สำหรับมือใหม่ที่ใช้งาน Mac หลายคนจะเจอปัญหาว่าถ้าหากต้องการพิมพ์งานเอกสารแต่ไม่รู้ว่าจะใช้แอปอะไร ซึ่งแน่นอนว่าหลายๆ คนคุ้นชินกับ Microsoft Office อย่าง Word, Excel, Power Point มาก่อน แล้วทีนี้พอเปลี่ยนมาใช้ Mac จะต้องใช้แอปอะไรทำงานแทนหละ มีทางเลือกอะไรบ้างเราไปชมกันครับ
พิมพ์งานเอกสารบน Mac จะใช้แอปอะไรดี
iWork
โปรแกรมสำหรับพิมพ์งานที่พัฒนาโดย Apple ตั้งแต่ปี 2005 และเวอร์ชันล่าสุดคือ iWork 2016 เปิดให้ดาวน์โหลดและใช้งานฟรีทั้งบน macOS และ iOS สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไรรอยต่อ และสวยงามในทุกมิติ นอกจากนี้ยังได้มีการอัปเดตคุณสมบัติ iWork for iCloud ที่สามารถใช้งาน (แบบย่อ) บนเว็บไซต์ได้อีกด้วย
- Pages ใช้พิมพ์เอกสาร และจัดหน้ากระดาษ
- Numbers สเปรดชีต สำหรับใส่แผนภูมิ ตาราง
- Keynote โปรแกรมนำเสนอ Apple ใช้ทุกครั้งตอนเปิดตัวผลิตภัณฑ์
จุดเด่นของ iWork คือเรื่องความเข้ากันได้ดีกับ macOS รวมถึงการใช้งานจัดรูปแบบที่สวยงาม แต่หลายคนมองว่าใช้ยากเนื่องจากมีพื้นฐานการใช้งานผ่าน Microsoft Office มาก่อนนั่นเอง และข้อเสียอีกประการที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากไม่มีโปรแกรมบน Windows จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เวลาที่จะส่งไฟล์ไปยังระบบอื่น
Google Docs
คู่แข่งที่ Microsoft กลัวยิ่งกว่า Apple สำหรับ Google Docs เป็นชุดโปรแกรมที่ทำงานผ่าน Web Browser โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งใดๆ เพียงแค่เปิดหน้าเว็บไซต์ก็ใช้งานได้เลย และจะสมบูรณ์แบบที่สุดหากใช้งานผ่าน Google Chrome ปัจจุบันเป็นที่นิยมหลากหลาย เพราะสามารถใช้งานบนระบบใดก็ได้ (รวมถึง macOS) และไม่มีปัญหาเรื่องความต่างกันของระบบ
- Docs ใช้สำหรับทำเอกสาร
- Sheets ใช้สำหรับสร้างตาราง
- Slides ใช้สำหรับโปรแกรมนำเสนอ
จุดเด่นของ Google Docs คือสามารถใช้งานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างไม่ติดขัด มีการเชื่อมต่อ Add-ons ไปยังหลายบริการของทาง Google ซึ่งถึงแม้ว่าความสามารถจะไม่อาจเทียบเท่าโปรแกรมแบบติดตั้งลงเครื่อง แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน การใช้งานจำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
Microsoft Office For Mac
โปรแกรมที่ทุกคนต่างคุ้นเคยกันดีที่สุด เพราะแทบจะมีการใช้งานกันอยู่ในเกือบทุกองค์กร สำนักงาน หรือหน่วยงานราชการ ถึงแม้ว่าเวอร์ชั่นบน Windows ทาง Microsoft ได้พัฒนาเวอร์ชั่นสำหรับลูกค้าที่ใช้งาน macOS โดยเฉพาะ ข้อดีของการใช้งาน Microsoft Office for Mac คือ การทำงานรวมกับคนที่ใช้ Windows PC ราบรื่น และเหมาะมากกับคนที่ต้องใช้ Excel เป็นหลักในการทำงานหรือเรียนหนังสือ เพราะมันดีที่สุดและทาง Microsoft มีทางเลือกให้ลูกค้าซื้อใช้งานสองแบบ คือ
