EverythingApplePro ได้จัดทำและเผยแพร่วิดีโอ 30 คุณสมบัติที่อยากให้ Apple เพิ่มใน iOS 11 มาให้ชมกัน จะน่าสนใจขนาดไหนนั้นไปชมกันเลย
iOS เป็นระบบปฏิบัติการอุปกรณ์พกพาของ Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone iPod และ iPad ในการอัปเดตเวอร์ชั่นใหม่ในแต่ละครั้งผู้ใช้อย่างเราๆ มักคาดหวังถึงคุณสมบัติใหม่ๆ ที่จะเพิ่มเข้ามาเสมอ
38 คุณสมบัติที่อยากให้มีใน iOS 11
EverythingApplePro สื่อชื่อดังจากต่างประเทศได้จัดทำและเผยแพร่วิดีโอคุณสมบัติที่น่าสนใจ 30 กว่าคุณสมบัติ ที่อยากให้ Apple เพิ่มใน iOS 11 มีอะไรบ้างไปชมกันเลย
1. ออกแบบใหม่ UI ใหม่
ผู้แนะนำเผยว่า Apple ใช้รูปแบบแนวคิด ไอคอน (icon) การจัดวาง และรูปแบบการใช้งานแบบเดิมมาอย่างยาวนาน ควรทำการเปลี่ยนแปลงลักษณะการใช้งานให้มีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้นกว่านี้
2. ไอคอนแบบเคลื่อนไหว
สำหรับไอคอนแบบเคลื่อนไหวที่ผู้แนะนำได้พูดถึง ไม่ใช่เป็นการเคลื่อนไหวเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการแสดงข้อมูลของแอปนั้นๆ เช่น แอป Maps แสดงว่าเราอยู่ที่ไหน ณ ตอนนี้, แอป Message แสดงว่าใครส่งข้อความหาเราล่าสุด และแอป Weather แสดงสภาพอากาศ ณ ปัจจุบันผ่านไอคอน
3. ปรับแต่งรูปแบบอักษรได้
ผู้แนะนำอยากให้ iOS 11 รองรับการปรับแต่งรูปแบบตัวอักษร (font) ตามความต้องการของผู้ใช้ได้ โดยเปิดให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปดาวน์โหลดรูปแบบอักษร ต่างๆ ได้ที่ App Store
4. Dark Night Mode
สำหรับคุณสมบัติตัวนี้หลายคนรอคอยที่จะได้พบมันตั้งแต่การเปิดตัว iPhone 7 / 7 Plus ผู้แนะนำเผยว่าหากให้ผู้ใช้สามารถเปิดโหมด Dark Night ที่ทำให้พื้นหลังและรูปแบบการแสดงผล เป็นโทนสีดำ จะเข้ากับสีใหม่ของ iPhone อย่างสีดำ Black และดำเงา Jet Black ได้เป็นอย่างดี
5. แสดงแถบเพิ่ม-ลดเสียง ที่แถบสถานะ
การเพิ่ม-ลดเสียงใน iOS รุ่นที่ผ่านมา จะมีการแสดงหน้าต่างที่ตรงกลาง ซึ่งอาจบดบังการดูหน้าจออยู่ ณ เวลานั้นๆ ผู้แนะนำเผยว่าพื้นที่ตรงแถบสถานะด้านบนยังว่างอยู่ Apple ควรพิจารณานำแถบเพิ่ม-ลดเสียง ไปแสดงไว้ที่ส่วนนั้นแทน
6. แบ่งหน้าจอแบบ Multitasking
อุปกรณ์ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่อย่าง iPad และ iPhone 5.5″ เหมาะมากที่จะมีคุณสมบัตินี้ ผู้แนะนำบอกว่า หน้าจอขนาดใหญ่ เครื่องประสิทธิภาพสูง ควรที่จะใช้คุณสมบัตินี้ได้ โดยให้ผู้ใช้สามารถเปิดแอปพลิเคชั่น และแสดงผลบนหน้าจอเดียวกันได้
