เชื่อว่าคงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จัก App นี้ และช่วงนี้ก็คงจะได้ยินกันคุ้นหูมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากมีข่าว Facebook เข้าซื้อ WhatsApp มูลค่าสูงถึง 19 พันล้านเหรียญสหรัฐ และในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ WhatsApp กันให้มากขึ้นครับว่า App นี้มีดีอะไรกันนักหนานะ Facebook ถึงได้ยอมทุ่มซื้อขนาดนี้
- WhatsApp ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2009
- ผู้ก่อตั้ง WhatsApp เคยไปสมัครงานที่ Facebook มาก่อนแต่กลับถูกปฏิเสธ
- Facebook พึ่งซื้อ WhatsApp ไปไม่นานนี้ด้วยราคาสูงถึง 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ปี Facebook ซื้อ Instagram ไปประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เงิน 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณหกแสนล้านกว่าบาท เทียบได้กับกำไรธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศไทยอย่าง ปตท. ประมาณ 6-7 ปี
- ทั้งที่ WhatsApp มีพนักงานประมาณ 50 คน และส่วนใหญ่เป็นวิศวกร
- WhatsApp มีผู้ใช้งาน 450 ล้านคนและเกิน 70% เป็นผู้ใช้งานทุกวัน ส่วน Line มีผู้ใช้งานประมาณ 300 ล้านคน
- การเติบโตของ WhatsApp อยู่ที่ 1 ล้านคนสมัครใหม่ต่อวัน และยังโตไวกว่า Skype, Facebook, Twitter หากวัดช่วงเปิดตัว 4 ปีแรก
- รายได้ของ WhatsApp มาจากค่าแอปฯ เพียง $0.99 ต่อปี โดยปราศจากโฆษณาหรือการรบกวนจากแอปฯ อื่น เช่น “คำชวนเพื่อนเล่นเกมแบบ Line” สิ่งรบกวนเหล่านี้จะไม่มีให้เห็นใน WhatApp
- WhatsApp ไม่มีบน PC และอนาคตก็จะไม่มี เนื่องจากจุดยืนบริษัทแตกต่างจาก Line รวมถึงเรื่องร้านค้าสติกเกอร์และการสนับสนุนแอปฯ อื่นในเครือ
สรุป
ก็ถือเป็นบริษัทที่สร้างความสำเร็จได้เกินตัว (ใช้เวลาก่อตั้งแค่ไม่กี่ปี) ก่อนหน้านี้ก็เคยมีกูรูและคนไทยหลายคนฟันธงว่า WhatsApp ไม่มีทางสู้ Line ได้ (หรือหนักกว่านั้นก็ไปแช่งว่าเตรียมเจ๊งได้เลยตั้งแต่เก็บตังค์ – -“) แต่แท้จริงแล้วหาใช่ได้ดูตลาดโลกเลยว่าเขาใช้อะไรกัน (ในต่างประเทศถ้าไม่นับโซนเอเชียใช้ Line น้อยมากจนแทบไม่รู้จักเลย)
ส่วนตัวเคยซื้อ WhatsApp มาใช้งานคิดว่าก็เหมาะกับการคุยธุรกิจดี มีการจัดการ Group ที่เป็นระเบียบมาก (ลองเป็น Line จะเลื่อนหาเนื้อหากันแทบไม่เจอ – -*) แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ใช้แล้วเพราะคนไทยส่วนใหญ่ชอบ Line มากกว่า (ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรรสนิยมแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ส่วนของเราจะชอบอะไรมุ้งมิ้งเหมือนญี่ปุ่น)
แต่ก่อนเคยคิดว่า Sticker Line เป็นอะไรที่ไร้สาระ ซื้อไปก็เปลืองเงินเปล่า ๆ แต่พอมาดูตอนนี้ปรากฎว่ามีสติกเกอร์ในเครื่องเพียบเลย แถมยังเป็นแฟนคลับบราวน์อีกต่างหาก O,o!
