เปิดตัวกันไปแล้วสำหรับ iPhone Xs ซึ่งจะมาแทนที่ไอโฟนรุ่นเก่าอย่าง iPhone X และเป็นที่ทราบกันดีว่า s หมายถึง Speed ซึ่งเป็นความเร็วที่เพิ่มเข้ามา แต่นอกจากความเร็วหน่วยประมวลผลแล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ ซึ่งในวันนี้เราจะมาเปรียบเทียบกันว่าระหว่างรุ่น Xs กับ X จะเลือกอะไรดี (กรณีที่คุณยังหาซื้อรุ่นเก่าได้อยู่นะ)
ลักษณะทางกายภาพ
ขนาดของ Xs นั้นเท่ากับ X ทุกประการไม่ว่าจะเป็นความกว้าง ความสูง หรือความหนา สามารถใช้ร่วมกับเคสเดิมได้ 100% แต่หากคุณต้องการให้เห็นถึงความแตกต่างจะเป็นเรื่องของ “สีทอง” ที่เพิ่มเข้ามา ส่วนความจุก็มีเพิ่มขึ้นอีกรุ่นคือ 512GB และท้ายสุดคือเรื่องน้ำหนัก Xs หนักมากขึ้นเล็กน้อยอีก 3 กรัม (ประมาณลูกอมเม็ดนึง)
ความทนทาน
หากตอบในทางเทคนิค Xs จะทนกว่าแน่นอน เพราะมาตรฐานกันน้ำที่สูงขึ้นในระดับ IP68 (ความลึกไม่เกิน 2 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) ต่างจากเดิมที่ความลึกไม่เกิน 1 เมตร แต่ถึงอย่างไรก็ตามทุกแบรนด์ประกันขาดหากน้ำเข้า เอาเป็นว่าหากใครอยากเอาไปว่ายน้ำ หรือเล่นสงกรานต์ก็สบายใจขึ้นอีกนิด
ประสิทธิภาพ
นับเป็นครั้งที่สองของโลกกับหน่วยประมวลผล 7 นาโนเมตร หลังจากรุ่นแรกคือ Kirin 980 ที่จะถูกนำไปใช้กับ Huawei Mate 20 (ยังไม่เปิดตัว) นอกจาก Apple แล้วก็ยังไม่มีค่ายไหนที่ทำได้ขนาดนี้ ซึ่งในตอนนี้ iPhone X (ชิพ A11 Bionic) เป็นสมาร์ทโฟนที่เร็วที่สุดในโลก และการเปิดตัวของ iPhone Xs (ชิพ A12 Bionic) ก็จะยิ่งทำให้เป็นสมาร์ทโฟนที่เร็วที่สุดของที่สุดในโลกอีกทีหนึ่ง
- 2 คอร์ประมวลผลการทำงานเร็วขึ้นสูงสุด 15%
- ใช้พลังงานน้อยลงสูงสุด 50%
- เร็วขึ้นสูงสุด 50%
- เร็วขึ้นสูงสุด 9 เท่า
Apple ไม่เคยคุยเรื่องขนาดแบตเตอรี่ (และในตอนนี้ก็ยังไม่คุย) แต่สิ่งที่น่าตกใจคือหน่วยประมวลผลแรงขึ้น กลับกลายเป็นใช้พลังงานน้อยลง แทนที่จะต้องเพิ่มแบตเตอรี่ให้หนักเครื่องแล้วสิ้นเปลืองพลังงาน สรุปก็คือมันใช้งานได้นานขึ้นราว 30 นาที (สำหรับ Xs Max ใช้งานได้นานขึ้น 1.5 ชั่วโมง) พูดตามตรงก็คือเรื่องความเร็วอาจไม่ก้าวกระโดดนักในการใช้งานทั่วไป แต่ชิพใหม่เน้นไปที่งานเฉพาะทางอื่นมากกว่า
กล้อง
จากรายละเอียดในเว็บไซต์ Apple อนุมานได้ว่ากล้องน่าจะเป็นตัวเดิม แต่อย่าพึ่งเสียใจไปเพราะด้วนอานิสงส์ของหน่วยประมวลผลใหม่ ที่ช่วยให้เซ็นเซอร์และอัลกอริทึมทำงานร่วมกับ ISP, Neural Engine ในการถ่ายภาพคุณสมบัติใหม่ อาทิ Smart HDR ที่ไม่ต้องคอยถือกล้องนิ่ง ๆ ก็สามารถถ่ายย้อนแสงได้ หรือจะเป็นโบเก้และการควบคุมระยะชัดลึก (อันนี้ค่ายอื่นก็ทำออกมา แต่รุ่นไหนจะดีหรือด้อยกว่าคงต้องรอรีวิวอีกครั้ง) ปรับได้กระทั่งภาพที่ถ่ายไปแล้ว ส่วนคนที่ชอบถ่าย VDO ตัวใหม่นี้จะเหมาะมาก เพราะรองรับการถ่ายช่วงไดนามิกกว้าง ในอัตราเฟรมเรตช่วง 30 fps (คุมแสงและเงาได้ดีขึ้นมาก) นอกจากนี้ยังรองรับการบันทึกเสียงสเตอริโอ
