iOS 8 ประกาศอย่างเป็นทางการในงาน WWDC 2014 กันไปแล้วมาลงรายละเอียดกันดูว่ามีอะไรที่อัปเดตใหม่ใน iOS 8 เวอร์ชันนี้กันบ้าง
หากคาดหวังว่า iOS 8 นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงหน้าตาไปจากเดิมนั้นคงไม่ใช่เพราะงานนี้ “iOS 8 มันเป็นการปรับแต่ง iOS 7 ให้ดีกว่าเดิมและเพิ่มฟีเจอร์เข้าไปนั่นเอง” หากดูเฉพาะผิวเผินแล้วรูปลักษณ์ภายนอกแทบจะไม่ต่างจาก iOS 7 เลย วันนี้จะพามาดูส่วนที่เปลี่ยนแปลงกันครับ
1. Photos
เริ่มที่ Photos มีอัปเดตทั้งการค้นหารูป, การแต่งรูปเพิ่ม, กล้อง ขอเริ่มที่กล้องก่อนมีการเพิ่มโหมดการถ่ายแบบ Time-Lapse เข้ามา(ชมตัวอย่างภาพถ่ายแบบ time-lapse) และก็เพิ่มโหมดการปรับแต่งรูปที่ขั้นสูงกว่าเดิม ไม่ว่าจะปรับสี, แสง, ความเข้ม, ปรับระดับความเอียงขอภาพ ฯลฯ เรียกได้ว่าครบครัน
สำหรับ Photo library นั้นที่ดีขึ้นก็คือจัดการอัลบัมง่ายขึ้น ค้นหารูปที่ถ่ายเยอะได้ ลิงก์กับ iCloud Photo ที่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ iPhone, iPad, Mac ให้ใช้ร่วมกันได้หมด
2. Message
แอปรับส่งข้อความและ iMessage ที่เราคุ้นเคย ตอนนี้ขั้นสูงมากขึ้น(อาจจะไม่ตื่นเต้นเพราะ 3rd party app ทำได้หมดแล้ว) Apple ปรับฟีเจอร์โดยเพิ่มการสนทนาแบบกลุ่มได้, ส่งภาพ, ส่งคลิปเสียงและส่งวีดีโอในแอปนี้ได้ ง่ายๆ ว่าหากไม่ต้องการใช้แอปอื่นจาก App Store ก็ใช้งาน Message ตัวนี้ได้ครบเช่นกัน
3. Design
การเปลี่ยนแปลงด้านการออกแบบนั้นมีเล็กน้อยเรียกว่าเป็นส่วนเสริมดีกว่าเพราะมันต่อยอดจาก iOS 7 มันไม่ได้เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดแค่เสริมยกทับเข้ามา ส่วนที่เพิ่มก็เห็นจะเป็น Recent Call หรือรายที่ติดต่อใน Phone ล่าสุด, รายชื่อคนโปรด (Favorite) หากดับเบิ้ลแท็บที่ปุ่มโฮมก็จะเห็นรายชื่อผู้ติดต่อล่าสุด ปรับปรุงระบบของแอป Mail ให้ดียิ่งขึ้นและก็ระบบปฏิทินด้วยเช่นกัน
Mail นั้นออกแบบเพื่อให้ตอบสนองการใช้งานได้ดีขึ้นประหยัดเวลาในการตอบอีเมล, การอ่านอีเมลต่อไป, การ flag อีเมลหรือเลือกอีเมลเพื่อการอ่านทีหลัง, การบันทึกที่อยู่ในอีเมลแล้วเพิ่มเข้าไปในปฏิทินก็ง่ายดายเช่นกัน
ปรับปรุง Safari ให้เหนือกว่าด้วยระบบภายในที่เร็วขึ้น, ลิงก์กับทุกๆ อุปกรณ์ iOS, OS X เช่นหากเปิดเว็บที่ OS X จากนั้นเราจะออกไปนอกบ้านแต่ต้องการอ่านเว็บนั้นต่อ เราสามารถเปิดจาก Safari iOS 8 แล้วเลือกดูจากอุปกรณ์เดิม(ในที่นี้หมายถึง OS X) เราก็จะได้ลิงก์เดิมที่กำลังเปิดอ่านอยู่ มันจะลิงก์กันทั้งหมด ทำนองนั้น
4. QuickType
