สำหรับผู้ใช้ที่พบปัญหาชาร์จ Apple Watch แต่ไม่เข้า ซึ่งสาเหตุอาจจะเกิดจากอุปกรณ์ชาร์จเสียหายหรือหน้าจอ Apple Watch ไม่ตอบสนอง ทีมงานมี 5 ขั้นตอน แก้ปัญหา Apple Watch ไม่ชาร์จหรือชาร์จไม่เข้า มาแนะนำให้ชมกันค่ะ
5 ขั้นตอน แก้ปัญหา Apple Watch ไม่ชาร์จหรือชาร์จไม่เข้า
1. ตรวจสอบอุณหภูมิ Apple Watch
อันดับแรกให้เราตรวจสอบอุณหภูมิตัวเครื่อง Apple Watch ก่อนว่าร้อนหรือเย็นเกินไป ซึ่งอุณภูมิที่ Apple Watch ทำงานได้ดีที่สุดคคือ 0° ถึง 35° C และควรจัดเก็บ Apple Watch ในอุณหภูมิแวดล้อมระหว่าง -20° ถึง 45° C
ถ้าหากเครื่องร้อน แนะนำว่าให้ปล่อยเครื่องไว้ให้เครื่องเย็นลง ถ้าหากเครื่องเย็นเกินไปก็ปล่อยให้เครื่องอุ่นลงก่อน แล้วค่อยนำกลับมาชาร์จ
2. ตรวจสอบความสะอาดของส่วนการชาร์จ
พลิกด้านหลังตัวเรือน Apple Watch มาดูว่ามีสิ่งสกปรกติดอยู่หรือไม่ ถ้าหากเราสวมใส่ Apple Watch เป็นเวลานาน โดยที่ไม่ได้ทำความสะอาด ฝาหลัง Apple Watch อาจจะมีเหงื่อไคลหรือสิ่งสกปรกติดอยู่ แนะนำให้นำผ้าสะอาดชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดให้เรียบร้อย
รวมถึแท่นแม่เหล็กสำหรับการชาร์จก็ต้องสะอาดด้วยเช่นกัน ถ้าหากแท่นชาร์จสกปรก ก็ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย
3. ลองชาร์จ Apple Watch 30 นาที
ให้ลองวาง Apple Watch บนแท่นชาร์จอย่างน้อย 30 นาที โดยก่อนชาร์จตรวจสอบอะแดปเตอร์ที่ใช้ก่อนว่าสามารถทำงานได้ปกติ ไม่มีความเสียหาย
ถ้าหากแบตเตอรี่ Apple Watch หมดหรืเหลือน้อยมาก เมื่อเราชาร์จ Apple Watch บนหน้าจอจะแสดงสัญลักษณ์รูปสายฟ้าสีแดง และจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเมื่อระดับแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นในขณะที่ชาร์จ
4. เปลี่ยนสายชาร์จอื่น มาลองชาร์จใหม่
หากลองชาร์จแล้ว ยังชาร์จ Apple Watch ไม่เข้า อาจจะเกิดจากสายชาร์จพร้อมแท่นชาร์จที่ใช้อยู่นั้นได้รับความเสียหาย แนะนำให้ลองใช้สายชาร์จ Apple Watch ใหม่มาใช้งาน โดยสายชาร์จจะต้องเป็นสายชาร์จแท้ของ Apple
5. บังคับรีสตาร์ต Apple Watch
บางครั้งปัญหาอาจจะเกิดจากข้อผิดพลาดของซอฟต์แวร์ เราสามารถบังคับรีสตาร์ตเครื่อง (Hard Reset) โดยกดปุ่มด้านข้างและปุ่ม Digital Crown พร้อมกัน ค้างไว้อย่างน้อย 10 วินาที เมื่อเห็นโลโก้ Apple แสดงบนหน้าจอ Apple Watch ก็ให้ปล่อยมือออกจากปุ่มทั้งสอง
หลังจากที่เราลองทำตามทุกขั้นตอนแล้ว Apple Watch ยังไม่สามารถชาร์จได้หรือไม่มีการตอบสนองการบังคับรีสตาร์ต แนะนำให้เราติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Apple ผ่านแอป Apple Support หรืออาจจะนำเครื่องไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่ Apple Store หรือผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจาก Apple อย่าง iCare เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้แน่ใจว่าปัญหาเกิดจากตัวเครื่องของเราหรือไม่
ที่มา 9to5mac