Zakura Kim
สืบเนื่องมาจากข่าว หนุ่มไทยเผยนาทีชีวิต คำเตือน Apple Watch เกี่ยวกับอัตราการเต้นของหัวใจ โดยสมาชิกในกลุ่ม Apple User Thailand ทีมงานจึงขอนำเสนอวิธีการวัดอัตราการเต้นของหัวใจและแนะนำการวัดที่ถูกต้องได้ผลแม่นยำมาให้ชมกัน
ฟีเจอร์การติดตามอัตราการเต้นของหัวใจจะมีใน Apple Watch Series 1 หรือใหม่กว่า และ iPhone ที่จับคู่ด้วยต้องเป็น iOS 11 เท่านั้น จึงจะสามารถแจ้งได้ว่าการเต้นของหัวใจเรานั้นมีความผิดปกติ
หลักการแจ้งเตือนความผิดปกติของหัวใจจาก Apple Watch ก็คือ ขณะที่เราอยู่แบบปกติ ไม่ได้มีการออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวเป็นเวลา 10 นาที แต่อัตราการเต้นของหัวใจวัดได้สูงกว่า 120 bpm (หรือสูงกว่าที่เราตั้งค่าไว้) นั่นหมายถึงว่ามีความผิดปกติของหัวใจเกิดขึ้น ลองชมหัวข้อด้านล่างนี้ เพื่อประกอบการใช้งานการวัดอัตราการเต้นของหัวใจกันค่ะ
วิธีการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
1. เราสามารถเข้าถึงแอปวัดอัตรการเต้นของหัวใจได้หลายช่องทาง ดังนี้แตะที่แอปวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate) รูปหัวใจ และรอจนกว่า Apple Watch จะวัดอัตราการเต้นของหัวใจเสร็จ
2. สำหรับหน้าปัดที่มีส่วนเข้าถึงแอปวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ก็สามารถแตะเข้าไปเพื่อวัดได้เลย
3. หากใครที่มีการตั้งค่า Dock ให้มีแอปวัดอัตราการเต้นของหัวใจเป็นแอปที่เข้าล่าสุดหรือแอปรายการโปรด ก็สามารถกดปุ่ม Power ด้านข้างและเลือกเข้าถึงแอปเพื่อวัดได้เลย ดูวิธีตั้งค่า Dock
4. สั่ง Siri ให้เปิดแอปให้โดยการพูด “หวัดดี Siri” จากนั้นพูดว่า “วัดอัตราการเต้นของหัวใจ” Apple Watch จะทำการวัดให้ทันที
หลังจากที่ได้ค่าอัตราการเต้นของหัวใจแล้ว ก็จะทำให้เราทราบว่าในขณะที่เราทำกิจกรรมหรืออยู่เฉยๆ นั้นอัตราการเต้นของหัวใจเราเป็นเท่าไหร่และ 1-2 นาทีก่อนหน้านี้ มีค่าเป็นเท่าไหร่ สูงมากเกินไปจนผิดปกติหรือไม่
หากต้องการติดตามดูตลอดทั้งวัน ทั้งสัปดาห์ หรือทั้งเดือน ก็ไปที่แอปสุขภาพ (Health) > แตะ หัวใจ (Heart) > จะเห็นกราฟแสดงอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างวัน ที่แสดงอัตราต่ำสุดและสูงสุดให้เราได้ทราบ
การวัดอัตราการเต้นของหัวใจจะแม่นยำได้อย่างไร
ความแม่นยำของการวัดอัตราการเต้นของหัวใจแต่ละครั้ง จะขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้ด้วย
- การสวมใส่ Apple Watch ต้องพอดีกับข้อมือ ไม่ควรหลวมจนเกินไป ซึ่งอาจจะทำให้การวัดคลาดเคลื่อน
- ขณะวัดตัว Apple Watch, สาย และข้อมือของเราควรจะสะอาดและแห้ง
- หากอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำหรือหนาวจัด การไหลเวียนของเลือดน้อย อาจจะทำให้มีผลต่อการอ่านค่า
- สำหรับผู้ที่มีรอยสักตรงตำแหน่งการวัด อาจจะทำให้บดบังเซ็นเซอร์
- การเคลื่อนไหวร่างกายก็อาจจะส่งผลต่อการวัดเช่นกัน เช่น การวิ่งสามารถอ่านค่าได้ดีกว่าการเล่นเทนนิสที่ใช้ข้อมือตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ควรเช็คดูกราฟอยู่เป็นประจำว่าการทำกิจกรรมในแต่ละวันมีอัตราการเต้นของหัวใจเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งโดยทั่วไปอัตราการเต้นของหัวใจควรจะอยู่ที่ 60-100 ครั้งต่อนาที หากใครพบว่ามีอัตราที่สูงบ่อยมากจนเกินไปทั้งๆ ที่ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวหนักหรือหลังออกกำลังกาย 30 นาที อัตราการเต้นของหัวใจยังคงสูง ไม่กลับมาเป็นปกติ ก็ควรรีบพบแพทย์ทันที
สำหรับคนที่มีโรคประจำตัวในเรื่องของโรคหัวใจอยู่แล้วก็จะช่วยให้รับรู้ความผิดปกติของหัวใจได้รวดเร็วมากขึ้น และสำหรับบางคนที่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ แต่ยังไม่รู้ตัว ก็ถือว่าช่วยให้สามารถป้องกันได้ในระดับหนึ่ง เพื่อจะได้พบแพทย์และเข้ารักการรักษาตั้งแต่เริ่มต้น
ขอบคุณ MacWorld