ระบบพิมพ์เร็ว! ระหว่างที่เราพิมพ์ข้อความ เช่น จะถามชื่อ เราก็จะพิมพ์ว่า “คุณชื่ออะไร” นั่นคือพิมพ์เต็ม แต่ใน iOS 8 เราเพียงพิมพ์ว่า คุณชื่ออะ จากนั้น iOS 8 มันจะเดาว่าเราต้องการจะพิมพ์คำไหน มันจะก็จะมีคำนั้นขึ้นมาให้ เราก็จิ้มที่คำว่า อะไร ได้เลย มันก็จะเร็วขึ้น
QuickType รองรับภาษาไทยด้วยนะ รักแอปเปิ้ลมากงานนี้เอาใจคนไทยสุดๆ 🙂
นอกจากนี้ในอนาคตนั้นจะรองรับ Swipe Keyboard จากเหล่า 3rd party app ด้วย ส่วนที่ช่วยคือการพิมพ์แบบไม่ต้องยกนิ้ว สามารถเลื่อนจากตัวอักษรที่ 1 ไป 2 3 4 ได้เลย ก็จะได้เป็นคำออกมา
5. Family Sharing
ครอบครัวเดียวกันแชร์เนื้อหาร่วมกันไม่ว่าจะเป็นแอปที่ซื้อจาก App Store, เพลงจาก iTunes Store, iBooks ทั้งนี้สามารถใช้งานร่วมกันได้สูงสุด 6 คน ยกตัวอย่างบัญชีพ่อเป็นบัญชีหลักผูกกับบัตรเครดิต จากนั้นสามารถแชร์ให้แม่, ลูกสาว, ลูกชาย ได้ใช้เนื้อหาร่วมกัน เพลงที่พ่อซื้อคุณแม่ก็ฟังได้, ลูกอยากจะได้เกมส์ใหม่ก็ส่งเรื่องขออนุญาตพ่อก่อนว่าจะซื้อแอปนี้นะจะให้ซื้อไหม ลดปัญหาการไม่มีบัตรเครดิตของแต่ละคน และผู้ถือบัญชีหลักสามารถควบคุมการใช้ได้
6. iCloud Drive
พื้นที่ออนไลน์บน iCloud ที่เก็บไฟล์ต่างๆ ได้ เช่น รูป, เอกสาร pdf, เอกสาร icloud ต่างๆ ลากไฟล์ไปไว้ที่ iCloud Drive มันก็จะลิงก์กับอุปกรณ์ทั้งหมดทั้ง iOS และ OS X Yosemite, ทำงานร่วมกับ Windows ได้ด้วยเช่นกัน
ไฟล์เอกสารที่ทำใน Pages, Numbers, Keynote หรือแม้กระทั่งไฟล์ทั่วไปก็สามารถเก็บไว้ที่เดียวกันได้ รายละเอียดเพิ่มเติมเดี๋ยวจะเสริมแยกอีกครั้งนะ
7. Health
ผู้ช่วยจัดการเรื่องสุขภาพ Apple ทำตัวเหมือนเป็นตัวกลางระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพตัวอย่างเช่นคลีนิค กับผู้ใช้งาน iOS ให้หันมารักสุขภาพมากขึ้น มีแอปที่ช่วยบันทึก, จัดการรายละเอียดเสมือนแฟ้มเก็บข้อมูลด้านสุขภาพส่วนตัวลิงก์กับแอปของคลีนิค สถานพยาบาลได้แล้วสามารถนำข้อมูลที่จำเป็นให้แพทย์ไปได้วิเคราะห์ได้
นอกจากนี้ยังลิงก์กับแอปพลิเคชันเกี่ยวกับเรื่องการออกกำลังกายอย่าง Nike และอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องการสุขภาพทั้งหมดจะอยู่ในนี้ รายละเอียดเยอะเดี๋ยวต้องไปลองเล่นอีกที ทั้งนี้ Apple ยังมี API ให้นักพัฒนาทำแอปที่เกี่ยวข้อง ไม่แน่ในอนาคตหากเราป่วยข้อมูลนั้นก็จะถูกเก็บแล้วส่งไปที่โรงพยาบาลอัตโนมัตจากนั้นแพทย์ก็วิเคราะห์ผลให้ได้เลย โดยไม่ต้องเดินทางไปหาหมอก็อาจจะเป็นได้
8. Continuity
