หูฟัง TOUR เป็นหูฟังมอนิเตอร์แบบ True Wirless ใช้งานแบบไร้สายรุ่นแรกของ Fender ที่ให้รายละเอียดเสียงครบ ใช้งานสะดวกด้วยระบบสัมผัสและทำงานร่วมกับแอป Fender TOUR ในการปรับแต่งย่านเสียงและฟังก์ชันการใช้งานให้เหมาะกับผู้ใช้ เราไปชมรีวิวฉบับเต็มกัน
รีวิว Fender TOUR หูฟังมอนิเตอร์ไร้สาย
อุปกรณ์ในกล่อง
อุปกรณ์ที่มาพร้อมกล่องหูฟัง Fender TOUR ได้แก่
- หูฟัง Fender TOUR 1 คู่
- เคสสำหรับชาร์จหูฟัง 1 ชิ้น
- สายชาร์จ USB-C 1 เส้น
- จุกหูฟัง 3 คู่ (3 ขนาด)
- สายสำหรับคล้องเคสชาร์จ 1 เส้น
- คู่มือการใช้งาน 2 เล่ม
หูฟังมอนิเตอร์ไร้สายแบบ In Ear
หูฟัง Fender TOUR มาพร้อมกับการออกแบบตามสรีรศาสตร์ สวมใส่ได้กระชับพอดีกับการสวมใส่ ฟังเพลงได้ชัดเจน ซึ่งออกแบบคล้ายกับหูฟังมอนิเตอร์ของ Fender แบบมีสายรุ่นก่อนหน้า ตัวหูฟังด้านนอกมีสีดำผสมกับกลิตเตอร์เล็กน้อยและมีโลโก้ตัว F ของ Fender ประทับอยู่
หูฟังมีไมโครโฟนอยู่ 2 จุดที่มาพร้อมกับคุณภาพการควบคุมเสียงรบกวนได้ดี ช่วยให้เสียงพูดชัดเจน จุดแรกอยู่ส่วนด้านนอกด้านบนตัว F ส่วนอีกจุดหนึ่งอยู่ตรงด้านล่างหูฟัง
ด้านในของหูจะเป็นสีดำล้วนมีส่วนที่ใช้ฟังจะยื่นออกมาเล็กน้อย สำหรับใส่จุกหูฟังและสวมใส่เข้าไปในรูหูแบบ In-Ear ส่วนจุดสีทอง 2 จุดจะเป็นส่วนที่ยึดกับแม่เหล็กในเคสชาร์จ
จุกหูฟังจะเป็นซิลิโคนนิ่มที่มีให้เลือก 3 ขนาด เล็ก กลาง และใหญ่ เราต้องเลือกให้พอดีกับรูหู เพื่อการสวมใส่ที่กระชับ ไม่หลุดง่าย
การสวมใส่ก็ง่าย ๆ เพียงแค่สอดส่วนของจุกหูฟังเข้าไปในหู โดยให้โลโก้ตัว F แสดงตั้งให้ถูกต้อง เห็นได้ว่าหูฟังจะแนบไปตามสรีระของหูพอดี ช่วยให้การสวมใส่รู้สึกสบายและไม่หลุดง่าย
ส่วนของเคสชาร์จหูฟังจะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มากนัก ทำหน้าที่ชาร์จหูฟังได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีแม่เหล็กยึดหูฟังเอาไว้ขณะชาร์จ การออกแบบลายของเคสนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากเคสใส่กีต้าร์ Fender ซึ่งเป็นลายและวัสดุเดียวกัน หูฟังทำโดย 3D Printing ให้ความเป็น Fender อย่างแท้จริง
หูฟัง Fender TOUR มาพร้อมกับมาตรฐานการทนน้ำระดับ IPX4 ทนต่อเหงื่อหรือการกระเซ็นของน้ำได้ สามารถนำใช้ในการออกกำลังกายได้ แต่ไม่เหมาะกับการนำไปล้างหรือตากฝน
เชื่อมต่อแบบไร้สายผ่านระบบ Bluetooth 5.0
