Canon เปิดตัวกล้องมอเรอร์เลส EOS M50 Mark II ที่ใช้งานง่าย เก่งทั้งด้านการถ่ายภาพและวิดีโอ ต่อยอดมาจากกล้องรุ่นฮิตอย่าง EOS M50 เพื่อตอบโจทย์ทั้งการถ่ายภาพ การถ่ายวิดีโอและการถ่ายทอดสด (live streaming)
แคนนอน เผยโฉม EOS M50 Mark II กล้องมิเรอร์เลสที่เก่งรอบด้ านทั้งการถ่ายภาพและวิดีโอ พัฒนาต่อยอดจากกล้องยอดนิยม EOS M50 เพื่อให้การถ่ายภาพนิ่งและวิดี โอเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น
กรุงเทพฯ 12 พฤศจิกายน 2563 – แคนนอน เสริมทัพผลิตภัณฑ์กล้องมิเรอร์เลสด้วยการเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ EOS M50 Mark II ที่ออกแบบมาเพื่อนักถ่ายภาพและผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายวิดีโอและการถ่ายทอดสด (live streaming) รวมถึงผู้ที่อยากมีช่อง YouTube เป็นของตัวเอง ถือเป็นกล้องที่ใช้งานง่าย และออกแบบมาเพื่อช่วยสร้างภาพถ่ายและวิดีโอที่น่าดึงดูดใจทั้งถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอได้คมชัดยิ่งขึ้นด้วยเซ็นเซอร์ APS-C CMOS ความละเอียด 24.1 ล้านพิกเซล พร้อมระบบออโต้โฟกัส Dual Pixel CMOS AF ให้การโฟกัสอัตโนมัติที่ฉับไวและแม่นยำยิ่งขึ้น รวมถึงได้เปิดตัวแฟลช Speedlite EL-1 และเลนส์ RF ใหม่อีก 2 รุ่น พร้อมอุปกรณ์เสริมครบชุด ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับมืออาชีพ
“EOS M50 Mark II เป็นกล้องที่ใช้งานง่ายและมีความสามารถรอบด้าน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายและวิดีโอ 4K ที่สวยงามได้อย่างง่ายดายในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย พร้อมฟีเจอร์สำหรับการถ่ายทอดสด (live streaming) และการถ่ายวิดีโอที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอยู่ภายในตัวกล้อง ผู้ใช้จึงสามารถอัปโหลดวิดีโอเพื่อแชร์ในโซเชียลมีเดียได้อย่างรวดเร็วแม้ในขณะเดินทาง”
ถ่ายภาพบุคคลและการเคลื่อนไหวได้อย่างสวยงามและมีชีวิตชีวา
EOS M50 Mark II มีระบบออโต้โฟกัสตรวจจับดวงตา (Eye Detection AF) ที่สามารถตรวจจับและโฟกัสดวงตาของตัวแบบได้เสมอแม้จะอยู่ไกลจากกล้อง ใช้ได้ทั้งในการถ่ายภาพครึ่งตัวและเต็มตัว อีกทั้งยังจับภาพได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำเมื่อตัวแบบเดินเข้ามาจากระยะไกล จึงเหมาะสำหรับการถ่ายภาพทีเผลอ (candid) เช่นเดียวกัน
ระบบออโต้โฟกัสตรวจจับดวงตา (Eye Detection AF) สามารถทำงานร่วมกับระบบออโต้โฟกัสแบบติดตามวัตถุ (Servo AF) ในการถ่ายภาพนิ่ง และแบบติดตามวัตถุในการถ่ายวิดีโอ (Movie Servo AF) ผู้ใช้จึงสามารถถ่ายภาพที่ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวแบบได้แม้ตัวแบบกำลังเคลื่อนไหว
