สำหรับใครที่ใช้งาน Apple Watch แล้วพบปัญหาเครื่องกระตุก ช้า หรือรู้สึกหน่วง ๆ ทีมงานมีทริคการตั้งค่า Apple Watch ที่อาจจะช่วยให้เครื่องใช้งานได้เร็วและไหลลื่นมากขึ้นมาแนะนำให้ชมกันค่ะ
รวม 12 ทริค ตั้งค่า Apple Watch ที่หน่วง ช้า ให้เร็วขึ้น ไหลลื่นมากขึ้น อัปเดตปี 2022
1. ลองรีสตาร์ตเครื่องก่อน
เวลาที่สมาร์ตโฟนของเรากระตุกหรือช้า การรีสตาร์ตเครื่องจะช่วยแก้ปัญหาได้ เนื่องจากการรีสตาร์ตจะช่วยรีเซ็ตแคชและ RAM ซึ่ง Apple Watch ก็เช่นกัน ถ้าหากเราพบว่าเครื่องหน่วง ช้า ใช้งานไม่ปกติ ให้ลองทำการรีสตาร์ตเครื่องก่อนเป็นอันดับแรก
กดปุ่มด้านข้างค้างไว้ > แตะไอคอนปิดเครื่อง > เลื่อนปิดเครื่องไปทางขวา
หลังจากนั้นก็กดปุ่มด้านข้างค้างไว้เพื่อเปิดเครื่องใหม่ และลองใช้งาน พร้อมสังเกตดูว่า Apple Watch ทำงานได้ดีขึ้นหรือไม่ ยังคงมีอาการเครื่องหน่วงหรือช้าอยู่หรือไม่
2. ไม่ควรเปิดแอปใน Dock มาเกินไป
Apple Watch รุ่นใหม่ ๆ อาจจะมีการจัดการหน่วยความจำที่ดีขึ้น แต่สำหรับอุปกรณ์เก่า ๆ อาจจะจัดการได้ไม่ดีมากนัก ดังนั้นแอปที่เราไม่ค่อยได้ใช้งาน ก็ไม่จำเป็นจะต้องเปิดไว้ใน Dock ตลอดเวลา เพื่อลดการทำงานเบื้องหลังของแอป เราสามารถลบออกได้
กดปุ่มด้านข้างค้าง 1 ครั้ง > ปัดแอปที่ไม่ค่อยได้ใช้งานไปทางซ้าย > แตะไอคอน กากบาท (x)
3. เปิด Reduce Motion
เราคงจะคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวบนหน้าจอ Apple Watch ที่ดูไหลลื่น แต่ถ้าหากเราใช้งานแล้วรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวกระตุก ก็สามารถเปิดใช้งานลดการเคลื่อนไหวได้ดังนี้
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > การช่วยการเข้าถึง (การช่วยการเข้าถึง) > ลดการเคลื่อนไหว (Reduce Motion) > เปิด ลดการเคลื่อนไหว (Reduce Motion)
4. ปิดการติดตั้งแอปอัตโนมัติ
หลายแอปที่เราติดตั้งบน iPhone สามารถใช้งานร่วมกับ Apple Watch ได้ หากเราเปิดการติดตั้งแอปอัตโนมัติไว้ เมื่อเราดาวน์โหลดแอปบน iPhone แอปก็จะถูกติดตั้งบน Apple Watch ด้วย ซึ่งบางแอปเราไม่จำเป็นหรือไม่ได้ใช้งานบน Apple Watch
ดังนั้นแนะนำให้ปิดการติดตั้งแอปอัตโนมัติ เพื่อเลือกติดตั้งบางแอปบน Apple Watch เอง ช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลและลดการใช้ทรัพยากรบน Apple Watch ลดอาการเครื่องหน่วงหรือช้าได้
ไปที่แอป Watch > ทั่วไป (General) > ปิด ติดตั้งแอปอัตโนมัติ (Automatic App Install)
5. ลบแอปที่ไม่ได้ใช้ออกบ้าง
แนะนำให้ตรวจสอบดูว่ามีแอปไหนที่เคยถูกติดตั้งบน Apple Watch ไว้เป็นเวลานาน แต่เราไม่ได้ใช้งานเลย ก็ควรจะลบแอปเหล่านั้นออก เพื่อเพิ่มพื้นที่ในเครื่องและสามารถใช้งานแอปเท่าที่จำเป็นได้สะดวกมากขึ้น แอปไม่รกหน้าจอโฮมเยอะเกินไป
แตะค้างบนหน้าโฮม > แตะแก้ไขแอป > กากบาทแอปที่ไม่ได้ใช้งาน เพื่อถอนการติดตั้ง
6. ปิด Background App Refresh
บางแอปมีการทำงานเบื้องหลังอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้เปิดแอปนั้นขึ้นมาใช้งาน เพื่อรีเฟรชข้อมูลให้ใหม่อยู่เสมอ ซึ่งก็เป็นข้อดี แต่เนื่องจากการรีเฟรช ดึงข้อมูล และอัปเดตใหม่เป็นประจำ จึงส่งผลต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ และทำให้ Apple Watch เราทำงานหน่วง เราก็สามารถตั้งค่าปิดได้
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > ดึงข้อมูลแอปอยู่เบื้องหลัง (Backgroup App Refresh) > แตะปิด ดึงข้อมูลแอปอยู่เบื้องหลัง (Backgroup App Refresh)
7. ปิดการซิงค์รูปภาพอัตโนมัติ
