in ,

10 สิ่งที่อาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดูแลรักษา iPhone

รวมสิ่งที่หลายคนอาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดูแลรักษา iPhone และสมาร์ตโฟน ยิ่งเข้าช่วงหน้าร้อนแบบนี้ก็ควรจะใส่ใจดูแล iPhone ของเราเป็นพิเศษ มาทำความเข้าใจใหม่จะได้ใช้งาน iPhone ได้อย่างสบายใจและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกวิธี

10 สิ่งที่อาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดูแลรักษา iPhone

1.ให้ชาร์จแบตตอนแบตใกล้หมด

สิ่งที่เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะยิ่งชาร์จตอนแบตเหลือน้อยหรือชาร์จตอนที่แบตเตอรี่หมด จะเป็นการเร่งรอบการชาร์จ และเมื่อเราทำแบบนี้บ่อย ๆ จะส่งผลต่ออายุการใช้งานและสุขภาพของบแตเตอรี่ อาจทำให้แบตเสื่อมไว

Cr : iPhone Life

คำแนะนำคือ เมื่อแบตเตอรี่เหลือต่ำกว่า 20-30% ก็ควรจะชาร์จแบตได้แล้ว ไม่ควรใช้งานจนแบตเตอหรี่หมดเกลี้ยง

2. ชาร์จแบตข้ามคืน ทำให้อายุแบตเตอรี่สั้นลง

Cr :PCMag

เรื่องนี้ไมหลายคนอาจเข้าใจผิด ใน iPhone มีโหมดการชาร์จถนอมแบตเตอรี่ แนะนำให้เปิดใช้งานเอาไว้ตลอด เมื่อเราเสียบชาร์จตอนกลางคืน และ iPhone ของเราชาร์จไฟจนถึง 80% แล้ว ระบบจะเริ่มชาร์จช้าลง รับประจุไฟช้าลงเพื่อชะลอการชาร์จ ไม่ให้อัดประจุไฟเข้าไปจนล้น และในตอนเช้า ๆ หรือในตอนที่เราใกล้ตื่น จะมีการไปเร่งการชาร์จให้เต็ม 100% เพื่อพร้อมให้เราใช้งาน

Cr :PhoneArena

แนะนำให้เปิดการชาร์จถนอมแบตเตอรี่เอาไว้ตลอด และเสียบชาร์จ iPhone ข้ามคืนได้ หากใช้อุปกรณ์เสริมที่ได้รับมาตรฐานร่วมด้วย เช่น สายชาร์จและอะแดปเตอร์ของแท้ ก็จะไม่ส่งผลต่ออายุแบตเตอรี่ในระยะยาว

3. ถ้าโทรศัพท์หรือ iPhone ตกน้ำ ให้ใส่ไว้ถังข้าวสาร จะช่วยดูดความชื้น

Cr :Thaimobilecenter

ในข้อนี้อาจไม่จริงเสมอไป ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยืนยันว่า ข้าวสารไม่ได้ช่วยดูดความชื้นออกมา ถึงมันจะมีคุณสมบัติในการดูดน้ำจริง ๆ ก็ดูดออกมาได้ไม่หมด เพราะหากน้ำหรือของเหลวเข้าไปอยู่ติมชิ้นส่วนต่าง ๆ ในเครื่องแล้ว ก็จะมีการทิ้งคราบน้องและร่องรอยของน้ำอยู่ ทางที่ดีคือการแกะเครื่องออกมา แล้วเป่าลมให้ชิ้นส่วนทุกชิ้นแห้งสนิท แต่สิ่งนี้ควรให้ผู้เชี่ยวชาญหรือช่างเป็นคนทำ

Cr :IT Fox Solutions

การที่เรานำ iPhone ไปใส่ไว้ในถังข้าวสาร มีโอกาสที่ฝุ่นผงขนาดเล็กที่อยู่ในถังเข้าสาร เอาจข้าไปติดภายในเครื่องอีกด้วย

Cr :Fortune Town

คำแนะนำจาก Apple หาก iPhone ของเราตกน้ำ หรือสัมผัสกับของเหลว : เคาะเบา ๆ กับมือ โดยให้ช่อง Lightning คว่ำลงเพื่อกำจัดของเหลวส่วนเกิน เมื่อแน่ใจว่าไม่มีของเหลวออกมาจากช่อง Lightning แล้ว ให้วางเครื่องในที่แห้งและมีอากาศถ่ายเทเพียงพอ อาจใช้พัดลมเป่าลมเย็นเข้าที่ช่อง Lightning โดยตรงก็ช่วยได้เช่นกัน

Cr :AppleInsider

ด้านคำแนะนำจาก iFixit บอกว่า วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดเมื่อทำมือถือเปียกน้ำก็คือ ให้รีบปิดเครื่อง แล้วแกะเครื่อง ถอดแบตเตอรี่ เพื่อเช็ดภายในเครื่องให้แห้งให้เร็วที่สุด แต่สำหรับผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญก็ไม่ควรแกะเครื่องเอง ควรให้ช่างที่ชำนาญการเป็นคนทำ และหากเครื่องของเรายังอยู่ในช่วงรับประกัน ก็ควรรีบนำไปส่งศูนย์ซ่อมทันที