EOS M50 Mark II ถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุด 7.4 ภาพต่อวินาทีเมื่อใช้ระบบออโต้โฟกัสแบบServo AF จึงสามารถใช้ในการถ่ายภาพตัวแบบที่เคลื่อนไหว เช่น เด็กและสัตว์เลี้ยง ส่วนช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) ของกล้องช่วยในการดูภาพขณะถ่ายได้สะดวกแม้ถ่ายภาพกลางแจ้งที่มีแสงจ้า กรอบแสดงโฟกัสในช่องมองภาพ (EVF) และจอแอลซีดียังได้รับการปรับปรุงให้มีความเร็วในการแสดงภาพสูงขึ้นและติดตามตัวแบบได้อย่างราบรื่นมากขึ้น ผู้ใช้จึงทราบได้ทันทีว่าจุดโฟกัสอยู่ส่วนใดในภาพโดยที่จอภาพไม่มีอาการหน่วง
EOS M50 Mark II เป็นกล้องตระกูล EOS รุ่นแรกที่มีฟีเจอร์การออโต้โฟกัสแบบแตะ (Tap AF) ที่ช่วยให้ผู้ใช้เปลี่ยนจุดโฟกัสจากบุคคลหนึ่งในภาพไปยังอีกคนหนึ่งด้วยการแตะเลือกบนจอแอลซีดี เหมาะสำหรับการถ่ายภาพหมู่ นอกจากนี้ยังมีการออโต้โฟกัสแบบแตะและลาก (Touch & Drag AF) ที่ใช้ในการเลื่อนกรอบการโฟกัสโดยวาดนิ้วไปบนจอแอลซีดีขณะถ่ายภาพโดยใช้ช่องมองภาพ
มอบประสบการณ์การถ่ายวิดีโอที่สะดวกยิ่งขึ้น
ระบบออโต้โฟกัสที่รวดเร็วและแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญในการถ่ายวิดีโอที่ตัวแบบมีการเคลื่อนไหว ซึ่งกล้อง EOS M50 Mark II มีระบบออโต้โฟกัสตรวจจับดวงตา (Eye Detection AF) ที่ทำงานร่วมกับ Movie Servo AF ในการติดตามตัวแบบที่อยู่ในกรอบภาพได้อย่างราบรื่น ผู้ใช้จึงมุ่งความสนใจไปที่การจัดองค์ประกอบภาพได้โดยปล่อยให้การติดตามตัวแบบเป็นหน้าที่ของกล้อง
ชุดคำสั่งในระบบออโตโฟกัสจากความเปรียบต่างของแสง (contrast AF algorithm) ที่ปรับปรุงใหม่เพิ่มความแม่นยำของการโฟกัสอัตโนมัติระหว่างการถ่ายวิดีโอ 4K โดยใช้เลนส์ตระกูล EF-M จึงถ่ายวิดีโอได้อย่างราบรื่นมากขึ้นและมีการสั่นน้อยลง นอกจากนี้ EOS M50 Mark II รองรับการซูมดิจิทัลสำหรับวิดีโอ (ประมาณ 3-10 เท่า) ที่บริเวณกลางจอภาพระหว่างการถ่ายทำ และสามารถใช้ร่วมกับการซูมออปติคัลของเลนส์ในการถ่ายวิดีโอในระยะใกล้ได้
สำหรับกล้องในปัจจุบัน เมื่อนำวิดีโอแนวตั้งที่ถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพมาเล่นซ้ำในแนวนอนด้วยอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ ภาพมักจะมีขนาดเล็กลง แต่ EOS M50 Mark II มีตัวเลือก “เพิ่มข้อมูลการหมุน – add rotate info” ที่ช่วยให้สามารถเล่นวิดีโอเป็นแนวตั้งโดยอัตโนมัติในสมาร์ทดีไวซ์ คอมพิวเตอร์ และโซเชียลมีเดียที่รองรับ จึงให้ประสบการณ์ที่ดีกว่าในการรับชม