7. เปิดหน้าจอขนาดเล็ก ขณะใช้แอปพลิเคชั่นอื่นได้
ผู้แนะนำยกตัวอย่างว่าควรเพิ่มให้ผู้ใช้สามารถเปิดวิดีโอใน Youtube และแสดงวิดีโอในหน้าจอขนาดเล็ก ที่สามารถขยับขยายขนาดได้ และหน้าจอนั้นจะยังคงแสดงผลอยู่ ถึงแม้ว่าผู้ใช้จะปิดหน้าต่าง Youtube และไปใช้งานแอปพลิเคชั่นอื่นๆ ก็ตาม
8. ล็อค Passcode ในแต่ละแอปพลิเคชันได้
นอกจากจะล็อคเครื่องด้วยรหัส Passcode แล้ว ผู้แนะนำบอกว่าก็ควรจะใช้ Passcode ล็อคในแต่ละแอปลิเคชันได้ด้วย เช่น ถ้าเราไม่ต้องการให้คนเข้าไปดู Message เราได้ ก็สามารถใส่รหัส Passcode เพื่อล็อคแอป Message ได้ เป็นต้น
9. โหมดใช้มือเดียว
ใน iOS 10 หากเราแตะปุ่ม Home 2 ครั้ง หน้าจอจะถูกขยับลงมาครึ่งหนึ่งเพื่อให้ผู้ใช้ สามารถใช้งานมือเดียวได้ แต่ผู้แนะนำเผยว่ามันใช้ได้ไม่ค่อยเต็มที่ เขาจึงคาดหวังว่าใน iOS 11 ควรเป็นโหมดใช้งานมือเดียวที่ใช้งานได้จริงๆ โดยการย่อหน้าจอให้ชิดซ้าย หรือขวาเพื่อให้ใช้งานมือเดียวได้ง่ายกว่าเดิม
10. เพิ่มฟังก์ชั่นที่จำเป็นใน Control Center
ผู้แนะนำมองว่าปุ่มฟังก์ชั่นต่างๆใน Control Center ของ iOS 10 ยังมีไม่ครบตามการใช้งานจริง บางอย่างที่ควรจะมีแต่ไม่มี เช่น การเปิด-ปิด Cellular ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิด-ปิดใช้งานได้สะดวกขึ้น รวมไปถึงควรจะให้ผู้ใช้เลือกได้ว่า จะเอาฟังก์ชั่นอะไรมาแสดงใน Control Center ได้บ้าง
11. ยุบ Control Center ให้เหลือหน้าเดียว
ใน iOS 10 จะมี Control Center และแถบอื่นๆ หลายหน้า แต่ผู้นะนำบอกว่าการเพิ่มหน้า Control Center ทำให้ใช้งานยาก เช่น การปรับระดับความสว่างของหน้าจอทำได้ยากกว่าเดิม การเปิด-ปิด Night Shift Mode ใช้พื้นที่มากเกินจำเป็น ผู้แนะนำจึงเสนอว่าใน iOS 11 ควรยุบ Control Center ให้เหลือหน้าเดียว และจัดวางปุ่มฟังก์ชั่นต่างๆให้ดีขึ้น
12. เพิ่มลูกเล่น 3D Touch ใน Control Center
ผู้แนะนำอยากให้ iOS 11 สามารถใช้งาน 3D Touch ใน Control Center ให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยได้ยกตัวอย่างการกด 3D Touch กับฟังก์ชั่น Wifi ให้สามารถเลือกได้ว่าจะเชื่อมต่อ Wifi อันไหน รวมไปถึงสามารถลัดเข้าสู่การตั้งค่า Wifi หรือ Bluetooth ได้ด้วยการกดแบบ 3D Touch
13. แก้ไขชื่ออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ได้
ผู้แนะนำเสนอว่าหากแก้ไขชื่ออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ได้ ก็จะสามารถจำแนกการเชื่อมต่อได้ง่ายขึ้น เพราะหากไม่สามารถแก้ไขชื่ออุปกรณ์ได้ ส่วนใหญ่แล้วอุปกรณ์จะแสดงเป็นชื่อรุ่น เช่น G7 R380 ซึ่งนานๆ ไป เราอาจจะไม่รู้ว่ามันคืออุปกรณ์อะไรกันแน่