ถ้าหากถามกันตรง ๆ ย้ายไป WhatsApp ได้ก็ยินดีเลยนะครับตอนนี้ (ถ้าคนที่ติดต่อยอมย้ายไปด้วย) เพราะผมรู้สึกว่า WhatsApp เป็นอะไรที่สร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้น้อยกว่ามาก ตัวแอปฯ เองไม่มีคำเชิญจากเกมหรือโฆษณาอื่น ๆ มากวนใจเลย
แหล่งข้อมูล – manager, thairath
ย้ายไปไม่ได้หรอกครับ เอาจริงๆ ว่า WhatsApp ใช้ไม่สะดวกไปแล้วสำหรับคนไทย
แค่มันใช้บนคอมไม่ได้ ส่งไฟล์มาเก็บในคอมเพื่อทำงานต่อไม่ได้ เท่านี้ชีวิตการทำงานก็ลำบากไปแล้ว
เพราะส่งไฟล์ทางเมลมันยุ่งยากกว่าส่งผ่าน LINE อีก
สำหรับผมส่งเมล์ไม่ยุ่งยากเท่าไรครับ แต่ถ้าต้องมาโหลดติดตั้งบน PC จะยุ่งยากกว่าเข้าเว็บเช็คเมล์เสียอีก
19,000 ล้านเหรียญ หรือเปล่าครับ ไม่ใช่ 19 พันล้านเหรียญนะครับ 🙂
19 พันล้านเหรียญถูกแล้วครับ ต่างประเทศเขานับกันเป็น k 1 k เท่ากับ 1 พัน อย่าโชว์โง่ โอเค๊
คุณเจ๋งสุดๆไปเลยครับ
เป็นคลีคนเขียนคนละคนกันน่ะครับ ก่อนหน้านี้เขาใช้คำว่า "19 พันล้านเหรียญ" (ผมยกลิงค์ของเขามา) ส่วนตัวผมใช้คำว่า 19,000 ล้านเหรียญ แต่จริงแล้วเป็นมูลค่าเท่ากัน ^^
19พันล้าน = 19 billion = 19,000,000
19,000ล้าน = 19,000 million = 19,000,000
แตกต่างกันตรงไหนครับ?
มันก็แค่แปลเป็นไทยไม่เคลียร์
เค้าเขียนถูกแล้วครับ คนฝรั่ง กับคนไทย เค้าอ่านไม่เหมือนกัน 😀
19*1,000=?
มันเท่ากันนิ่คับ และอีกอย่าง ฝรั่งเค้าอ่านแบบนั้น 55555
นานาจิตตังครับ ใครถนัดอะไรก็ใช้อันนั้น อันไหนมีประโยชน์กว่า ก็ใช้อันนั้น เท่านั้นเอง ไม่มีใครผิดใครถูก
ส่วนตัวใช้ทั้ง 2 อย่าง ชอบ whatsapp ที่ใช้ง่ายไม่ยุ่งยาก ไม่มีโฆษณา ซื้อตั้งแต่ออกมาใหม่ๆ เลย ส่วน Line นั้น ก็ใช้เหมือนกับ whatsapp และไว้ใช้กับคนนอก ที่ไม่อยากให้เบอร์โทรศัพท์ ส่วน sticker มีเยอะโหลดฟรี แต่ใช้จริงอยู่แค่ 2 อันเท่านั้น มีไม่มีไม่เดือดร้อน แต่รำคาญพวกที่ใช้ sticker เยอะเกินเหตุ เปิดมา มีเป็นร้อยข้อความ เข้าไปดูจริงๆ มีแต่ sticker
สรุปแล้ว ชอบพอๆ กัน ไม่มีอันไหนมากไปกว่ากัน
ชอบ whatapp รายชื่อไม่ปวดหัวดี
ใครสะดวกใช้อะไรก็ใช้ไป มีดีกันทั้งนั้น ใช้ได้ประโยน์ก็ดีถมไป ต้องขอบคุณผู้คิดวิธีการสื่อสารถึงกัน
เมื่อก่อนก็ใช้แต่ตอนนี้ไม่มีใครใช้ด้วยแล้ว
แท้จริงแล้วหาใช่ได้ดูตลาดโลกเลยว่าเขาใช้อะไรกัน (ในต่างประเทศถ้าไม่นับโซนเอเชียใช้ Line น้อยมากจนแทบไม่รู้จักเลย)
เห็นด้วย ฝรั่งบางคนไม่รู้จัก แม้แต่ WhatsApp ก็เถอะ