ทีมงานมีวิธีตั้งค่า Apple Watch ที่อัปเดตเป็น watchOS 6 ให้ประหยัดแบตเตอรี่และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับคนที่กำลังพบปัญหาการทำงานผิดปกติและแบตเตอรี่หมดไวหลังอัปเดต
รีเซ็ตแบบลบเนื้อหาและการตั้งค่าทั้งหมด (Erase All Content and Settings) ก่อน
ใครที่อัปเดตเป็น watchOS 6 แล้วพบปัญหาว่าแบตเตอรี่หมดไวผิดปกติ เครื่องหน่วง เครื่องช้า หรือมีการแสดงผลที่ไม่ปกติ แนะนำให้ทำการลบเนื้อหาและการตั้งค่าทั้งหมด (Erase All Content and Settings) ก่อน
ใน watchOS 6 ได้มีการปรับย้ายเมนูการตั้งค่าใหม่มากมาย ทีมงานจึงได้มาอัปเดตวิธีการตั้งค่าเพื่อให้ Appel Watch ประหยัดแบตเตอรี่มาฝากกันค่ะ
วิธีตั้งค่าให้ Apple Watch ที่อัปเดตเป็น watchOS 6 ให้ประหยัดแบตเตอรี่
1. ปิดการปลุกหน้าจอ
การปลุกหน้าจอ คือการแสดงผลหน้าจอเมื่อเรายกข้อมือขึ้นมาดู หากเรายกขึ้นบ่อยๆ โดยที่ไม่ได้ตั้งใจก็ทำให้เปลืองแบตเตอรี่ได้ ให้เราตั้งค่าปิดการการแสดงหน้าจอเมื่อยกข้อมือขึ้น และหันมาใช้วิธีกดหรือหมุนปุ่ม Digital Crown แทน
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > ปลุกหน้าจอ (Wake Screen) > แตะปิด ปลุกหน้าจอเมื่อยกข้อมือขึ้น (Wake Screen on Wrist Raise)
2. ลดเวลาแสดงหน้าจอ
ปรับลดเวลาการแสดงหน้าจอหลังจากที่แตะหน้าจอ โดยกำหนดให้ระยะเวลาการแสดงผลสั้นลงเวลาที่ใช้งานปกติทั่วไปหรือเวลาที่ไม่ได้ใช้งานหน้าจอนานๆ เช่น เวลาที่ทำงาน เวลาที่ไม่ได้ออกกำลังกาย
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > ปลุกหน้าจอ (Wake Screen) > ปลุกหน้าจอ 15 วินาที
3. ปรับความสว่างหน้าจอให้ต่ำลง
การปรับหน้าจอให้มืดลงก็ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ ถึงแม้จะปรับความสว่างต่ำสุด เราก็ยังสามารถใช้งานได้ปกติ สีก็ยังคงคมชัดเหมือนเดิม และช่วยลดการสะท้อนดวงตาเวลาอยู่ในที่มืดด้วย
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > จอภาพและความสว่าง (Display & Brightness) > ปรับความสว่างต่ำสุด (สามารถปรับความสว่างโดยหมุนปุ่ม Digital Crown ด้านข้างได้)
4. เปิดโหมด Theater
สำหรับบางคนอาจจะไม่สะดวกที่จะปิดหน้าการปลุกหน้าจอตลอดทั้งวัน แนะนำว่าให้เปิดโหมด Theater เพื่อปิดการปลุกหน้าจอเฉพาะเวลาที่เราต้องการเท่านั้น เช่น ตอนที่เราดูหนัง ประชุมงาน ทำงาน เป็นต้น โหมด Theater จะช่วยปิดการปลุกหน้าจอ รวมถึงเสียงการแจ้งเตือนต่างๆ อีกด้วย
ปัดหน้าจอ Apple Watch ขึ้น เพื่อเปิด Control Center > แตะไอคอน Theater Mode หากเปิดแล้วไอคอนจะกลายเป็นสีส้ม
5. ปิด Background App Refresh
เหมือนกับการปิด Background App Refresh บน iPhone ที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรและแบตเตอรี่ได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว แนะนำให้เลือกเฉพาะแอปที่ไม่จำเป็นต้องการอัปเดตการแจ้งเตือนแบบ Real Time หรือจะปิดทั้งหมดก็ได้ ใน watchOS 6 เราสามารถตั้งค่าได้บน Apple Watch เลย
ไปที่การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > ดึงข้อมูลใหม่ให้แอปอยู่เบื้องหลัง (Background App Refresh) > ปิด
ถ้าหากต้องการปิดเฉพาะแอปที่ไม่ค่อยได้ใช้งานหรือไม่ต้องการรับการแจ้งเตือนตลอด ก็เลื่อนลงมาด้านล่างและเลือกปิดทีละแอปได้เลย
6. เปิดลดการเคลื่อนไหว
ลดการเคลื่อนไหว (Reduce Motion) จะช่วยลดเอฟเฟ็กต์และลูกเล่นต่างๆ ที่เคลื่อนไหวบนหน้าจอได้ ก็ช่วยประหยัดพลังงานได้เช่นกัน
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > การช่วยการเข้าถึง (Accessibility) > ลดการเคลื่อนไหว (Reduce Motion) > เปิด ลดการเคลื่อนไหว (Reduce Motion)
7. เปิดระดับสีเทา