14. แสดงปุ่มตัวเลขที่แป้นพิมพ์ ขณะที่กรอกรหัสผ่าน
ถ้าสังเกตุให้ดีเวลาที่เรากรอกรหัสผ่านใน iOS 10 หากรหัสผ่านของเามีตัวเลขจะต้องกดปุ่มลัดเพื่อสลับไปกรอกตัวเลข โดยผู้แนะนำบอกว่าหากใน iOS 11 ย้ายตัวเลขมาไว้ที่ด้านบนของปุ่มตัวอักษรบนคีย์บอร์ด ก็จะทำให้การกรอกรหัสผ่านง่ายขึ้น ไม่ต้องสลับไปมา
15. เลือกแอปพลิเคชั่นเริ่มต้นได้
ผู้แนะนำอยากให้ iOS 11 มีฟังก์ชั่นให้ผู้ใช้สามารถเลือกแอปพลิเคชั่นเริ่มต้นสำหรับการเปิดข้อมูลรูปแบบต่างๆ ได้ เช่น Web Browser เริ่มต้น (Safari, Chrome) การเปิดแผนที่ผ่านแอป Maps หรือ Google Maps เป็นต้น
16. มีฟังก์ชั่นเคลียร์ Cache
เมื่อเราใช้แอปพลิเคชันต่างๆ นานๆไป ก็จะมีการเก็บข้อมูลขยะไว้ในแต่ละแอปจำนวนมาก ใน iOS รุ่นก่อนหน้าวิธีการเคลียร์ข้อมูลในแอปทำได้โดยการลบแอปแล้วโหลดใหม่ ผู้แนะนำจึงอยากให้ iOS 11 สามารถเคลียร์ข้อมูล Cache ในแต่ละแอปพลิเคชั่นได้ โดยที่ไม่ต้องลบแล้วลงใหม่
17. เพิ่ม Wallpaper ให้มากกว่านี้
สำหรับพื้นหลัง (Wallpaper) ที่ติดมากับ iOS หลังๆ มาเริ่มมีจำนวนน้อย ซึ่งพื้นหลังของ iOS มีทั้งแบบภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ผู้แนะนำจึงอยากให้ iOS 11 มีการเพิ่มพื้นหลังในแต่ละรูปแบบให้มากขึ้นกว่าเดิม มีให้เลือกหลายๆ แบบ
18. มีปุ่มเคลียร์แอปฯ
หากเราจะปิดแอปต่างๆ ใน Multitask ต้องกดปุ่ม Home สองครั้ง จากนั้น “สไลด์แล้วปัดทิ้ง” ทีละรายการ หากแอปที่เปิดไว้เยอะก็อาจต้องใช้เวลาหน่อย ผู้แนะนำจึงเสนอว่าใน iOS 11 ควรมี 1 ปุ่ม ที่กดแล้วระบบจะไปปิดแอปทั้งหมดที่เคยเปิดไว้
19. แอป Photos รองรับการเปิดไฟล์ Gif
ในแอป iMessage ผู้ใช้สามารเปิดหรือเล่นไฟล์ .gif ได้ แต่แปลกที่แอป Photos ไม่สามารถทำได้ ผู้แนะนำจึงเผยว่า Apple ควรใส่คุณสมบัตินี้ให้กับแอป Photos ด้วย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด และดูตภาพเคลื่อนไหวของรูปภาพนามสกุล .gif ได้ โดยที่ไม่ต้องไปเปิดโปรแกรมอื่น
20. เปลี่ยนความละเอียดภาพได้ ขณะที่ถ่ายวิดีโอ
การเปลี่ยนความละเอียดของการถ่ายวิดีโอใน iOS 10 ผู้ใช้ต้องทำการตั้งค่าตั้งแต่แรก ไม่สามารถปรับเปลียนความละเอียดผ่านแอปกล้องได้ ผู้แนะนำจึงอยากให้ iOS 11 รองรับการปรับแต่งคุณลักษณะต่างๆ ระหว่างการถ่ายวิดีโอ เช่น การปรับเปลี่ยนความละเอียดของการบันทึกวิดีโอ จะทำให้ผู้ใช้สะดวกมากขึ้นกว่าเดิม
21. เอา Slide to unlock กลับมา!
