ผ่านไป 2 สัปดาห์หลังจากปล่อย Beta 1 ล่าสุด Apple ปล่อย iOS 11 (ไอโอเอส 11) Beta 2 ให้เหล่านักพัฒนาได้อัปเดตแล้ว มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างไปชมกันเลย
Apple ปล่อย iOS 11 Beta 2 ให้เหล่านักพัฒนาได้ทดสอบ
สำหรับนักพัฒนาที่ลงทะเบียนและติดตั้ง iOS 11 Developer Beta Profile ไว้สามารถตรวจสอบการอัปเดตได้ที่ Software Update (ถ้า Wifi ไม่ขึ้น ให้ปิด Wifi แล้วเช็คผ่าน 3G/4G แทน)
รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงใน iOS 11 Beta 2
iOS 11 Beta 2 มาพร้อมกับเลข Build Number 15A5304i ที่หลักๆ แล้วเป็นการแก้ไข Bug, ปรับปรุงประสิทธิภาพจาก Beta 1 และมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่บางส่วน iOS 11 Beta 2 มีการเปลี่ยนแปลงคร่าวๆ ดังนี้
- [ใหม่] ฟีเจอร์ใหม่ Do Not Disturb While Driving
- [ใหม่] สามารถเลื่อนจัดอันดับฟังก์ชันใน Accessiblity Shortcut ได้
- [ใหม่] มีฟีเจอร์เปิด-ปิด OneHanded Keyboard
- เปิด-ปิด Bluetooth ที่ Control Center ได้แล้ว
- ปรับปรุงหน้าจอตั้งค่า Control Center ใหม่
- แก้ไขปัญหาการเลือก Filter ภาพในแอป Photo
- ตัดไอคอนแก้ไขรูปภาพในแอป Photo ออกไป เปลี่ยนไปใช้คำว่า Edit ทีด้านบนขวาแทน
- เปลี่ยนไอคอนและชื่อฟังก์ชันบางตัว
- ปรับปรุงการใช้ 3D Touch ในการเรียกดูข้อมูลต่างๆ เช่น แตะที่หมายเลขโทรศัพท์เพื่อดูรายละเอียด
- เปิดแอป Facebook Messenger โดยไม่ต้องติดตั้งแอป Facebook
- ปรับปรุง Navigation Bar ให้แสดงผลถูกต้องมากขึ้น (ก่อนหน้านี้บางครั้ง % หายไป)
- แก้ไขปัญหาเสียงหายระหว่าง Call ผ่านแอป Skype
- แก้ไขปัญหาแอป Phone ค้างเมื่อเปิด Voicemail
- LINE โทรออกได้แล้ว
- แถบค้นหาวิดีโอใน YouTube กลับมาแล้ว
[ถ้าเจอฟีเจอร์อื่นๆ อีกจะอัปเดตเพิ่มเติมในนี้ครับ]
iOS 11 ฟีเจอร์ใหม่มากกว่า 111 อย่าง
- เพิ่ม Wallpaper ใหม่
- ปรับปรุง Notification หน้าจอ Lock Screen ใหม่
- หน้าจอ Passcode แบบใหม่
- Animation Unlock เครื่องแบบใหม่
- Animation Multitasking แบบใหม่
- Animation เคลื่อนไหวสลับหน้าจอแบบใหม่
- ไม่มีชื่อแอปตรง Dock ที่หน้า Home
- เพิ่มแอปใน Dock ได้ 15 แอป (iPad)
- รูปแบบไอคอนแอป App Store, iTunes Store, Calculator แบบใหม่
- ใช้รูปแบบสัญญาณเครือข่ายมือถือเป็นแบบขีด แทนวงกลมแบบเดิม
- ใช้ Font แบบใหม่