รวมถึงเหล่า Vlogger ยังสามารถใช้กล้องรุ่นนี้ในการไลฟ์สดไปยัง YouTube โดยเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์สตรีมมิ่งโดยเฉพาะ EOS M50 Mark II ยังรองรับแพลตฟอร์มคลาวด์ image.canonซึ่งผู้ใช้ที่ลงทะเบียนแล้วสามารถอัปโหลด ดาวน์โหลด เก็บ และถ่ายโอนภาพระหว่างอุปกรณ์หลายชิ้นได้อย่างราบรื่น
กล้องรุ่นนี้มาพร้อมจอแอลซีดีปรับหมุนได้ รวมถึงฟีเจอร์ต่างๆ เช่น สั่งถ่ายวิดีโอผ่านหน้าจอระบบสัมผัส ตั้งเวลาถ่ายวิดีโอ และช่องต่อไมโครโฟนภายนอก ทำให้การถ่ายวิดีโอและถ่ายทอดสดเป็นเรื่องง่ายและสะดวก
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมสำหรับผู้ใช้งานสาย vlog ได้แก่ ขาตั้งกล้องแบบมือจับพร้อมรีโมทคอนโทรล Canon Tripod Grip HG-100 TBR (ราคา 3,900 บาท) ที่สามารถหมุนได้ 360 องศา เปลี่ยนเป็นขาตั้งกล้อง 3 ขาได้ รองรับการติดตั้งกล้องในแนวตั้ง รวมถึงการติดตั้งไมโครโฟนภายนอกเพื่อเพิ่มคุณภาพการบันทึกเสียง และไมโครโฟนสเตอริโอชนิดติดกล้อง Canon Stereo Microphone DM-E100 (ราคา 3,800 บาท) ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ปรับองศาการรับเสียงได้ 120 องศา ความไวเสียงสูง มาพร้อมอุปกรณ์คลุมหัวไมค์แบบขน ช่วยกรองเสียงรบกวนเพื่อคุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม
ควบคุมแสงได้อย่างเหนือชั้นด้วย Speedlite EL-1
Speedlite EL-1 แฟลชรุ่นเรือธงใหม่จากแคนนอน และเป็นแฟลชรุ่นแรกที่มีเส้นขอบสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ที่แสดงถึงคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความทนทานที่เป็นเลิศ ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ มาพร้อมหลอดซีนอนใหม่ที่ให้ความเสถียรสูงในการปล่อยกระแสไฟฟ้าและมีความทนทาน
แฟลชรุ่นนี้ให้ความยืดหยุ่นสูงในการใช้งาน โดยสามารถปรับระดับพลังงานด้วยตัวเองได้ถึง 14 สต็อป ต่ำสุดที่ 1/8192 เมื่อใช้ร่วมกับการตั้งค่า ISO สูงในกล้องจะได้ภาพที่คงสีสันและสภาพแวดล้อมอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงให้แสงแก่ตัวแบบที่เป็นมนุษย์ได้อย่างแนบเนียน
ผู้ใช้สามารถควบคุมแฟลชแบบไร้สายพร้อมกันได้สูงสุดถึง 15 ตัว โดยใช้สัญญาณวิทยุ เพิ่มความสะดวกในการควบคุมแสงเพื่อสร้างสรรค์ผลงาน
Speedlite EL-1 ใช้แบตเตอรีลิเธียมไอออนที่ออกแบบวงจรชาร์จใหม่ จึงชาร์จพลังงานได้ด้วยความเร็วสูงและยิงแฟลชได้อย่างฉับไวสำหรับการถ่ายภาพสิ่งที่เคลื่อนไหว ความเร็วในการชาร์จจะไม่ลดลงแม้แบตเตอรีมี