iPhone มีการเชื่อมต่อรูปภาพไปยังแอปรูปภาพบน Apple Watch อัตโนมัติ แต่การซิงค์นั้นก็ต้องใช้พื้นที่บน Apple Watch ค่อนข้างมาก ซึ่งอาจเป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ Apple Watch ช้า ดังนั้นถ้าหากเราไม่จำเป็นจะต้องดูหรือใช้รูปภาพบน Apple Watch ก็สามารถปิดใช้งานคุณสมบัตินี้ได้
บน iPhone ไปที่แอป Watch > Apple Watch ของฉัน > รูปภาพ เลื่อนปิด การเชื่อมข้อมูลรูปภาพ
8. ลบเพลย์ลิสต์ Apple Music
การซิงค์เพลย์ลิสต์เพลง Apple Music ก็คล้าย ๆ กับการซิงค์รูปภาพ ที่ใช้พื้นที่บน Apple Watch ในการจัดเก็บข้อมูลเช่นกัน ดังนั้น ถ้าหากเราไม่ได้ฟังเพลงบน Apple Watch ก็แนะนำให้ตั้งค่าปิดการซิงค์ได้ หรือจะเลือกซิงค์เฉพาะเพลย์ลิสต์ที่เราต้องการฟังจริง ๆ
บน iPhone ไปที่แอป Watch > Apple Watch ของฉัน > เพลง เลื่อนปิด เพลงล่าสุด
9. เคลียร์ข้อมูลเว็บไซต์
ถึงแม้ว่า Apple Watch จะไม่มีแอป Safari สำหรับการท่องเว็บ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้รับลิงก์เว็บไซต์ผ่านแอปข้อความหรืออีเมล และเปิดดูบน Apple Watch เครื่องก็จะเก็บข้อมูลเว็บไซต์ไว้ด้วย แนะนำให้เคลียร์ข้อมูลการเข้าเว็บไซต์ให้เรียบร้อย เพื่อคืนพื้นที่บางส่วนกลับมา อาจจะช่วยให้เครื่องทำงานได้เร็วขึ้น
ไปที่ การตั้งค่า (Setting) > ทั่วไป (General) > ข้อมูลเว็บไซต์ (Website Data) > แตะ ล้างข้อมูลเว็บไซต์ (Clear Website Data)
10. ปิดการตรวจจับการล้างมือ
ฟีเจอร์การล้างมือ (Hand Washing) มาพร้อมกับ watchOS 7 ที่อยู่ในช่วงของการระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ประโยชน์มาก ๆ แต่ฟีเจอร์นี้ก็ใช้ทรัพยากรในเครื่อนค่อนข้างมาก เนื่องจากจะต้องรอตรวจจับการเคลื่อนไหวและเสียง ดังนั้นถ้าหากใครที่ไม่ได้ใช้งานฟีเจอร์นี้ ก็สามารถตั้งค่าปิดได้ดังนี้
ไปที่ การตั้งค่า (Setting) > การล้างมือ (Handwashing) > ปิด นับเวลาถอยหลังขณะล้างมือ (Handwashing Timer )
11. อัปเดต watchOS ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ
watchOS เวอร์ชันใหม่มักจะมาพร้อมกับการแก้ไขข้อผิดพลาดและอัปเดตด้านความปลอดภัย ดังนั้นหากมี watchOS เวอร์ชันใหม่ปล่อยมาให้อัปเดต แนะนำให้เราอัปเดตให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ เพื่อให้การใช้งานเสถียรและมีความปลอดภัย รวมถึงอาจจะแก้ปัญหาเครื่องช้าหรือกระตุกได้ด้วย
ไปที่ การตั้งค่า (Setting) > ทั่วไป (General) > รายการอัปเดตซอฟต์แวร์ (Software Upate) > เช็คดูว่า watchOS เป็นเวอร์ชันล่าสุดแล้วหรือยัง ถ้ายังให้ทำการอัปเดตให้เรียบร้อย
12. บังคับรีสตาร์ต Apple Watch
ขั้นตอนการแก้ไขปัญหาขั้นสุดท้ายที่เราสามารถทำได้ก็คือ การรีเซ็ตอุปกรณ์โดยใช้วิธีบังคับรีสตาร์ตหรือ Hard Reset วิธีนี้จะทำเมื่อ Apple Watch ของเราค้างหรือพบปัญหาทางเทคนิคอยู่บ่อย ๆ ซึ่งจะไม่ลบข้อมูลหรือการตั้งค่าใด ๆ บน Apple Watch
ทำได้โดยกดปุ่ม Digital Crown พร้อมกับปุ่มด้านข้าง ค้างไว้ จนกว่าหน้าจอจะดับและแสดงโลโก้ Apple จากนั้นก็รอให้ Apple Watch เปิดเครื่อง
ทั้งหมดนี้ก็เป็นทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะช่วยให้ Apple Watch ที่หน่วง ช้า กระตุก กลับมาใช้งานได้ไหลลื่นมากขึ้น แต่สำหรับใครที่ลองทำแล้ว พบว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้นได้ แนะนำว่าให้ลองติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Apple เพื่อขอคำแนะนำและหาทางออกที่ดีที่สุดนะคะ
ที่มา igeeksblog