หูฟัง Fender TOUR เป็นหูฟัง Monitor In-Ear แบบไร้สายรุ่นแรกของ Fender เราจะต้องเชื่อมต่อหูฟังกับโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านระบบ Bluetooth ซึ่งรองรับ Bluetooth 5.0 เชื่อมต่อได้เร็ว สำหรับการเชื่อมต่อก็ง่าย ๆ เลย เพียงแค่เปิดฝาเคสชาร์จ แล้วกดปุ่มตรงกลางค้างไว้ประมาณ 2-5 วินาที ให้ไฟด้านหน้าเคสชาร์จกระพริบสีเขียวสลับสีฟ้า
หูฟังด้านซ้ายจะแสดงไฟสีเขียวกระพริบ ให้เราเข้าไปยังการตั้งค่าของโทรศัพท์แล้วแตะเลือกชื่ออุปกรณ์ Fender TOUR เพื่อเชื่อมต่อ จากนั้นก็เปิดเพลงฟังและใช้งานได้ทันที
เมื่อเคยเชื่อมต่อบลูทูธครั้งแรกแล้ว การใช้งานครั้งถัดไปก็สามารถหยิบหูฟังออกมาใช้งานได้เลย โดยที่ไม่ต้องทำการเชื่อมต่อใหม่
การฟังเพลง คุณภาพเสียง และการเล่นเกม ดูหนัง ปรับ EQ เองได้
ในด้านคุณภาพเสียงของ Fender TOUR จากการทดสอบฟังเพลง พบว่าหูฟังตัวนี้ให้เสียงครบ มีการแยกรายละเอียดเสียงได้เป็นอย่างดี รับรู้ถึงเสียงหลายมิติ โทนเบสเด่นและหนักแต่ไม่กลบเสียงอื่น ๆ จนเกินไป ขับเสียงเพลงได้ไพเราะ ใสมาก ฟังเพลงสนุก ครบทุกย่านเสียง
เสียงจากหูฟังตัวนี้มีความคมชัด เสียงไม่แตก และด้วยดีไซน์ที่เป็นแบบ In-Ear จึงทำให้เสียงภายนอกเล็ดลอดเข้ามาได้น้อยมาก ๆ ไม่ค่อยได้ยินเสียงรบกวนมากนัก ส่วนการนำหูฟังไปใช้ร่วมกับการเล่นเกมหรือชมวิดีโอ ภาพยนตร์ต่าง ๆ ก็ได้อรรถรสที่ดี เนื่องจากเสียงมีมิติ และไม่พบปัญหาดีเลย์แต่อย่างใด
ทาง Fender ยังมีแอปสำหรับหูฟัง Fender TOUR โดยเฉพาะ รองรับทั้งบน iOS และ Android ให้ผู้ใช้ได้ปรับความคมชัดและความครบของเสียงได้ ด้วยการเปิด GAIN แต่ถ้าอยากจะประหยัดแบตก็ปิดฟังก์ชันนี้ไว้ได้ แต่คุณภาพเสียงก็อาจจะลดลง
และสิ่งที่น่าสนใจน่าจะอยู่ในส่วนของการปรับ EQ ได้ตามใจชอบ ภายในแอปมีให้เลือกหลายแบบเลยทีเดียว เช่น Jazz, Classical, Electronic, Rock เป็นต้น หรือจะเลื่อนไปด้านท้ายสุดเพื่อกำหนดเองก็ได้ ช่วยให้ผู้ฟังปรับย่านความถี่เสียงต่าง ๆ ได้ตามที่ต้องการหรือจะปรับให้สมดุล ซึ่งมีให้เลือกปรับถึง 7 ย่านความถี่ ฟังได้ตามสไตล์ที่เราชอบ
ใช้งานด้วยระบบสัมผัสและการควบคุมที่ปรับแต่งเองได้
หูฟัง Fender TOUR จะใช้การแตะสัมผัสหูฟังเพื่อควบคุมการเล่นเพลงหรือมีเดีย ซึ่งเป็นการควบคุมที่สะดวกมาก ๆ สามารถแตะสั่งการได้ทั้งหูฟังด้านซ้ายและด้านขวา โดยคำสั่งเหล่านี้ เราสามารถปรับแต่งเองได้
ภายในแอป Fender TOUR จะมีเมนู Setting ให้เราได้ปรับแต่งคำสั่งการแตะสัมผัสหูฟัง เริ่มตั้งแต่การแตะหูฟังครั้งเดียว, การแตะหูฟัง 2 ครั้ง และการแตะหูฟังค้างไว้ เราก็เลือกคำสั่งที่ต้องการและสอดคล้องกับการใช้งานของเรา