พลังงานต่ำ และสามารถยิงแฟลชต่อเนื่องได้ไม่ต่ำกว่า 160 ครั้ง เพราะมีระบบทำความเย็นที่มีประสิทธิภาพและหลอดซีนอนที่ทนทาน
แบตเตอรี LP-EL ที่ใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้นทำให้ Speedlite EL-1 ยิงแฟลชได้ถึง 335 ครั้งที่กำลังแฟลช 1/1 ซึ่งมากกว่าแฟลชรุ่น Speedlite 600EX II-RT ถึง 3.4 เท่า อีกทั้งยังมีหลอดไฟนำ LED แบบสีถึง 2 หลอด ช่วยในการคาดการณ์สีสันและทิศทางของแสงก่อนการถ่ายภาพ
Speedlite EL-1 ได้รับการซีลป้องกันฝุ่นและหยดน้ำเช่นเดียวกับกล้อง EOS-1DX Mark III รวมถึงชุดหน้าจอแสดงผลปรับปรุงใหม่และปุ่มควบคุมมัลติคอนโทรลเลอร์ ช่วยให้การเข้าถึงเมนูและปรับตั้งค่าทำได้สะดวกยิ่งขึ้น
ยกระดับทุกการถ่ายภาพบุคคล กีฬาและสัตว์ป่า ด้วย RF50mm f/1.8 STM และ RF70-200mm f/4L IS USM ในขนาดพกพา
พร้อมกันนี้แคนนอนยังได้เปิดตัวเลนส์ RF ใหม่ในระบบ EOS R System 2 รุ่น ได้แก่ RF70-200mm f/4L IS USM เลนส์ซูมเทเลโฟโต้ที่สั้นและเบาที่สุดในโลก ในเลนส์ถอดเปลี่ยนได้ในทางยาวโฟกัส 70-200 มม. f/4 และ RF50mm f/1.8 STM เลนส์ไพรม์รุ่นล่าสุดในทางยาวโฟกัส 50 มม.ที่ทำงานฉับไวและราคาจับต้องได้ เพื่อใช้งานกับกล้องมิเรอร์เลสในตระกูล EOS R Series ได้แก่ EOS R5, EOS R6, EOS Ra, EOS R และ EOS RP
RF70-200mm f/4L IS USM มีน้ำหนักเพียง 695 กรัม และยาวเพียง 119 มม. สั้นกว่าเลนส์เทเลโฟโต้ระยะเดียวกันถึง 32% และยาวกว่าเลนส์ RF24-105mm f4L IS USM เพียงเล็กน้อย จึงพกพาและเก็บใส่กระเป๋าพร้อมกล้องได้สะดวก ให้ภาพถ่ายคุณภาพสูงตลอดทั้งช่วงซูม การจัดเรียงชิ้นเลนส์ช่วยลดการเกิดขอบดำในภาพ (vignetting) ความคลาดของสี (chromatic aberration) และภาพหลอก (ghosting) แม้ถ่ายภาพโดยใช้ทางยาวโฟกัส 200 มม. รูรับแสงแบบกลมพร้อมม่าน 9 กลีบช่วยเพิ่มโบเก้ได้ถึงขอบภาพ ช่วยให้ได้ภาพที่มีฉากหลังเบลอดูนุ่มนวล
เลนส์รุ่นนี้มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว (image stabilizer) ในตัวเลนส์ สูงสุด 5 สต็อป และสามารถขยายได้เป็น 7.5 สต็อปเมื่อใช้ร่วมกับกล้อง EOS R5 และ EOS R6 จึงสามารถถ่ายภาพได้คมชัดแม้ถือกล้องถ่ายในที่มืดโดยใช้ทางยาวโฟกัส 200 มม. มอเตอร์เลนส์ Nano USM ช่วยในการโฟกัสอย่างฉับไวและแม่นยำตลอดช่วงทางยาวโฟกัส ทั้งยังทำงานเงียบ ไม่กระตุก และลดการเกิดโฟกัสไหล จึงใช้ถ่ายวิดีโอได้อย่างราบรื่น
