Halide (นักพัฒนา) ออกมาเผยวิธีทำงานของ iPhone SE ว่าทำไมถึงถ่าย Portrait ได้ทั้ง ๆ ที่ใช้กล้องแบบเดียวกับ iPhone 8 และไม่ใช้เทคโนโลยีแบบเดียวกับ iPhone XR
โหมด Portrait ใน iPhone SE (รุ่นที่ 2)
iPhone SE (รุ่นที่ 2) เปิดตัวมาพร้อมกับตัวเครื่องและวัสดุเหมือน iPhone 8 เกือบทุกประการ รวมไปถึงกล้องหน้าและกล้องหลังตัวเดียวด้วย แต่ iPhone SE พิเศษกว่าเพราะถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) ได้
Halide นักพัฒนาแอปถ่ายภาพเผยว่า iPhone SE เป็น iPhone รุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยี “Single Image Monocular Depth Estimation” ที่ช่วยให้ iPhone สามารถเบลอฉากหลังได้โดยใช้ภาพแบบ 2D
ใน iPhone รุ่นก่อนหน้านี้, โหมด Portrait จะต้องการกล้อง 2 ตัวในการถ่ายภาพโดยแยกเป็นตัวแบบและฉากหลัง
iPhone SE ใช้ “Focus Pixel” ไม่ได้
iPhone XR ที่มีกล้องหลังตัวเดียวและสามารถถ่าย Portrait ได้ก็เพราะใช้เซ็นเซอร์ชื่อว่า “Focus Pixel” ช่วยประมวลผลระยะชัดลึกได้ แต่ใน iPhone SE ที่สเปกกล้องค่อนข้างเก่าจึงใช้ Focus Pixel ช่วยถ่าย Portrait เหมือน iPhone XR ไม่ได้ แต่ก็ใช้เทคโนโลยีอื่นเข้ามาช่วยแทน
ตัวอย่างภาพชัดลึกของ iPhone XR และ iPhone SE
iPhone SE ใช้ ML ช่วยถ่าย Portrait
iFixit แกะเครื่อง iPhone SE แล้วยืนยันว่า iPhone SE ใช้เซ็นเซอร์กล้องเหมือน iPhone 8 จึงใช้ Focus Pixel เหมือน iPhone XR ไม่ได้ แต่ iPhone SE ใช้ ML หรือ Machine Learning ช่วยประมวลผลหน้าชัดหลังเบลอนั่นเอง
นั่นหมายความว่า iPhone SE เมื่อใช้ ML ก็จะสามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง และนอกจาก ML แล้วส่วนหนึ่งก็มาจากความสามารถของชิป A13 Bionic ด้วย
ถึงแม้โหมด Portrait และหน้าชัดหลังเบลอของ iPhone SE นั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการหยิบคุณสมบัติจาก iPhone รุ่นพรีเมียมมาใส่ในรุ่นเริ่มต้น และให้นักพัฒนาสามารถนำคุณสมบัตินี้ไปต่อยอด อย่างเช่น Halide ที่สามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอทั้งคนทั้งวัตถุได้นั่นเอง
ที่มา – appleinsider