การปลดล็อคตัวเครื่องเข้าสู่หน้า Home ของ iOS 10 อาจสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้หลายๆ คน เพราะต้องเปลี่ยนมาแตะหรือกดปุ่ม Home แทน ซึ่ง Slide to unlock ใน iOS 9 ทำได้ง่ายกว่า ดังนั้นผู้แนะนำจึงอยากให้ iOS 11 สามารถให้ผู้ใช้เลือกได้ว่า จะใช้วิธีปลดล็อคเข้าสู่เครื่องอย่างไร อาจจะใช้ Slide to unlock, Press button to unlock ก็ได้ตามความต้องการ
22. ปรับ Animation ให้เร็วขึ้น
ใน iOS 10 การเปิด-ปิด แอป การเลื่อน หรือใช้งานต่างๆ จะมีความหน่วงๆ ไม่ค่อนลื่นไหลอย่างที่ควร ผู้แนะนำเสนอว่าควรปรับเปลี่ยนรูปแบบ Animation ใหม่ใน iOS 11 ให้การกด การเคลื่อนไหวต่างๆ มีความรวดเร็วไหลลื่นกว่าเดิม
23. Siri ฉลาดขึ้น
ผู้แนะนำเผยว่าอยากให้มีการปรับปรุง Siri ให้ฉลาดขึ้นกว่าเดิม โต้ตอบได้เร็วขึ้นกว่าเดิม และสามารถทำงานได้ดีถึงแม้จะเป็นโหมด Offline ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับ Internet อยู่ก็ตาม
24. ตัดการจำกัดขนาดการดาวน์โหลดผ่าน Cellular ออก
หากเราต้องการดาวน์โหลด หรืออัปเดตแอปที่มีขนาดมากกว่า 100MB ผ่านการเชื่อมต่อ 3G 4G อาจทำได้ค่อนข้างลำบาก ผู้แนะนำจึงอยากให้ iOS 11 ตัดการจำกัดขนาดการดาวน์โหลดส่วนนี้ออก เพราะ ณ ตอนนี้ ความเร็วการเชื่อมต่อ Cellular มีความเร็ว และทั่วถึงมากกว่าสมัยก่อน
25. ดูรายละเอียดการแจ้งเตือนได้มากกว่าเดิม
ผู้แนะนำเสนอว่าหากมีการแจ้งเตือนจากแอปต่างๆ ผู้ใช้ควรสามารถแตะเพื่อดูรายละเอียดเบื้องต้นได้มากขึ้น เพราะใน iOS 10 หรือรุ่นก่อนๆ เมื่อมีการแจ้งเตือน ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลได้นิดหน่อย หากต้องการดูรายละเอียด ก็ต้องแตะเข้าไปเพื่อเปิดแอปเท่านั้น
26. ย้ายแอปไปไว้ตำแหน่งใดก็ได้
ใน iOS 11 ผู้แนะนำเสนอว่า ผู้ใช้ควรสามารถจัดวางตำแหน่งแอปไว้ตรงไหนก็ได้ โดยที่ระบบไม่ต้องจัดเรียงให้อัตโนมัติ ซึ่งอาจจะเหมาะกับผู้ใช้บางคนที่ต้องการจัดกลุ่ม จัดวางพื้นที่แอปด้วยตนเอง เช่น แอปที่เปิดบ่อยจะเอาไว้ที่ด้านล่างขวาเพื่อแตะเปิดง่าย เป็นต้น
27. แสดงแอปเรียงตามการใช้ Cellular มาก-น้อย