นอกจากนี้ หูฟังยังรองรับการสทนาสายโทรศัพท์ด้วย หากเรามีใครโทรเข้ามา เราก็สามารถแตะสองครั้งที่หูฟังข้างไหนก็ได้ เพื่อรับสายและวางสาย ส่วนการปฏิเสธสายก็ใช้วิธีการแตะหูฟังค้างไว้ที่ข้างไหนก็ได้ ส่วนของเสียงสนทนาก็ได้ยินชัดเจน ทางปลายสายก็ได้ยินเสียงชัดพอสมควร
ใช้งานได้นาน พร้อมเคสชาร์จที่สะดวก
หูฟัง Fender TOUR มาพร้อมแบตเตอรี่ในตัว สามารถใช้ฟังเพลงได้นานต่อเนื่อง 5 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าฟังได้นานพอสมควร แต่ถ้าหากช่วงไหนที่เราไม่ได้ใช้งานก็นำหูฟังเข้าไปเก็บและชาร์จต่อไหนเคส สามารถชาร์จหูฟังให้เต็มได้อีกประมาณ 3 – 4 รอบเลยทีเดียว เพิ่มระยะเวลาการใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น
เคสยังรองรับ Quick Charge นำหูฟังไปชาร์จในเคสเพียง 15 นาทีฟังต่อได้อีก 1 ชั่วโมง (ใช้เวลาชาร์จเต็มประมาณ 2 ชั่วโมง)
ส่วนเคสชาร์จนั้นจะชาร์จผ่านพอร์ต USB-C จะมีไฟด้านหน้าที่แสดงสถานะของแบตเตอรี่ ถ้าหากกำลังชาร์จ ไฟจะแสดงเป็นสีแดง และถ้าแบตเตอรี่ของเคสเต็มแล้วไฟก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว
สรุป
หูฟัง Fender TOUR เป็นหูฟังมอนิเตอร์แบบ In-Ear ที่ขับเสียงได้ไพเราะ ให้รายละเอียดเสียงครบ เสียงมีมิติ เสียงไม่ได้เรียบเป็นโทนเดียว เสียงคมชัด แต่ละย่านเสียงไม่กลบกัน ช่วยให้การฟังเพลงมีอรรถรส ฟังสนุก เหมาะกับคนที่ชอบฟังเพลงมาก ๆ
และสิ่งที่น่าสนใจของหูฟังตัวนี้ก็คือ การปรับ Equalizer (EQ) ผ่านแอป Fender TOUR ที่น่าจะเหมาะกับนักดนตรีหรือนักร้องที่ต้องการปรับย่านความถี่ของเครื่องดนตรีต่าง ๆ ตามที่ต้องการ หรือคนฟังทั่วไปอาจจะอยากปรับ EQ ให้เพลงขับเสียงออกมาตามสไตล์ที่ตนเองชอบ เพื่อการฟังที่ตรงใจมากขึ้น
นอกจากนี้ดีไซน์ที่เป็นแบบมอนิเตอร์ In-Ear ยังช่วยให้การสวมใส่สบายเข้ากับสรีระของหูและได้ยินเสียงชัดเจน เสียงรบกวนแทรกเข้ามาน้อยมาก สามารถใส่ฟังเพลงหรือดูหนังได้ทุกที่ แถมยังพกพาสะดวก จะใช้งานก็นำออกมาจากเคส พอใช้งานเสร็จก็นำกลับเข้าไปชาร์จในเคสต่อได้เลย
คุณสมบัติเพิ่มเติม
- Driver: Custom 7mm Dynamic Driver
- Code: Qualcomm aptX/SBC
- Sensitivity: 110 +-3 dB at 1kHz
- Frequency range: 20hz – 20 kHz
- Bluetooth: Bluetooth 5.0
- Effective range: 10m
- ระดับการทนน้ำ: IPX4
- ระยะเวลาการเล่น: 5 ชั่วโมง
- ระยะเวลาการชาร์จ: 2 ชั่วโมง
- ระบบ Quick Charge: ชาร์จ 15 นาที เล่นเพลงได้ 1 ชั่วโมง
ราคาและสถานที่จัดจำหน่าย
หูฟัง Fender TOUR ราคา 6,990 บาท วางจำหน่ายที่