ด้วยหน้าจอของ Apple Watch เป็นหน้าจอ OLED การเปิดระดับสีเทา (Greyscale) บนหน้าจอ Apple Watch จะช่วยให้ประหยัดพลังงานได้ เนื่องจากหน้าจอจะปรับจุดที่มีสีเข้มให้เป็นโทนสีดำ จึงทำให้การจ่ายไฟบนหน้าจอทั้งหมดน้อยลง
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > การช่วยการเข้าถึง (Accessibility) > เปิด ระดับสีเทา (Grayscale)
การปรับให้หน้าจอเป็นสีเทา อาจจะเหมาะในเวลาที่แบตเตอรี่ใกล้หมด และเราอยากจะยืดระยะเวลาใช้งานให้ได้ยาวนานที่สุดก็สามารถเปิดใช้งานได้ แต่ถ้าใช้งานปกติทั่วไปก็ปิดไว้ และใช้หน้าจอที่ยังคงมีสีสันอยู่
8. เลิกติดตั้งแอปที่ไม่ได้ใช้
สำหรับแอปที่ดาวน์โหลดมาบน iPhone แต่เราไม่ได้ใช้บน Apple Watch เราก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งบน Apple Watch นอกจากจะเก็บไฟล์แคชต่างๆ แล้ว การแจ้งเตือนจากแอปที่ไม่ได้ใช้ยังทำให้เปลืองแบตอีกด้วย
ไปที่แอป Watch บน iPhone > เลื่อนลงมาด้านล่างในส่วนติดตั้งอยู่บน Apple Watch > เลือกถอนการติดตั้งแอปที่ไม่ได้ใช้บน Apple Watch
9. เปิดการแจ้งเตือนแอปที่จำเป็น
บางแอปที่เราไม่ต้องการรับการแจ้งเตือน เราก็สามารถตั้งค่าปิดการแจ้งเตือนได้
ไปที่แอป Watch บน iPhone > การแจ้งเตือน (Notifications) > ปิดการแจ้งเตือนแอปที่ไม่ต้องการให้แจ้งเตือน
10. เปิดโหมดประหยัดพลังงาน
เวลาที่เราไม่ได้ออกกำลังกายหรือใช้ชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องการให้มีการวัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอดเวลา ก็สามารถปิดได้ แต่ถ้าใครต้องการติดตามการเต้นของหัวใจช้าหรือเร็วก็ไม่ต้องปิดนะคะ แนะนำปิดแค่ตอนที่เราคิดว่าไม่ได้ใช้เท่านั้น
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > การออกกำลังกาย (Workout) > เปิด โหมดประหยัดพลังงาน (Power Save Mode)
11. ปิด Handoff
หากเราไม่ได้เชื่อมต่อ iCloud หรืออยู่ใกล้อุปกรณ์ของ Apple อย่าง Mac หรือไม่ได้ใช้อุปกรณ์ Apple หลายชิ้น ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดใช้ฟีเจอร์นี้
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > Handoff > ปิด Handoff
12. ปิดการเรียก Hey Siri
หากเราเปิด หวัดดี Siri และยกขึ้นเพื่อพูดไว้ อุปกรณ์จะต้องรอตอบสนองการทำงานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็ทำให้ใช้พลังงานแบตเตอรี่เยอะอยู่พอสมควร ถ้าเราไม่จำเป็นต้องเรียก Siri ด้วยเสียงก็สามารถปิดไว้ และเปิดการใช้งานเรียก Siri ด้วยการกดปุ่ม Digital Crown ค้างไว้แทน
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > Siri > ปิดหวัดดี Siri (Hey Siri) และปิด ยกขึ้นเพื่อพูด (Raise to Speak)
13. ปิดการตรวจพบอุปกรณ์ยิม
สำหรับใครที่ไม่ได้ออกกำลังกายร่วมกับอุปกรณ์ที่รองรับ GymKit ก็สามารถปิดการตรวจพบอุปกรณ์ยิมได้ เพื่อให้ Apple Watch ไม่ต้องใช้พลังงานในการตรวจหาอุปกรณ์
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > การออกกำลังกาย (Workout) > ปิด ตรวจพบอุปกรณ์ยิม
14. ใช้หน้าปัดสีดำ
การใช้หน้าปัดที่มีภาพเคลื่อนไหวหรือจำนวนการแสดงของสีเยอะๆ ก็ทำให้เปลืองแบตเตอรี่ได้ แนะนำว่าหากต้องการประหยัดแบต ก็สามารถปรับใช้พื้นหลังหน้าปัดให้เป็นโทรสีดำหรือมีส่วนการแสดงสีอื่นน้อยๆ เนื่องจากหน้าจอ OLED จะไม่แสดงไฟตรงจุดการแสดงผลที่เป็นสีดำ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีที่จะช่วยประหยัดแบตการใช้งาน Apple Watch ใน watchOS 6 ใครที่อัปเดตแล้วรู้สึกว่าแบตเตอรี่หมดไวหรือแบตไหล ก็อย่าลืมรีเซ็ตโดยการลบเนื้อหาและการตั้งค่าทั้งหมด (Erase All Content and Settings) และปรับตั้งค่าดูนะคะ ไม่จำเป็นต้องทำตามทุกข้อ แต่เลือกตั้งค่าให้เหมาะสมกับการใช้งาน