- Office 365 บริการสมาชิก ที่มีสิทธิพิเศษหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Office บนเครื่อง Mac, iPad, iPhone ก็สามารถใช้ได้หมด รวมถึงพื้นที่ในการเก็บข้อมูลเอกสาร รูปภาพถึง 1TB (OneDrive) โทรฟรี Skype 60 นาทีทุกเดือน
- Microsoft Office for Mac 2016 แบบซื้อขาด ซื้อแล้วใช้ได้ตลอดไป ซึ่งการออกแบบใน Office for Mac เวอร์ชั่นนี้ ได้ใช้การพัฒนาโปรแกรม codebase แบบเดียวกับบน Windows จึงทำให้ความต่างกันนั้นน้อยลงกว่าสมัยก่อนครับ
OpenOffice
โครงการ Apache OpenOffice ที่เปิดให้ทุกคนดาวน์โหลดไปใช้งานได้ฟรี และด้วยความเก่าแก่ที่สั่งสมมารวมแล้วมียอดดาวน์โหลดไปกว่า 1.6 ล้านครั้ง หากคุณเข้าไปหน้าเว็บอาจคิดว่ามันเจ๊งไปแล้ว (แต่แค่สลบยังไม่ตาย) ผู้สร้างยังยืนยันที่จะพัฒนาต่อ เพียงแต่ว่าจะช้าหน่อยถึงช้ามาก (ของฟรีจะเอาไรมาก) โดยรวมแล้วปล่อยปีละครั้งเพื่อแก้ Bug และเวอร์ชันล่าสุดอยู่ที่ 4.1.5 เนื่องจากประสบปัญหาด้านการขาดแคลนนักพัฒนา
LibreOffice
พี่น้องร่วมสายเลือดที่แยกวงออกมาจาก OpenOffice อีกทีหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงความโบราณของดีไซน์ไม่แตกต่างกัน (บอกว่าของฟรีอย่าบ่น!) ปัจจุบันโปรแกรม LibreOffice อยู่ที่เวอร์ชัน 5.4.4 ซึ่งก็ดูดีขึ้นมานิดนึง และด้วยหน้าตาคล้ายกับ Microsoft Office จึงทำให้เรียนรู้การใช้งานได้ไม่ยาก
สรุป
หากคุณใช้งานแค่คนเดียวหรือเพื่อนร่วมงานใช้ macOS ด้วยกัน แนะนำให้เรียนรู้ iWork เพื่อใช้งานจะดีที่สุด แต่หากคุณจำเป็นต้องทำงานร่วมกับ Windows และวิธีดีที่สุดก็คือ Microsoft Office For Mac (เสียเงินแต่ไม่แพง แนะนำให้มีติดเครื่อง) ส่วนอีกช่องทางหนึ่งก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กันคือ Google Docs เนื่องจากมันฟรีและแชร์สะดวก
แต่หากใครอยากซื้อ Microsoft Office Mac แบบขายขาด คือ ซื้อครั้งเดียวใช้ได้ตลอดโดยไม่ต้องจ่ายรายเดือน สามารถหากซื้อกันได้ที่ Studio 7 และ BaNANA ที่นั่นก็มีจำหน่ายเช่นเดียวกันครับ
- Office 2016 Home and Business 8,990 บาท
- Office 2016 Home and Student 3,990 บาท
ส่วนช่องทางรองอย่าง OpenOffice และ LibreOffice แนะนำให้ทดลองใช้งานด้วยตัวเองครับ ซึ่งส่วนตัวผมใช้งานแล้วไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ (ความเห็นส่วนตัว) เพราะว่าเช่ารายปี Office 365 มันก็ไม่ได้แพงอะไรมากนัก ส่วนคนที่ใช้งานเต็มระบบคงหนีไม่พ้นลง Windows และติดตั้ง Microsoft Office ตัวเต็มไปเลยดีที่สุด