4. การปิดแอปที่ไม่ใช้ ช่วยประหยัดพลังงาน

เรื่องนี้เชื่อว่าหลายคนกำลังเข้าใจผิดอยู่ เพราะ Apple ได้ระบุไว้ในเอกสารสนับสนุนว่า แอปไหนที่เราใช้งานบ่อย ๆ ไม่จำเป็นต้องปิดทิ้ง ให้เปิดค้างไว้ได้เลย เพราะระหว่างที่เราใช้งานแอปอื่น แอปที่อยู่เบื้องหลังจะเข้าสู่สถานะกินพลังงานต่ำและใช้ทรัพยากรน้อย

การที่เราไปปิดแอปและเปิดใหม่ทุกครั้งที่ใช้งาน เป็นการลบการทำงานของแอปนั้น ๆ ออกจากหน่วยความจำ พอเปิดแอปใหม่อีกครั้งจะเกิดการโหลดโค้ดแอปจากที่จัดเก็บข้อมูลแฟลชลงใน RAM และเมื่อ RAM ทำงานก็จะมีการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่นั่นเอง

5. แผ่นเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ ทำให้หน้าจอสมาร์ตโฟนเสียหาย

Apple ระบุไว้ในเอกสารสนับสนุนว่า เราสามารถใช้แผ่นเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อที่ผสมไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ 70%, แผ่นเอทิลแอลกอฮอล์ 75% หรือแผ่นเช็ดค่าเชื้อกับพื้นผิวปิด เช่น หน้าจอ คีย์บอร์ดหรือพื้นผิวภายนอกอื่น ๆ ได้เลย

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือสารฟอกขาว ผลิตภัณฑ์ซักผ้า สารกัดกร่อน

6. ชาร์จมือถือด้วยอุปกรณ์ที่จ่ายไฟแรงจะทำให้ชาร์จไฟเร็ว

เรื่องนี้เป็นความจริง เพราะเมื่อเราชาร์จ iPhone กับอุปกรณ์ชาร์จเช่นอะแดปเตอร์ที่ให้กำลังไฟเยอะ ก็จะทำให้จ่ายไฟได้เร็ว และแน่นอนว่าสมาร์ตโฟนหรือ iPhone ของเราจะรองรับเทคโนโลยีชาร์จไฟเร็วด้วยเช่นกัน

Cr :PITAKA

สิ่งที่อยากแนะนำเพิ่มคือ ให้ระวังเรื่องความร้อน การชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ด้วยประจุไฟจำนวนมากอาจทำให้แบตเตอรี่เกิดความร้อน และความร้อนที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อายุการใช้งานแบตเตอรี่ในระยะยาว ให้สังเกตุความร้อนระหว่างเสียบชาร์จ หากเครื่องร้อนมาก ๆ ให้หยุดการชาร์จเอาไว้ก่อน

7. ซื้อปลั๊กพ่วงถูก ๆ มาชาร์จ ก็สามารถชาร์จเร็วได้

Cr :Tom’s Guide

ถึงแม้ว่าปลั๊กพ่วงราคาถูกจะสามารถจ่ายไฟให้เราได้จริง แต่ก็ขึ้นอยู่กับอะแดปเตอร์และสายชาร์จที่ใช้ด้วย เราจะต้องดูว่าปลั๊กพ่วงมีมาตรฐานความปลอดภัยที่ดีหรือไม่ เช่น การควบคุมการปล่อยไฟให้เสถียร หากมีการปล่อยไฟออกมาแบบขึ้น ๆ ลง ๆ มากเกินไป อาจทำให้เกิดอันตรายระหว่างชาร์จ และในทางอ้อมอาจส่งผลให้แบตเตอรี่ของเราเสื่อมได้

8. Fast Charger ยิ่งชาร์จไว แบตยิ่งเสื่อมไว

ในข้อนี้อาจเป็นไปได้ เนื่องจากระบบชาร์จเร็วจะมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ค่อนข้างสูง และอาจทำให้สมาร์ตโฟนของเรามีความร้อนสูงกว่าปกติ

ทั้งตัวจ่ายไฟ(อะแดปเตอร์และสายชาร์จ) และตัวรับไฟ(สมาร์ตโฟนและแบตเตอรี่) จะต้องมีมาตรฐานที่ตรงกัน ก็จะมีการจ่ายไฟขั้นสูงสุดและเกิดชาร์จเร็ว เช่น ใช้อพแดปเตอร์ 65W เสียบสายชาร์จ USB-C to เพื่อชาร์จสมาร์ตโฟนที่รองรับการชาร์จไฟสูงสุด 65W ความเร็วในการชาร์จสูงสุดก็จะอยู่ที่ 65W

9. ซื้อมือถือหรือ iPhone มาใหม่ต้องชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืน 8 ชั่วโมง

สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ ๆ รวมถึง iPhone มาพร้อมแบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนามาแล้ว เมื่อซื้อ iPhone มาใหม่ไม่จำเป็นต้องชาร์จทิ้งไว้ 8 ชั่วโมง แค่ชาร์จให้เต็ม 100% ก็สามารถใช้งานได้เลย

10 .โหมดประหยัดพลังงาน ช่วยรักษาสุขภาพแบต

โหมดประหยัดพลังงานใน iPhone ไม่ได้ช่วยรักษาสุขภาพหรือายุแบตเตอรี่ แต่เพียงแค่ช่วยยืดการใช้งานของแบตเตอรี่ระหว่างวันให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นเท่านั้น

เมื่อรู้แบบนี้แล้วก็สามารถนำสิ่งเหล่านี้ไปปรับใช้งานตามสะดวกได้เลย

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Nooknick Yanika

Humanities, English Literature
Chiangmai University