Zakura Kim
Apple ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ในแอปสุขภาพ (Health) ใน iOS 16 ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้มากขึ้น และหนึ่งในฟีเจอร์สุขภาพที่น่าสนใจก็คือ การติดตามการให้ยา (Medication) เรามาชม Hands-on การใช้งานกัน
ชมการใช้งานติดตามการให้ยา (Medication) ใน iOS 16 (Beta Developer)
ฟีเจอร์ติดตามการให้ยา (Medication) ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างและจัดการรายการยา วิตามิน หรืออาหารเสริมที่ต้องทานอยู่เป็นประจำได้ ว่าต้องทานปริมาณเท่าไหร่ เวลาไหนบ้าง รวมถึงกำหนดการเตือนความจำการทานยาในแต่ละวันได้ เพื่อที่จะลืมทานตามกำหนด สามารถใช้งานได้ทั้ง iPhone และ Apple Watch
นอกจากนี้การใช้งานในประเทศสหรัฐอเมริกา ยังสามารถใช้กล้อง iPhone ถ่ายฉลากยา เพื่อเพิ่มรายการยาในแอปได้ด้วย รวมถึงอ่านข้อมูลการให้ยาที่ต้องทาน และเมื่อพบว่ายาอันตรายหรือมีปฏิกิริยารุนแรงก็จะมีข้อมูลแจ้งเตือนให้ทราบก่อนที่จะตัดสินใจทานยาเหล่านั้น เรามาชม Hands-on การใช้งานเบื้องต้นกันว่ามีวิธีการจัดการอย่างไรบ้าง
การใช้งานฟีเจอร์ติดตามการให้ยา เราจะใช้งานในแอปสุขภาพ > ไปยังแถบ เลือกหา (Browse) แล้วเลือกเมนู การให้ยา (Medications) > จากนั้นก็เลือกเพิ่มยาได้เลย โดยสามารถค้นหา หรือแตะไอคอนกล้อง เพื่อสแกนฉลากยาได้ (การสแกนยาเปิดใช้สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้นในตอนนี้)
ถ้าหากค้นหาแล้วไม่พบรายการยาที่ตรงกัน แอปสุขภาพจะเสนอรายการยาที่เป็นไปได้มาให้เลือก ผู้ใช้ก็สามารถค้นหาเพิ่มเติม หรือถ้าหากพบแล้วก็เลือกเพิ่มยาได้เลย
เมื่อพิ่มยา วิตามิน หรืออาหารเสริมแล้ว ผู้ใช้สามารถตั้งเตือนความจำสำหรับเวลาที่ต้องทานยาหรือใช้ยาได้ รวมถงกำหนดลักษณะของเม็ดยา สีของยาได้อีกด้วย เพื่อสร้างการจดจำว่าเป็นยาอะไร
จากนั้นก็กำหนดชื่อยา โน้ตเกี่ยวกับยา รวมถึงแอปจะแสดงรายการความเสี่ยงที่จะมีผลกับยาด้วย เช่น แอลกอฮอล์ กัญชา หรือยาสูบ
เมื่อบันทึกรายการยาแล้ว ผู้ใช้ก็จะเห็นแผนการทายา เมื่อถึงเวลาทานยาก็สามารถแตะ ทานยา เพื่อบันทึกว่าได้ทานยาแล้ว หรือหากไม่ได้ทานก็แตะข้าม
เห็นได้ว่าฟีเจอร์ติดตามการให้ยา (Medication) นี้เป็นประโยชน์มาก ๆ สำหรับผู้ที่ต้องทานยา วิตามิน หรืออาหารเสริมเป็นประจำ เพราะจะช่วยให้เราเห็นตารางเวลาการทานยา และยังช่วยเตือนยาที่เป็นอันตรายหรือยาที่มีผลต่อสารอื่น ๆ ได้อีกด้วย
และการ Hands-on การใช้งานฟีเจอร์ติดตามการให้ยานี้ เป็นการทดสอบใช้งานใน iOS 16 เวอร์ชัน Beta สำหรับนักพัฒนาเท่านั้น ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ในอนาคต อย่างไรก็ตามผู้ใช้ทั่วไปควรรออัปเดตเวอร์ชันทางการในช่วงปลายปีนี้
ที่มา 9to5mac
