ใน iOS 16 เราสามารถใช้งานแอปฟิตเนส (Fitness) บน iPhone เพื่อติดตามกิจกรรมและการออกกำลังกายได้ ถึงแม้ว่าจะไม่มี Apple Watch เรามาชมกันเลยว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้างและแอปฟิตเนสจะแสดงข้อมูลอะไรบ้าง
วิธีใช้แอปฟิตเนส (Fitness) บน iPhone โดยไม่มี Apple Watch ใน iOS 16 (Beta)
แอปฟิตเนส (Fitness) เป็นแอปแสดงกิจกรรมประจำวันที่เราทำ ซึ่งก่อนหน้านี้ใน iOS 15 หรือ iOS เก่า ๆ จะใช้งานได้เมื่อ iPhone จับคู่กับ Apple Watch เท่านั้น โดยผู้ใช้จะต้องสวมใส่ Apple Watch ในชีวิตประจำวันและออกกำลังกาย จากนั้นก็นำข้อมูลกิจกรรมมาบันทึกลงในแอปฟิตเนส เช่น ข้อมูลการเคลื่อนไหว ข้อมูลการออกกำลังกาย การยืน เป็นต้น
ใน iOS 16 ที่เปิดตัวใหม่นี้ก็ได้เปิดให้ผู้ใช้สามารถใช้งานแอปฟิตเนส (Fitness) ในการติดตามกิจกรรมได้เช่นกัน แต่อาจจะไม่ได้บันทึกข้อมูลกิจกรรมเยอะเหมือน Apple Watch ด้วยข้อจำกัดของอุปกรณ์
ดังนั้นเมื่อเราไปที่แอปฟิตเนส (Fitness) หน้าแรก เราก็จะพบกับวงแหวนการเคลื่อนไหว (Movement Ring) สีแดงเท่านั้น จะไม่มีวงแหวนการออกกำลังกายและการยืนเหมือนกับการเชื่อมต่อกับ Apple Watch และจะมีการแสดงข้อมูลก้าวเดิน ระยะทาง จำนวนชั้นที่ขึ้น การออกกำลังกายร่วมกับแอปอื่น ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดนี้เราจะต้องถือหรือพก iPhone ติดตัวไปด้วย iPhone ก็จะติดตามกิจกรรมการเคลื่อนไหวของเรา
ในกรณีที่เราใช้แอปออกกำลังกายอื่น ๆ เพื่อบันทึกการออกกำลังกาย เช่น การวิ่ง การเดิน การปั่นจักรยาน เราจะต้องพกพา iPhone ไปทำกิจกรรมด้วยเช่นกัน เพื่อให้ iPhone ติดตามระยะทางและการเคลื่อนไหวของเรา ดังตัวอย่างใช้แอป Nike Run Club ในการวิ่งในร่ม
เมื่อเราใช้แอปออกกำลังกายอื่น ๆ ติดตามการออกกำลังกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว แอปก็จะส่งข้อมูลมาบันทึกที่แอปฟิตเนสและแอปสุขภาพ เราก็จะเห็นข้อมูลการออกกำลังกายของเรา สามารถแตะเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ จะมีข้อมูลเวลาการออกกำลังกาย ระยะทาง กิโลแคลลอรี่ที่เคลื่อนไหว เวลาเฉลี่ยโดยรวม แสดงให้เราดู
ในแอปฟิตเนสที่ใช้งานร่วมกับ iPhone ยังแสดงข้อมูลแนวโน้มของการเคลื่อนไหว แต่จะต้องเก็บข้อมูล 180 วันขึ้นไป และส่วนของรางวัลก็มีรางวัลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและการออกกำลังกายให้เราได้ทำตามเป้าหมายเพื่อรับรางวัลด้วย (รางวัลการยืนจะไม่มีเหมือนกับที่เชื่อมต่อกับ Apple Watch)
ส่วนการแชร์ เราสามารถแชร์วงแหวนการเคลื่อนไหวและข้อมูลการออกกำลังกายให้กับเพื่อน ๆ ได้ด้วย แต่จะไม่สามารถแข่งขันได้ เหมือนกับการเชื่อมต่อ Apple Watch
ด้านการตั้งค่า เราสามารถตั้งค่ารายละเอียดสุขภาพที่เป็นข้อมูลส่วนตัวของเรา ไม่ว่าจะเป็นวันเกิด เพศ ส่วนสูง น้ำหนัก ข้อมูลเหล่านี้มีส่วนนำไปใช้ในการคำนวนแคลลอรี่ ดังนั้นควรกรอกข้อมูลให้ตรงกับความเป็นจริง
เราสามารถตั้งค่าเป้าหมายการเคลื่อนไหวได้ด้วย โดยปรับเพิ่มหรือลดจำนวนแคลลอรี่ประจำวันได้เลย
หน่วยของการวัดก็สามารถปรับตั้งค่าได้เช่นกันว่าจะใช้เป็นหน่วยการวัดพลังงานแบบไหน วัดระยะทางว่ายน้ำ การปั่นจักรยาน วัดระยะการเดินและการวิ่งจะใช้หน่วยไหน ก็สามารถกำหนดได้เลย
นอกจากนี้เรายังสามารถเปิดการแจ้งเตือนคำแนะนำต่าง ๆ ที่คอยกระตุ้นให้เราเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมได้ด้วย
หากเราเปิดการแจ้งเตือนคำแนะนำรายวัน ในหน้าศูนย์การแจ้งเตือนก็จะแสดงคำแนะนำให้เราทราบด้วยว่ากิจกรรมของเราเป็นอย่างไร เช่น ถ้าหากเราเคลื่อนไหวร่างกายน้อยเกินไป ก็จะมีคำแนะนำให้เราอัปเดตเป้าหมายฟิตเนส อาจจะปรับลดลงให้เหมาะสมกับกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
แอปฟิตเนสยังรองรับการแสดงผลวิดเจ็ตบนหน้าโฮมและหน้าจอล็อคใน iOS 16 ด้วย ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของตนเองและพยายามทำให้บรรลุเป้าหมายได้ง่ายมากขึ้น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นการใช้งานแอปฟิตเนส (Fitness) บน iPhone ใน iOS 16 ที่ไม่จำเป็นจะต้องจับคู่กับ Apple Watch แน่นอนว่าคนที่ไม่ได้สวมใส่ Apple Watch ก็สามารถใช้ iPhone ในการติดตามการเคลื่อนไหว ก้าวเดิน การขึ้นบันได ระยะทาง รวมถึงการออกกำลังกายร่วมกับแอปอื่น ๆ ได้
ตอนนี้ iOS 16 กำลังอยู่ในช่วงของการทดสอบเวอร์ชัน Beta ก็รออัปเดต iOS 16 เวอร์ชันทางการช่วงเดือนกันยายนนี้นะคะ