- Control Center แบบใหม่เรียกใช้ได้ในหน้าจอเดียว
- เพิ่มฟีเจอร์ Instant Note
- เพิ่มฟีเจอร์ Instant Markup
- เพิ่มฟีเจอร์ Inline Drawing
- เพิ่มฟีเจอร์ แต่งภาพ (Markup) แล้วบันทีกเป็น PDF ได้ทันที
- ถ่ายภาพและสแกนเอกสารลงแอป Note ได้
- ใช้นิ้วปัดด้านบนลงมาเรียกดูหน้าจอ Notification แบบใหม่ (เหมือน Lock Screen)
- หน้าจอ Now Playing แบบใหม่ใน Lock Screen
- ไอคอนสถานะแบตเตอรี่แบบใหม่
- ไอคอน Siri & Search แบบใหม่
- หน้าจอ Siri แบบใหม่
- เสียง Siri แบบใหม่
- มี Siri Suggestions, Siri Translation
- ปรับปรุง Siri ให้อัจฉริยะมากขึ้น
- เปิดใช้ฟังก์ชัน Type to Siri เพื่อพิมพ์สนทนาและสั่งการ Siri แบบข้อความได้
- ปิดฟังก์ชัน Press for Siri สามารถใช้เฉพาะ Hey Siri หรือจะเปิดทั้งคู่ก็ได้
- สั่งให้ Siri แสดงข้อมูล QR Code จากแอปที่ต้องการได้
- เพิ่มฟีเจอร์การตั้งค่าการเคาะหูฟัง AirPods แต่ละข้างเพื่อเปลี่ยนเพลง
- มีฟีเจอร์ตั้งค่าคีย์บอร์ดมือเดียว (One Handed Keyboard)
- เปิด Smart Invert เพื่อเปลี่ยนหน้าจอให้กลายเป็น Dark Mode ได้
- ไอคอน Location แบบใหม่ (หากแอปกำลังใช้ข้อมูล Location)
- ข้อมูลสุขภาพ (Health Data) ถูกจัดเก็บไว้บน iCloud ได้แล้ว
- ใช้งานแอป 32-bit (บางตัว) ไม่ได้แล้ว
- แผงแสดงระดับการเพิ่ม-ลด เสียงหายไป (เมื่อกดปุ่มด้านข้างระหว่างเปิดเพลง)
- กดปุ่มเปลี่ยนภาษาค้างไว้ (ไอคอนลูกโลก) เพื่อเปลี่ยนรูปแบบการจัดวางคีย์บอร์ด, เปลี่ยนภาษา และเข้าสู่การตั้งค่าคีย์บอร์ดได้
- รองรับการเล่นไฟล์ Flac
- แคปรูปหน้าจอ (Screenshot) และแชร์ได้อย่างรวดเร็ว
- แคปรูปหน้าจอ (Screenshot) แล้วแสดงเป็น Thumbnail เล็กๆ ล่างซ้ายหน้าจอ
- แอป Calculator ใช้หน้าจอแบบใหม่ ปุ่มตัวเลขแสดงเป็นแบบวงกลม
- แอป App Store โฉมใหม่
- แอป App Store มีการเพิ่มแถบ Today, Games
- แอป Apple Music โฉมใหม่
- แชร์เพลง, ฟังเพลงร่วมกับเพื่อนผ่าน Apple Music Friends Network ในแถบ For You
- เพิ่มแอป Files ใหม่
- มีฟีเจอร์ iCloud File Sharing
- สามารถ Drag&Drop ข้อมูล เช่น ข้อความ, รูปภาพ, Url ระหว่างแอปได้ (ทั้ง iPhone, iPad)
- เปิด-ปิด Cellular (3G/4G) ได้ที่ Control Center
- เปิด-ปิด Low Power Mode ได้ที่ Control Center
- มีฟีเจอร์อัดวิดีโอหน้าจอ (Screen Recording) ที่ Control Center
