บทความนี้จะมาทำความรู้จักและทำความเข้าใจกับแอป Find My ใน iOS 13 ที่ทาง Apple ได้รวมเอาฟีเจอร์ Find My iPhone และ Find My Friend เข้ามาควบรวมไว้ในแอปเดียวกัน พร้อมทั้งมาดูฟีเจอร์ใหม่กับ Offline Finding ว่าคืออะไรและมีประโยชน์อย่างไรบ้าง ทีมงานสรุปไว้ให้ในบทความนี้ครับ
รู้จัก Find My และฟีเจอร์ Offline Finding ค้นหา iPhone iPad Mac แม้ไม่ได้เชือมต่ออินเทอร์เน็ต
ไฮไลท์
- Find My แอปค้นหา iPhone iPad Mac และค้นหาเพื่อนได้ในแอปเดียว
- Offline Finding เพิ่มโอกาสในการค้นหาอุปกรณ์ Apple แม้ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ฟีเจอร์นี้คืออะไร
- หลักการทำงานของ Offline Finding
- การใช้งาน Offline Finding
- สรุป
1. Find My
Find My เป็นแอปใหม่ที่เกิดจากการนำแอป Find My iPhone และ Find My Friends ส่งผลให้แอปนี้สามารถค้นหาได้ทั้งอุปกรณ์ของ Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, iPod touch, Mac, AirPods พร้อมทั้งดูตำแหน่งของเพื่อน (ที่แชร์ตำแหน่งให้กัน) ได้ในแอปเดียวกัน
นอกจากการค้นหาเพื่อดูอุปกรณ์ของ Apple ว่าอยู่ ณ จุดไหนบนโลกแล้วความสามารถอื่น ๆ ก็จะเป็นการตั้งค่าล็อคเครื่องหากอุปกรณ์นั้นเกิดการสูญหาย, การลบอุปกรณ์ออกจาก Apple ID ฯลฯ หรือสรุปก็คือฟีเจอร์หลักของ Find My iPhone ที่ทราบกันอยู่แล้วนั่นเองครับ
2. Offline Finding เพิ่มโอกาสในการค้นหาอุปกรณ์ Apple แม้ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ฟีเจอร์นี้คืออะไร?
มาชมฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสสำหรับการค้นหาอุปกรณ์ของ Apple แม้ไม่ได้ต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งฟีเจอร์นี้เรียกว่า Offline Finding สรุปสั้น ๆ สำหรับโหมดนี้คือ
Offline Finding จะช่วยให้ทราบตำแหน่งของอุปกรณ์ iPhone, iPad, Mac ฯลฯ ได้แม้ว่าไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi หรือ Cellular
ทำความเข้าใจดี ๆ นะครับ โหมดนี้
Offline Finding จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่ออุปกรณ์เหล่านั้นต้องเปิดเครื่องและเปิดสัญญาณ Bluetooth เอาไว้
โดยที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตไม่ว่าจะผ่าน Wi-Fi หรือ Cellular 3G, 4G ซึ่งไม่ได้หมายความว่า “ปิดเครื่องก็หาเจอ นั่นคือเข้าใจผิดกันไปแล้ว”
3. หลักการทำงานของ Offline Finding
ขอย้อนพาดูการทำงานของ Find My iPhone กันก่อนนะ การที่จะค้นหาตำแหน่งของ iPhone (รวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ) ได้นั้นเครื่อง iPhone จะต้อง
- เปิดใช้งาน Find My iPhone (ชมวิธีการใช้งาน)
- iPhone จะต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต
จึงจะสามารถทราบพิกัดของเครื่อง iPhone นั้นได้ครับโดยการใช้แอป Find My iPhone หรือการใช้งานผ่านเว็บ icloud.com/find
ต่อมามาดูหลักการทำงานของ Offline Finding ใน iOS 13 กันบ้าง หลักการทำงานของฟีเจอร์นี้คือ
iPhone, iPad, Mac จะต้องเปิดฟีเจอร์ Offline Finding และสัญญาณ Bluetooth เอาไว้ จากนั้นอุปกรณ์นี้จะส่งสัญญาณ Bluetooth ไปยังอุปกรณ์ของ Apple ที่อยู่ใกล้เคียง (อุปกรณ์ Apple ของคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ของเรา) จากนั้นอุปกรณ์ Apple ของคนอื่น ๆ ก็จะส่งพิกัดของอุปกรณ์ Apple เอา เพื่อบอกว่าตำแหน่งนั้นอยู่ที่ไหนบนโลก และไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะรู้ว่าเครื่องเราอยู่ ณ ที่จุดไหน ตราบใดที่เขาไม่ทราบ Apple ID, Password ของเราก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ครับ