เน็ตเร็วขึ้น
หากคุณต้องการความเร็วสูงสุด iPhone Xs รองรับระบบ Gigabit LTE และ LAA ซึ่งสูงกว่า 4G LTE Advanced ในแบบเก่า (ทั้งนี้ปัจจัยหลักจะอยู่ที่เครือข่ายอีกที) ถามว่าระบบนี้ใช่เรื่องใหม่รึเปล่าก็ไม่ เพราะในสมาร์ทโฟนเรือธงหลายแบรนด์ก็ใส่มาไม่แตกต่างกัน แต่จะต่างกันตรงที่เมื่อ Apple ผลิตออกมาจะมีความร่วมมือกับเครือข่ายไว้ก่อนหน้า หากนึกไม่ออกลองคิดถึง eSIM ที่มีมานานแต่เครือข่ายไม่รองรับ จนกระทั่งวันที่มี Apple Watch Cellular ก็เกิดรองรับขึ้นมาซะอย่างงั้น และแน่นอนว่าเน็ตความเร็วระดับ Gbps หลังจากนี้ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
สองซิม
ไอโฟนสองซิม ต่อจากนี้จะไม่ได้หมายถึงมือถือจีนแดงแต่อย่างใด Apple จัดมาให้แต่ในรูปแบบที่เราไม่คุ้นเคย ซึ่งระบบนี้คือ Dual SIM (nano-SIM + eSIM) โดยซิมหนึ่งจะเป็นซิมปกติ ส่วนอีกซิมจะเป็นซิมที่ไม่มีตัวตน วิธีใช้งานก็แค่ไปเปิดกับเครือข่ายที่รองรับ ส่วนหากเป็นโซนประเทศจีน ฮ่องกงหรือมาเก๊า จะพิเศษนิดตรงที่เป็น nano-SIM + nano-SIM ในแบบที่เราคุ้นเคยกันดี
ราคา
จริงอยู่ที่สองรุ่นนี้เปิดตัวราคาพอกัน (ราคาไทยยังไม่เปิดแต่คิดว่าไม่ต่างจากเดิม) แต่ความน่าสนใจจะอยู่ตรงที่ว่า iPhone X ที่ทาง Apple เลิกจำหน่ายไปแล้ว แต่ทางตัวแทนจำหน่ายยังมีสต๊อกคงเหลืออยู่ ซึ่งเราก็คงต้องติดตามกันอีกทีว่าราคาจะเอามาล้างสต๊อกที่เท่าไหร่ และจากข้อมูลที่เรารวบรวมมามีดังนี้
- iPhone X 64GB
เปิดตัวราคา 40,500 บาทราคากลางปัจจุบัน 33,800 บาท - iPhone X 256GB
เปิดตัวราคา 46,500 บาทราคากลางปัจจุบัน 36,700 บาท - iPhone Xs 64GB (คาดการณ์) เปิดตัวราคา 40,500 บาท
- iPhone Xs 256GB (คาดการณ์) เปิดตัวราคา 46,500 บาท
- iPhone Xs 512GB (คาดการณ์) เปิดตัวราคา 53,500 บาท
- iPhone Xs Max 64GB (คาดการณ์) เปิดตัวราคา 44,500 บาท
- iPhone Xs Max 256GB (คาดการณ์) เปิดตัวราคา 50,500 บาท
- iPhone Xs Max 512GB (คาดการณ์) เปิดตัวราคา 57,500 บาท
เท่ากับว่าส่วนต่างในตอนนี้ก็อยู่ประมาณเกือบหมื่นบาท ที่เหลือก็แล้วแต่ผู้ซื้อแล้วว่าสนใจที่ราคาไหน แต่ไม่แน่ว่าในวันที่จำหน่าย iPhone Xs ราคากลางของ iPhone X อาจมีการปรับลงอีกก็ได้ เพราะว่าทาง Apple ได้เลิกจำหน่ายไปแล้ว ยังไงก็ลองตัดสินใจกันดูแล้วกันนะครับ ทำไม Apple ถึงเลิกขาย iPhone X ทั้งที่เปิดตัวได้เพียงแค่ปีเดียว