เปิดตัวกันไปแล้วสำหรับ iPad 9.7″ (2018) เพื่อการศึกษารุ่นใหม่ ทีนี้หลายคนอาจสงสัยว่ามันต่างจากรุ่น 2017 ปีที่แล้วอย่างไร คำตอบก็คือถึงแม้ว่าจะดีขึ้น แต่แทบเรียกไม่ได้เลยว่าเป็นรุ่นใหม่ เพราะความแตกต่างมันน้อยมากจริง ๆ จนคุณไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่เลยก็ได้ ส่วนจะต่างกันตรงไหนนั้นมาดูกัน
iPad 9.7″ (2018) และ iPad 9.7″ (2017) ต่างกันอย่างไร ?
รูปลักษณ์ภายนอก
เมื่อดูจากรูปลักษณ์ภายนอก แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกออกระหว่างสองรุ่นนี้ ที่มีขนาด 240 x 169.5 x 7.5 มม. เหมือนกันและสามารถใช้เคสร่วมกัน แต่ขอบจอจะหนากว่า iPad Pro 10.5″ ส่วนรุ่น WiFi และ WiFi + Cellular มีน้ำหนักเท่าเดิมคือ 469 กรัม และ 478 กรัม
ทั้งสองรุ่นยังใช้ Touch ID รุ่นแรกอยู่เหมือนเดิม
และข่าวดีที่ทุกคนอย่างฟังก็คือ iPad 9.7″ (2018) ยังคงเก็บช่องหูฟัง 3.5 มม. อยู่เหมือนเดิมไม่ได้ทอดทิ้งไปไหนแบบที่ทำกับ iPhone 7 เป็นต้นมา เท่ากับว่านักศึกษาที่มีงบประมาณจำกัด ยังคงใช้หูฟังเดิมได้อยู่
หน้าจอแสดงผล
ก่อนหน้านี้เราเคยเปรียบเทียบ iPad Air 2 หรือ iPad 9.7″ (2017) ต่างกันอย่างไร เลือกรุ่นไหนดี ข่าวร้ายก็คือ iPad 9.7″ (2018) รุ่นใหม่ก็ยังเลือกใช้หน้าจอเหมือนเดิม ไม่ได้เป็นจอภาพแบบ Full Lamination แบบเดียวที่อยู่ใน iPad Air 2 ซึ่งให้ภาพที่สวยงามกว่าและให้อารมณ์สัมผัสจอจริง ๆ มากกว่าการสัมผัสกระจก
หน่วยประมวลผล
ข่าวดีก็คืออย่างน้อยก็เปลี่ยนชิป iPad 9.7″ (2018) มาพร้อมกับ A10 Fusion ในขณะที่รุ่นก่อนหน้ามาพร้อมกับ A9 หมายความว่ารุ่นใหม่จะมีประสิทธิภาพมายิ่งขึ้น ในการรับมือกับการใช้งานแบบแยกหน้าจอ รวมถึงการทำงานหลายเกมและการเล่นเกม แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงเป็นรอง iPad Pro 10.5″ (2017) ซึ่งเป็น A10X อยู่นิดหน่อย
ในส่วนของ RAM แน่นอนว่า Apple ยังไม่ได้เปิดเผย (และไม่เคยเปิดเผย) แต่คาดว่าน่าจะมีขนาด 2GB เท่ากับรุ่นก่อนหน้า ดังนั้นถ้าหากอยากได้ 4GB ทางเดียวคือต้องหนีไปซื้อ iPad Pro 10.5″ (2017) แทนเหมือนเดิม
กล้อง
ใช่แล้ว! เหมือนเดิมทุกอย่างโดยจะได้กล้องหลัง 8MP พร้อมรูรับแสง ƒ/2.4 กับเลนส์ขนาดห้าชิ้น, HDR, ระบบกันสั่นและการบันทึก Full HD ส่วนกล้องหน้า Facetime HD จะอยู่ที่ 1.2MP พร้อมรูรับแสง ƒ/2.2 รวมถึง Retina Flash
รองรับการวาดหน้าจอ
หนึ่งในความแตกต่างที่ชัดเจนและรุ่นนี้จะเป็นรุ่นแรกของ iPad ที่ไม่ใช่รุ่น Pro แล้วรองรับ Apple Pencil ส่วนเรื่องราคาจะมี Logitech Crayon ที่ขายถูกกว่าครึ่งราคาเพิ่มเข้ามา ซึ่งเหมือนว่าจะผลิตออกมาเพื่อลูกค้าสถาบันการศึกษามากกว่าลูกค้าทั่วไป ส่วนประสิทธิภาพจะต่างกันอย่างไรคงต้องรอรีวิวอีกครั้ง
ราคา
จุดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น “ราคา” ที่ออกแบบมาเพื่อการศึกษา และถึงแม้ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไปก็สามารถซื้อได้ โดยมาราคา “ถูกลง” กว่าเดิมประมาณ 1,000 บาท และยิ่งไปกว่านั้นหากคุณเป็นนักศึกษาจริง ก็จะได้ราคาที่ลดเพิ่มเข้าไปอีก ราคาเริ่มต้นเพียง 10,800 บาท แถมฟรี iCloud 200GB จากเดิม 5GB
iPad 9.7″ (2018) Wi-Fi
- Wi-Fi 32 GB ราคา 11,500 บาท
- Wi-Fi 128 GB ราคา 14,900 บาท
iPad 9.7″ (2018) Wi-Fi + Cellular
- Wi-Fi + Cellular 32 GB ราคา 16,900 บาท
- Wi-Fi + Cellular 128 GB ราคา 19,900 บาท
สำหรับนักศึกษา / อุปกรณ์เสริม
- ราคาสำหรับนักศึกษา 10,800 บาท แถมฟรี iCloud 200GB จากเดิม 5GB
- Apple Pencil ราคา 3,400 บาท
ที่มา – techradar