- ปรับปรุงการแสดงผล 3D Touch ใน Control Center แบบใหม่
- ใช้ 3D Touch ในการตั้งค่าระดับความสว่างจอ, ระดับเสียง และตั้งเวลานับถอยหลังได้
- หน้าจอแอป iMessage ออกแบบใหม่
- มี Effect ใหม่ 2 แบบสำหรับ iMessage
- ส่ง Apple Pay Card ให้เพื่อนได้ในแอป iMessage
- เก็บข้อมูลใน iMessage ไว้บน iCloud ได้แล้ว
- แตะและตอบกลับข้อความแอป iMessage ในหน้า Lock Screen ง่ายขึ้น
- คีย์บอร์ดมี Quick Reply ตอบกลับข้อความได้เร็วขึ้น
- แอปสภาพอากาศ (Weather) โฉมใหม่
- ปรับปรุงการออกแอป Podcasts ให้สอดคล้องกับแอป Apple Music
- ปรับปรุงหน้าจอการแชร์เพลงในแอป Apple Music ใหม่
- ปรับปรุงการออกแบบหน้าจอแอป Safari ใหม่
- ปรับปรุงรูปแบบการ Scroll เลื่อนเว็บใน Safari
- แอป Note มีฟีเจอร์การเพิ่มตาราง
- ปัดเลื่อน Note ในแอป Note เพื่อแก้ไขหรือลบได้ง่ายขึ้น
- เปลี่ยนรูปแบบกระดาษ (Paper Styles) ในแอป Note ได้
- ปักหมุด Note ในแอป Note ได้
- เปลี่ยนรูปแปป Font (Typeface) ในแอป Note ได้
- ปรับปรุงรูปแบบเมนูการแต่งข้อความในแอป Note ใหม่
- ถ่ายภาพ Live Photo ระหว่าง FaceTime ได้
- สามารถเลือกรูปภาพ 1 Shot ใน Live Photo ได้
- ตัดต่อ (Trimming) Live Photo ได้
- เพิ่ม Effect สำหรับตกแต่ง Live Photo
- แอป Photos รองรับการเปิดไฟล์ .gif
- ดูรวมภาพ Memories แบบ Portrait (แนวตั้ง) ได้
- มีฟีเจอร์การจับใบหน้าในการดูรูปภาพ
- แอป Phone เปลี่ยนรูปแบบหน้าจอโฉมใหม่
- แอป Mail เปลี่ยนรูปแบบหน้าจอโฉมใหม่
- Settings ปรับปรุงหน้าจอใหม่ เพิ่มข้อความหัวเรื่องตัวหนาไว้ด้านบน
- Background App Refresh มี Option ใหม่ เลือกได้ว่าจะให้ทำงานระหว่างเชื่อมต่อ Wi-Fi, Cellular หรือทั้งคู่
- มีข้อความแจ้งเตือนให้ Backup หากกำลังจะลบข้อมูลบนเครื่อง
- ฟีเจอร์ Shut Down ใหม่ ช่วยให้ปิดเครื่องได้โดยไม่ต้องกดปุ่ม Power
- ใน Assistive Touch สามารถเลือกเมนู Restart, SOS มาใช้ได้
- เพิ่มเมนู Accounts and Password ใหม่
- จำกัดการ Track ข้อมูลระหว่างการใช้เว็บไซต์ได้
- หน้าตั้งค่า Notification สามารถเลือกได้ว่าจะให้แสดง Preview การแจ้งเตือนตลอดเวลา, ตอนปลดล็อคเครื่อง หรือไม่ให้แสดง Preview เลย
- ฟีเจอร์ Emergency SOS ใหม่
- ปรับปรุงรูปแบบหน้าจอ Touch ID และ Passcode ใหม่
- ฟีเจอร์ Offload Unused Apps ลบข้อมูลแอปที่ไม่ใช่ได้