อุปกรณ์ที่จะใช้งาน Offline Finding ได้นั้นต้องติดตั้ง iOS 13, iPadOS, macOS Cataline 10.15 และ watchOS 6 ซึ่งจะเปิดปล่อยให้ใช้งานพร้อมกันในปลายเดือน ก.ย. 2019 ที่กำลังจะถึงนี้ ทั้งนี้อุปกรณ์รอบข้างก็ต้องเป็นซอฟต์แวร์ล่าสุดด้วยเช่นกัน
ทราบหลักการทำงานของ Offline Finding กันไปแล้วต่อไปมาดูเคสตัวอย่างและวิธีการใช้งานว่าทำอย่างไร
4. การใช้งาน Offline Finding
การใช้งาน Offline Finding นั่นสุดแสนจะง่ายดายครับ เพียงเข้าไปเปิดโหมดนี้ได้ที่
- การตั้งค่า (Settings) > Apple ID (แตะที่ Apple ID บนสุดของเรา)> Find My> Find My iPhone> Enable Offline Finding เลือกเป็น On
ส่วนของ Mac นั้นให้เปิด Find My Mac ใน
- System Preferences…> Apple ID > ทำเครื่องหมายถูกที่ Find My Mac
เมื่อเปิดฟีเจอร์เหล่านี้ในอุปกรณ์ Apple แล้วอย่าลืมนะว่าต้องเปิด Bluetooth เอาไว้ตลอดเวลาครับ เดี๋ยวมาดูเคสตัวอย่างสำหรับประโยชน์จาก Offline Finding กันครับ
ตัวอย่างที่ 1 : iPhone iPad
สำหรับ iPhone นั้นโอกาสการค้นหาเจอจะง่ายกว่า iPad เพราะมีการเชื่อมต่อผ่าน 3G, 4G ตลอดเวลา แต่บางคนไม่มีอินเทอร์เน็ตหรือว่าปิดอินเทอร์เน็ตไว้ หากเปิด Bluetooth เอาไว้แล้ว เมื่อเครื่องหล่นอย่างเช่นหล่นลงแท็กซี่ แล้วบังเอิญว่าคนขับใช้ iPhone ที่ติดตั้ง iOS 13
จากนั้น iPhone, iPad ของเราจะส่งสัญญาณ Bluetooth ออกมาไปยังแล้วเครื่องของคนขับก็จะรับรู้สัญญาณนั้นแล้วสามารถส่งพิกัดของ iPhone, iPad ของเราได้ ผลที่ตามมาคือเราจะทำตำแหน่งล่าสุดของอุปกรณ์ของเราได้นั่นเองครับ
ตัวอย่างที่ 2 : MacBook
หลักการจะคล้าย ๆ กับตัวอย่างแรก สำหรับเครื่อง MacBook นั้นผู้ใช้ส่วนใหญ่มักจะปิดหน้าจอลงโดยที่ไม่ได้ Shutdown เครื่อง นั่นหมายความว่าเครื่อง MacBook ยังติดอยู่ ถ้าแม้ MacBook ไม่ได้เชื่อมต่อ Wi-Fi แต่ว่าสัญญาณ Bluetooth ของ MacBook ก็จะส่งออกมาทำให้ iPhone ที่อยู่รอบ ๆ รับสัญญาณได้และส่งพิกัดบอกต่อทำให้เราทราบว่าเครื่อง MacBook ของเรานั้นอยู่ ณ จุดไหน
จากภาพด้านบนที่ผมทดสอบคือ MacBook พับไว้ในกระเป๋า (ปิดตัวรับสัญญาณ Wi-Fi แล้ว) ขณะผมเดินอยู่ที่สนามบินดอนเมือง จากนั้น MacBook จะส่งสัญญาณออกมายัง iPhone XS Max ที่ผมใช้งานอยู่และอัปเดตตำแหน่งล่าสุดนั่นให้ผมทราบ และตำแหน่งนั้นก็อัปเดตให้ทราบเป็นระยะ ๆ หากมีการเคลื่อนไหว
5. สรุป
Find My รวมเอาแอป Find My iPhone และ Find My Friend เข้ามาอยู่ในแอปเดียวกัน ทำให้ค้นหาได้ทั้งเครื่องและเพื่อน
ฟีเจอร์ Offline Finding ช่วยเพิ่มโอกาสการติดตามอุปกรณ์ โดยอุปกรณ์ Apple หากแม้ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่เปิด Bluetooth เอาไว้ก็จะส่งสัญญาณไปยังเครื่อง Apple ของคนอื่น ๆ ในบริเวณรอบ ๆ และเครื่องอื่น ๆ ก็จะส่งสัญญาณแจ้งพิกัดต่อ ผลที่ตามมาคือเราจะทำพิกัดของอุปกรณ์เราได้
ในส่วนเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวนั้น Apple ได้บอกว่าปลอดภัยและไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวอย่างแน่นอน และอย่าลืมนะครับว่า
จะใช้งาน Offline Finding ได้ เครื่องต้องเปิดใช้งานเพียงแต่ไม่ได้ต่อเน็ต แต่ต้องเปิด Bluetooth เอาไว้ด้วย
หวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยให้เข้าใจฟีเจอร์ Find My และ Offline Finding มากยิ่งขึ้นนะครับ ส่วนการเปิดให้ใช้งานนั้นคาดว่าปลายเดือน ก.ย. 2019 ทาง Apple จึงจะปล่อยอัปเดตออกมาให้ทุกคนครับ