เป็นการทำงานแบบต่อเนื่องสลับไปมาระหว่าง iOS กับ OS X Yosemite เช่น กำลังพิมพ์งานนำเสนอใน iPad แต่ยังไม่เสร็จทีอยากจะเปลี่ยนไปทำต่อที่ OS X บน iMac ก็ส่งต่อไปง่ายๆ แบบไม่ขาดตอน หรืออีกตัวอย่างก็คือเปิดเว็บ A ที่ iPhone แล้วไปดูเว็บ A ต่อที่ iPad โดยลิงก์นั้นจะเป็นลิงก์เดียวกันกับที่ดูอยู่ใน iPhone เรียกฟีเจอร์นี้ว่า Handoff ทำงานได้ต่อเนื่องแบบไม่สะดุด
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใช้ OS X รับสายแทน iPhone ฟังแล้วอาจจะงง ดูตัวอย่างนะ เราเสียบชาร์จ iPhone ในห้องนอน(iPhone ต่อ WIFI อยู่) ส่วนเรานั่งเล่น Mac หรือ iPad ที่ห้องทำงาน (อุปกรณ์ทั้งหมดต้องต่อเข้า WIFI เดียวกัน) จากนั้นมีคนโทรเข้ามาแล้วเราก็กดรับสายที่ Mac หรือ iPad ได้ สะดวกมากๆ และเจ๋งไปเลยใช่ไหม
นอกจากนี้ Message เองก็สามารถรับส่งได้ทุกอุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเล่นจาก iPhone, iPad, OS X เสมือนหนึ่งเดียวเลย
และเสริมท้ายด้วยฟีเจอร์ Instant Hotspot หาก iPad, Mac ของคุณไม่มี Wifi ใช้เชื่อมต่อ(ไม่มีเร้าเตอร์ทั่วไป) ด้วยความสามารถของ iOS 8 หากเครื่องวางใกล้ iPhone มันจะสามารถเชื่อมต่อไปยัง Hotspot ของ iPhone ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
9. Spotlight
Apple ปรับปรุงระบบค้นหาของ iOS และ OS X ไปในทิศทางเดียวกันคือมันสามารถค้นหาได้มากกว่าไฟล์ในตัวเครื่องโดยหากป้อนคำค้นหาไปที่ Spotlight (แตะที่หน้าจอแล้วเลื่อนลง) มันจะทำการค้นหาข้อมูลทั้งหมดจากที่ต่างๆ ดังนี้
- ข้อมูลจาก Wikipedia
- แหล่งข่าวต่างๆ ในหัวเรื่องที่สำคัญๆ ในช่วงนั้น เช่น อยากอ่านข่าว MH370 เราก็ค้นหาที่ Spotlight จากนั้น iOS 8 จะริสออกมาให้
- ค้นหาจากสถานที่ใกล้เคียง
- ค้นหาที่ iTunes Store กรณีที่อาจจะค้นหาชื่อเพลงหรือภาพยนต์ สามารถลิงก์ไปซื้อได้ง่ายขึ้น ($$$$$)
- ค้นหาใน App Store เพื่อแนะนำแอปที่เกี่ยวข้องแล้วจะลิงก์ไปดาวน์โหลดที่ App Store ได้
- ค้นใน iBook Store
- จากเว็บไซต์ที่แนะนำ
- จากตารางการฉายภาพยนต์(กรณีที่ค้นหารอบหนัง)
- และค้นหาแล้วลิงก์ไปยัง Safari ได้
การปรับปรุง Spotlight ถือว่าเป็นช่องทางลัดที่จะให้ผู้ใช้กระโดดเข้าไปในจุดที่ต้องการได้เร็วขึ้นแต่ต้องจำไว้ว่ามันต้องมีอินเทอร์เน็ตด้วยไม่งั้นก็ค้นได้เฉพาะที่มีในตัวเครื่องเท่านั้น
นอกจากฟีเจอร์เด่นๆ ที่ทาง Apple นำมาเสนอให้ชมแล้วก็ยังมีอีกหยิบย่อยที่ไม่ได้ยกมาลองติดตามที่บทความนี้หรือเช็คที่ #tag iOS 8 ได้จะมีอัปเดตให้ชมเรื่อยๆ รับรองได้เลยว่าคุณจะรัก iOS มากยิ่งขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก Apple, เรียบเรียงโดยทีมงาน iPhonemod.net