RF70-200mm f/4L IS USM มีระยะโฟกัสต่ำสุดเพียง 0.6 เมตร (เทียบกับเลนส์ระดับเดียวกันที่มักมีระยะโฟกัสต่ำสุดประมาณ 1 เมตร) และกำลังขยายสูงสุด 0.28 เท่า โครงสร้างเลนส์ป้องกันฝุ่นและหยดน้ำ ทนต่อการกระแทก และเคลือบสารป้องกันความร้อน พื้นผิวของชิ้นเลนส์หน้าสุดยังเคลือบด้วยสารฟลูออรีนเพื่อป้องกันการเกาะตัวของความมันและหยดน้ำ
สำหรับเลนส์ไพรม์ RF50mm f/1.8 STM มาพร้อมทางยาวโฟกัส 50 มม. ที่นักถ่ายภาพนิยมใช้ รวมถึงมีค่ารูรับแสง f/1.8 สำหรับการใช้งานในที่แสงน้อยและการถ่ายภาพบุคคลให้มีฉากหลังดูนุ่มนวล ตัวเลนส์มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ให้มุมมองภาพใกล้เคียงกับดวงตามนุษย์ จึงใช้ถ่ายภาพได้หลากหลายตั้งแต่การถ่ายภาพทั่วไปและแนวสตรีท ไปจนถึงการถ่ายภาพบุคคล ทิวทัศน์ และอาหาร ระยะโฟกัสต่ำสุดเพียง 30 ซม. จึงถ่ายภาพในระยะใกล้ได้สะดวก การผสมผสานของคุณสมบัติเด่นทั้งรูรับแสงกว้าง ออกแบบมาเพื่อกล้องมิเรอร์เลส (short back focus) ที่ เป็นจุดเด่นของเมาท์ RF และการใช้เลนส์แอสเฟอริคัล PMo ช่วยลดการเกิดแสงจ้า (flaring) ภาพหลอก (ghosting) และความคลาดแสงแบบดาวหาง (coma aberration) พร้อมทั้งให้ภาพถ่ายที่คมชัดมีคุณภาพสูง
สามารถติดตามรายละเอียด การประกาศราคาและวันจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของกล้องมิเรอร์เลส Canon EOS M50 Mark II เลนส์ RF70-200mm f/4L IS USM และ RF50mm f/1.8 STM รวมถึงแฟลช Speedlite EL-1 ได้ที่ https://th.canon/th/consumer
คุณสมบัติผลิตภัณฑ์
รุ่นกล้อง | EOS M50 Mark II |
ชิปประมวลผลภาพ | DIGIC 8 |
เซ็นเซอร์ภาพ Camera Effective Pixels (total pixels) | APS-C size CMOS |
ประมาณ 24.1 ล้านพิกเซล | |
(ประมาณ 25.8 ล้านพิกเซล) | |
เซ็นเซอร์วัดแสง | 384 zone (24 × 16) วัดโดยใช้เซ็นเซอร์ภาพ |
ระบบโฟกัส | Dual Pixel CMOS AF (มี Contrast Detection สำหรับการถ่ายวิดีโอ 4K) |
ระบบออโต้โฟกัส | ติดตามใบหน้า (Face+Tracking), แบบโซน (Zone AF)*, แบบจุดเดียว (1-point AF)*, แบบจุด (Spot AF)*
*ไม่สามารถใช้ได้กับวิดีโอ 4K |
จำนวนจุดออโต้โฟกัส | ภาพนิ่ง: สูงสุด 3975 จุด วิดีโอ: สูงสุด 3375 จุด (full HD) |
พื้นที่จุดออโต้โฟกัส เมื่อเลือกแบบอัตโนมัติ | ภาพนิ่ง: สูงสุด 143 จุด วิดีโอ: สูงสุด 117 จุด |
ระบบออโต้โฟกัสแบบติดตามใบหน้า | รองรับ (เมื่อตั้งค่าเป็นติดตามใบหน้า – Face+Tracking) |
การโฟกัสแบบแตะและลาก (Touch & Drag AF) | รองรับ (เมื่อปิดการใช้งาน [แตะเลือกเพื่อเลือกวัตถุ – Tap to select subject]) |
แตะเลือกเพื่อเลือกวัตถุ | รองรับ |
ISO ปกติสำหรับภาพนิ่ง | 100 – 25,600 ขยายได้เป็น H (ISO 51,200) |