หากเราต้องการดูว่าแอปไหนใช้ข้อมูล Cellular มากที่สุดอาจจะดูได้ลำบากหน่อย เพราะในหน้าจอการตั้งค่าจะเรียงแอปตามชื่อ ดังนั้นใน iOS 11 ผู้แนะนำเผยว่าควรเรียงแอปตามขนาดการใช้ Cellular มาก-น้อย เพื่อผู้ใช้จะได้สามารถเลือกปิดใช้งาน Cellular ให้กับแอปต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
28. จำกัดการใช้ Cellular สูงสุดได้
กรณีที่ผู้ใช้เหลือ 3G 4G น้อย หรือต้องการจำกัดปริมาณสูงสุดที่ต้องการใช้ ผู้แนะนำเผยว่า ใน iOS 11 ก็ควรมีฟังก์ชั่นนี้ เนื่องจากสื่อมีเดีย เนื้อหาข้อมูลต่างๆ ในปัจจุบันมีคุณภาพสูง อาจจะกินข้อมูล Cellular ไปมาก ดังนั้นควรมีฟังก์ชั่นนี้ไว้ เพื่อให้ผู้ใช้ ได้ใช้การเชื่อมต่อ Cellular ได้อย่างพอดีและไม่สิ้นเปลือง
29. แสดงข้อมูล คัดลอก / วาง
ผู้แนะนำเผยว่า การคัดลอก / วาง ข้อมูลต่างๆ ควรมีการแสดงด้วยว่าเราคัดลอกข้อมูลอะไรมา และตองการวางข้อมูลอะไร ยกตัวอย่างเช่น เราเคยคัดลอกข้อความคำว่า iPhonemod, Apple, MacBook Pro มาก่อนหน้านี้ หากมีการคัดลอกข้อความอื่นๆ ก็สามารถแสดงได้ว่าเราเคยคัดลอกข้อความอะไรไว้บ้าง เพื่อที่จะไม่ต้องไปคัดลอกข้อความเดิมๆ หลายครั้ง
30. เพิ่มปุ่มย้อนกลับให้อุปกรณ์จอใหญ่
หากใช้ iPhone iPad จอใหญ่ การจะกดปุ่มย้อนกลับทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากปุ่มย้อนกลับอยู่ที่บนซ้ายของจอ ดังนั้นผู้แนะนำเผยว่าอยากให้เพิ่มปุ่ม หรือทางลัดให้ผู้ใช้อุปกรณ์จอใหญ่สามารถย้อนกลับได้ง่ายกว่าเดิม โดยอาจจะทำให้ปุ่มย้อนกลับต่ำลงมาหน่อยก็ได้
31. สนทนา Facetime แบบกลุ่มได้
ผู้แนะนำอยากให้ iOS 11 รองรับการสนทนาผ่าน Facetime แบบกลุ่มรองรับการสนทนาร่วมกันแบบ 4 คนได้ จะช่วยให้ Facetime มีประโยชน์ต่อการใช้งานจริงได้มากกว่าเดิม โดยไม่ต้องพึ่ง Skype หรือแอปอื่นๆ
32. ถ่ายภาพแบบ RAW ได้
Apple เพิ่มคุณสมบัติของกล้องได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกล้องหลังคู่ของ iPhone 7 Plus ผู้แนะนำจึงเสนอว่า ด้วยประสิทธิภาพของกล้องหลังที่สูง ควรจะรองรับการถ่ายภาพแบบ RAW ได้ด้วย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถนำภาพที่ได้ไปตกแต่งเพิ่มเติม ทำได้การถ่ายภาพด้วยกล้องหลัง มีความน่าสนใจมากขึ้น
33. เล่นเพลง Apple Music ร่วมกับ iDevice อื่นๆ
ผู้แนะนำยกตัวอย่างว่า ใน iOS 11 หากเราเปิดเพลง Apple Music ใน iPhone แล้วกลับถึงบ้าน จากนั้นเปิด Apple TV เพลงที่เคยเล่นอยู่ใน iPhone ควรจะมาเล่นต่อที่ Apple TV ได้เลย