- ฟีเจอร์ Offload ลบข้อมูลแอปที่ต้องการได้ (เหมือนลบลงใหม่ แต่เก็บข้อมูลไว้อยู่)
- การจัดการพิ้นที่ข้อมูลแบบใหม่ (iPhone Storage) เห็นได้ว่าในเครื่องมีข้อมูลอะไรมากที่สุด
- iPhone Storage มีฟีเจอร์แสดงคำแนะนำในการจัดการพื้นที่การใช้งานของเครื่อง
- มีฟังก์ชัน Join Wi-Fi อัตโนมัติ
- สามารถแชร์รหัสผ่าน Wi-Fi ให้เพื่อนได้
- ปรับปรุงรูปแบบการเลือกการแจ้งเตือนแบบ Banner ในหน้าจอการตั้งค่าใหม่
- ปรับปรุงหน้าจอตั้งค่า Control Center ใหม่
- ตัดการตั้งค่าบัญชีแอป Social Media ออกไป
- แอป Camera สามารถถ่าย QR Code ได้
- แอป Camera ปรับรูปแบบการเลือก Filter ใหม่
- หน้าจอตั้งต่า Camera กำหนดได้ว่าจะให้เปิดฟังก์ชันถ่าย QR Code ด้วยหรือไม่
- ปรับปรุงหน้าจอแอป Wallet ใหม่
- เพิ่มฟีเจอร์ Do Not Disturb While Driving
- อัปเดตแผนที่ภายในอาคารของแอป Maps (ใช้ได้บางประเทศ)
- ปรับปรุงรูปแบบการ Scroll ในแอป Maps ใหม่ ลื่นขึ้น
- ปรับปรุง Multitasking ของ iPad แบบใหม่
- แบ่งหน้าจอและ Drag&Drop ข้อมูลใน iPad ได้
- App Switcher ใน iPad แบบใหม่ จัดการหน้าจอให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
- เมื่อเขียนข้อความบนแอป Note ด้วยลายมือจาก Apple Pencil สามารถเลือกให้แปลงเป็นข้อความตัวอักษรได้
- ปลดล็อค (Unlock) iPad ด้วย Apple Pencil ได้
- แบ่งหน้าจอใน iPad แล้วใช้คีย์บอร์ดมือเดียวแต่ละหน้าจอได้
- มี Automatic Setup ช่วยให้การตั้งค่าเครื่องทำได้ง่ายขึ้น
อุปกรณ์ที่รองรับ iOS 11
iOS 11 มาเมื่อไหร่?
สำหรับ iOS 11 เวอร์ชันเต็ม คาดว่าจะปล่อยให้อัปเดตพร้อมกันช่วงกันยายน 2560 นี้ครับ ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบอยู่ฉะนั้นผู้ใช้ทั่วไปไม่จำเป็นก็ไม่ต้องอัปเดตนะครับ เดี๋ยวจะเสียเวลาเรื่องการดาวน์เกรดหรือถ้าทำไม่เป็นอีกข้อมูลก็จะหายด้วย
- สรุป iOS 11
- iOS 11 รุ่นไหนได้ไปต่อ
- ทำไม iPhone 5, 5C ถึงใช้ iOS 11 ไม่ได้?
- พรีวิวเล่น iOS 11 ครั้งแรก
- iOS 11 Beta 1 – มีอะไรใหม่ ชม 111 สิ่งใหม่ในเวอร์ชันนี้
- วิธีย้ายไอคอนแอปหลายๆ ตัวพร้อมกันบน iOS 11
- iOS 11 Beta 1 มีฟีเจอร์ตั้งค่าเคาะหูฟัง AirPods แต่ละข้างเพื่อเปลี่ยนเพลง
- พรีวิว Control Center สำหรับ iPhone โฉมใหม่ใน iOS 11 Beta 1
- iOS 11 มีเมนู Shut Down สั่งปิดเครื่องได้หากปุ่ม Power เสีย
- ฟีเจอร์ลับ Drag&Drop สำหรับ iPhone ใน iOS 11 Beta 1