ISO ปกติสำหรับวิดีโอ | Full HD/HD: 100 – 12,800 ขยายได้เป็น H (ISO 25,600)
4K: 100 – 6400 |
ถ่ายภาพต่อเนื่อง | สูงสุด 10 ภาพต่อวินาที (One-Shot AF) สูงสุด 7.4 ภาพต่อวินาที (Servo AF) |
ความเร็วชัตเตอร์สูงสุด | 1/4000 วินาที |
จอ LCD | กว้าง 3.0 นิ้ว ความละเอียด 1.04 ล้านจุด ปรับหมุนได้ |
การถ่ายวิดีโอ | 4K UHD (3840 × 2160) : 25.00p/23.98p Full HD (1920 x 1080) : 59.94p/50.00p/29.97p/25.00p/23.98p HD (1280 x 720): 59.94p/50.00p Hybrid Auto Full HD (1920 x 1080) : 59.94p/50.00p/29.97p/25.00p/23.98pHybrid Auto HD (1280 x 720): 59.94p/50.00pVideo Snapshot / Miniature effect movie Full HD (1920 x 1080) : 29.97p/25.00p/23.98pHigh Frame rate movie HD (1280 x 720): 119.88p/100pTime-lapse movies 4K UHD (3840 × 2160) & Full HD (1920 x 1080): 29.97p/25.00p |
ซูมดิจิทัลสำหรับวิดีโอ | มี (กำลังขยาย 3-10 เท่า) |
ขนาด | 116.3 × 88.1 × 58.7 มม. |
น้ำหนัก | สีดำ: 387กรัม (รวมแบตเตอรีและการ์ดความจำ)
สีขาว: 388 กรัม (รวมแบตเตอรีและการ์ดความจำ) |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi /Bluetooth Low Energy Technology |
รุ่นแฟลช | Speedlite EL-1 |
Guide Number (ISO100 ใน เมตร / ฟุต): |
60/196.9 |
ช่วงซูม: | 24-200 มม. |
กำลังแฟลช: | 1/8192 – 1/1 |
องศาแฟลชครอบคลุม: | 14มม.* ถึง200มม.(*กับแผ่นwide panel) |
องศาของการสะท้อนแสง: | 120 องศาขึ้นไป, 7 องศาลงไปและ180 องศาในแนวนอน(ซ้ายและนอน) |
ฟังก์ชันแฟลชแบบไร้สาย: | สัญญาณออปติคอลและสัญญาณวิทยุ |
จำนวนการยิงแฟลชสูงสุด: | 335 -2345 ครั้ง ด้วยแบตเตอรี LP-EL ชาร์จเต็ม |
แหล่งพลังงาน: | แบตเตอรีลิเธียมไอออน LP-EL |
RF70-200mm f/4L IS USM | RF50mm f/1.8 STM | |
ทางยาวโฟกัส | 70 – 200 มม. | 50 มม. |
ค่ารูรับแสงสูงสุด | f/4 | f/1.8 |
ระยะโฟกัสต่ำสุด | 0.6 เมตร (ตลอดทั้งช่วงซูม) |
0.30 เมตร |
กำลังขยายสูงสุด | 0.28 เท่า (ทางยาวโฟกัส200 มม.) | 0.25 เท่า |
โครงสร้างเลนส์ | 16 ชิ้น จัดเป็น 11 กลุ่ม | 6 ชิ้น จัดเป็น 5 กลุ่ม |
Special Low Dispersion Glass | เลนส์ UD 4 ชิ้น | – |
เส้นผ่านศูนย์กลางฟิลเตอร์ | ø77 มม. | ø43 มม. |
ม่านรูรับแสง | 9 กลีบ | 7 กลีบ |
ระบบป้องกันภาพสั่นไหว(CIPA Standard Correction Effect) | มี (5 สต็อป) | – |
เส้นผ่านศูนย์กลางและความยาวเลนส์สูงสุด | 83.5 มม. x119 มม. | 69.2 มม. x 40.5 มม. |
น้ำหนัก | 695 กรัม | 160 กรัม |