34. มี App Drawer
เวลาที่เราต้องการจัดการแอปทั้งหมดใน iOS 10 ทำได้ค่อนข้างยาก เพราะแอปทั้งหมด จะถูกแบ่งไปแต่ละหน้าใน Home Screen ผู้แนะนำจึงเสนอว่า อยากให้ iOS 11 มี App Drawer คือ การรวมแอปทั้งหมดไว้ที่ปุ่ม หรือหน้าจอหน้าเดียว มีการค้นหาแอปเพื่อจัดการแอปได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
35. ส่งไฟล์ผ่าน Bluetooth ให้อุปกรณ์อื่นได้
ข้อจำกัดอีกอย่างของ iOS รุ่นก่อนหน้าคือ ผู้ใช้จะสามารถส่งไฟล์ผ่าน Bluetooth ให้กับ iDevice หรืออุปกรณ์ของ Apple เท่านั้น ผู้แนะนำเผยว่าอยากให้ iOS 11 รองรับการส่งไฟล์ผ่าน Bluetooth ให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ของ Apple ได้ด้วย
36. เปิด NFC API ให้นักพัฒนา
NFC ไม่ค่อยถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากนัก ทำให้เทคโนโลยีนี้ค่อนข้างถูกจำกัด ผู้แนะนำจึงอยากให้ Apple เปิด NFC API ให้นักพัฒนาสามารถนำไปต่อยอด เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่ใช้ประโยชน์จาก NFC ได้
37. มีแอปอัดหน้าจอ
ผู้แนะนำสงสัยว่าทำไม Apple ไม่มีแอปอัดหน้าจอเป็นของตัวเอง ซึ่งทุกวันนี้ผู้ใช้ต้องอาศัยการดาวน์โหลดแอปอัดหน้าจอจากที่อื่น ดังนั้นผู้แนะนำจึงคาดหวังว่าใน iOS 11 ควรอนุญาติ หรือมีแอปอัดหน้าจอมาให้ดาวน์โหลดและใช้งานกันมากขึ้น
38. iPad ควรมี iPad OS เป็นของตัวเอง
ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ของ iPad การใช้ iOS ที่ของ iPhone ผู้แนะนำมองว่าไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่ iPad ควรมี iPad OS เป็นของตัวเองได้แล้ว เหมือน macOS tvOS watchOS เพื่อจะได้ใช้พื้นที่หน้าจอขนาดใหญ่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่านี้
สรุป
คุณสมบัติทั้งหมดที่ผู้แนะนำใน EverythingApplePro ได้แนะนำมา วัตถุประสงค์คือต้องการให้ Apple ทราบถึงความต้องการจากผู้ใช้งานจริง หลายคนอาจบอกว่าคุณสมบัติทั้งหลายมันมีอยู่แล้วในระบบ Android ซึ่งผู้แนะนำย้ำเสมอว่า คุณสมบัติหลายๆ ตัวที่มีอยู่ใน Android นั้นมีประโยชน์จริงๆ Apple เองควรจะพิจารณาแล้วหยิบคุณสมบัติเหล่านั้นมาใช้ใน iOS 11 ให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ชมวิดีโอ