanPad
ในกล่องมีเจ้า BeanPad สีดำที่บรรจุในถุงพลาสติก พร้อมน้ำหนักที่มากเอาโขของมัน ปกติมีทัังหมด 3 สีได้แก่ ดำ ชมพู และขาว
ด้านหน้าของ BeanPad จะมีโลโก้สีติดมาให้ สัมผัสแรกที่ได้จับคือเนื้นงานจะเป็นพลาสติกแบบโพลิเมอร์เนื้องานละเอียดและมีผิวสัมผัสที่ด้าน ทำให้ไม่ลื่นสามารถที่จะเกาะรับกับขอบ iPad 2, 3 ได้เป็นอย่างดี
มุมด้านข้าง อาจจะดูเหมือนก้อนๆ อะไรสักอย่าง เพื่อนผมยังแซวว่าเอาไปหนุนแทนหมอนได้เลยนะเนี่ย 😀 บอกก่อนว่ามันก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้นหรอกน่า
รวมร่างเข้ากับ iPad
BeanPad มีขอบที่เอาไว้เกาะกับมุมของ iPad ที่ไม่ใหญ่มากตอนแรกคิดว่ามันจะหลวมและหลุดง่าย แต่แท้จริงแล้วมันเกาะแน่นยังกับตุ๊กแกเสียอีก หลายคนอาจจะสงสัยว่าข้างในถุงดำนั้นมีอะไรอยู่? สิ่งที่อยู่ในนั้นมันเหมือนก้อนเล็กๆ สักอย่างที่มีน้ำหนักพอจับแล้วคล้ายๆ เม็ดถั่ว แบบนี้แหละมั้งเค้าเลยตั้งชื่อเจ้านี่ว่า BeanPad
พอเราบีบแล้วมันก็จะยุบตัวแล้วก็กลับมาสู่ตำแหน่งเดิม
ในแต่ละมุมก็ออกแบบมาให้สอดรับกับสัดส่วนของ iPad ที่มีไม่ว่าจะเป็นช่องเสียบหูฟัง
ปุ่มเพิ่ม-ลด เสียงและเปิด-ปิด
ต่อด้วยลำโพงส่วนท้ายของ iPad (การทดสอบนี้ผมใช้งาน iPad 2)
การใช้งานและข้อดีข้อเสียของ BeanPad
หลังจากที่ได้ใช้งาน BeanPad ผมพบว่ามีข้อแตกต่างกับเคส iPad ทั่วไปดังนี้ ด้วยน้ำนักที่มีมากกว่าทำให้ฐานของ BeanPad นั้นมั่นคงจะเหมาะมากที่สุดในการใช้งาน indoor เช่น ในบ้าน, โต๊ะที่ทำงาน, โซฟาเตียงหรือแม้กระทั่งในรถยนต์ ด้วยคุณลักษณะที่ BeanPad นั้นสามารถปรับมุมมองโดนการหมุนที่ทำได้ทั้ง 360 องศา จึงทำให้ไม่คุณจะหันไปทิศทางใด BeanPad ก็สามารถหมุนไปได้อย่างที่ต้องการ
ลองเปรียบเทียบกับเคสที่เคยรีวิวครั้งก่อนของ Capdase Folder Case รุ่น Folio Canvas สำหรับ iPad 2, The new iPad เท่ดูดีมีสไตล์ เป็นเคสที่ต้องบอกว่าถ้าจะออกไปข้างนอกและถือแบบสบายแถมเท่หน่อยกต้องแบบนั้น แต่ BeanPad นี่จะดีอีกอย่าง ลองดูภาพก่อนนะ
จะเห็นว่าเคสนั้นสามารถตั้งในแนวนอนได้เหมาะสำหรับการนั่งดูหนังบนโต๊ะอะไรทำนองนั้นอันนี้ไม่มีปัญหา
หากลองในแนวตั้งขอบอกเลยว่าเหมือนคนยืนขาเดียวและทำได้ไม่ดีเลย จากรูปนั้นผมพิงไว้กับเครื่องคอมนะ ส่วน BeanPad นี่ไม่ต้องห่วงไม่ว่ามุมไหนก็ทำได้แน่นอน
มันสะดวกที่เรานั่งทำงานบนโต๊ะจะหมุน iPad มาแสดงผมไหนๆ ก็ทำได้และเวลาตั้งในแนวนอนเราจิ้มจอแรงๆ ก็ไม่ได้ทำล้มเหมือนเคสทั่วๆ ไป
เพราะฐานที่แข็งแรงนั่นเอง
ตอนนอนเล่นบนที่นอนหรือนั่งเล่นแล้ววางไว้บนตักก็ดีอันนี้ไม่ต้องยกให้ปวดแขนเลย ผมใช้ iPad นอนเล่นบนที่นอนบ่อยๆ อันนี้รู้เลยว่าหากจะให้จอมันทำมุมกับทางที่ต้องการนั้นทำได้ยาก แต่ปัญหานั้นแก้ได้ด้วย BeanPad นี่เป็นภาพตัวอย่างการใช้งานจริงครับ
ราคา ของ BeanPad อยู่ที่ 2,899 รวมค่าจัดส่งทั่วประเทศ
สรุป BeanPad เป็นเคสที่เหมาะสำหรับการใช้งานกับที่ไม่เหมาะที่จะถือออกเดินไปเที่ยวเล่นเพราะขนาดที่ใหญ่และน้ำหนักที่เยอะ แต่จุดเด่นของ BeanPad คือ ความมั่นคงเวลาที่เราตั้ง, นอนหรือวาง iPad เอาไว้ขณะที่เราเล่นเกมส์, ท่องเว็บหรือดูหนัง ฯลฯ ทำให้ลดความเมื่อยที่เราต้องถือ iPad ตลอดเวลาหากเทียวกับเคสอื่นๆ เพื่อปรับให้ได้มุมตามที่ต้องการ
นั่นเป็นสิ่งที่ผมสามารถแชร์ให้ชมได้นะครับ
ต้องขอบคุณ iGadget Thailand ที่ได้นำ BeanPad มาให้ทีมงานได้ทดสอบและใช้งาน
สำหรับใครที่สนใจต้องการเป็นเจ้าของ BeanPad วันนี้ทาง iGadget Thailand มีโปรพิเศษสำหรับแฟนๆ iPhonemod ที่ติดต่อไปจะมีส่วนลดให้พิเศษนะครับ รีบๆ หน่อยเพราะสินค้ามีจำนวนจำกัด
