กระแส iPad กำลังมาแรงหลังจากที่ iPad 9.7 นิ้วรุ่นปี 2018 ที่รองรับ Apple Pencil นั้นได้เริ่มเปิดจำหน่ายสั่งจองกันได้แล้วตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2561 อีกทั้งทีมงาน iMod ได้แกะกล่อง ให้ชมเรียกน้ำจิ้มกันไปแล้ว เดี๋ยวไว้รอรีวิวอีกที แต่ว่ารอบนี้เรานำรุ่นเก่าแต่ยังเก๋าอยู่อย่าง iPad Pro 10.5 นิ้วมาให้ชมโดยครั้งนี้เป็นการนำฟิล์มกันรอยและกระจกกันรอยทั้งหมด 3 แบบมารีวิวให้ได้ชมกันครับ
รีวิวฟิล์มกระจกด้าน Smart Note Anti Finger Print สำหรับ iPad 10.5 นิ้วจาก Focus
ในการรีวิวครั้งนี้เราจะมีการทดสอบฟิล์มด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น เพื่อให้เห็นความแตกต่างและประสิทธิภาพของแต่ละรุ่น จากนั้นทีมงานจะแนะนำว่าฟิล์มรุ่นไหนเหมาะกับ iPad แบบใด โดยครั้งนี้จะเน้นไปที่การทำงานร่วมกับ Apple Pencil ของ iPad Pro 10.5 นิ้วเป็นหลักนะครับ
สิ่งที่จะได้เห็นจากรีวิวนี้
- ฟิล์มกันรอยแบบด้านสำหรับ iPad Pro 10.5 นิ้ว
- ฟิล์มกระจกแบบใส Ultra Clear สำหรับ iPad Pro 10.5 นิ้ว
- ฟิล์มกระจก Smart Note Anti Finger Print สำหรับ iPad Pro 10.5 นิ้ว (ไฮไลท์)
- สรุป
เราจะได้ทราบกันว่าแต่ละรุ่นนั้นแตกต่างยังไงและมีข้อดีข้อเสียจุดไหนบ้าง
1. ฟิล์มกันรอยแบบด้านสำหรับ iPad Pro 10.5 นิ้ว
เริ่มต้นที่ฟิล์มธรรมดาตัวแรกกับ ฟิล์มกันรอยแบบด้านจุดเด่นของรุ่นนี้คือการกันรอยนิ้วมือ ลดแสงสะท้อนของจอ iPad ได้ ถ้าใช้งานที่กลางแจ้งจะช่วยได้เยอะ สำหรับการป้องกันรอยขีดข่วนนั้นถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน กันรอยขีดข่วนทั่วไปได้ การติดตั้งและการทำความสะอาดทำได้ง่าย ราคาประหยัด
หลังการติดตั้งความชัดของภาพจะดรอปลงไปนิดนึงตามเอกลักษณ์ของฟิล์มด้านแต่สิ่งที่ได้จากฟิล์มประเภทนี้คือความลื่นในการสัมผัสที่มากกว่าหน้าจอแบบไม่ได้ติดฟิล์ม เหมาะสำหรับการเล่นเกมที่ต้องใช้นิ้วสัมผัสและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตลอดเวลา มันดีงามกว่าจอที่ไม่ติดฟิล์มอย่างแน่นอน
ส่วนจุดที่ต้องคำนึงคือเมื่อติดฟิล์มนี้แล้วความคมชัดของจอจะลดลงไปประมาณ 10% ครับ
รุ่นนี้เหมาะสำหรับ
- ผู้ใช้ที่ต้องการฟิล์มกันรอยราคาประหยัด
- สำหรับ iPad ที่ให้เด็กๆ ใช้งานด้วยความที่เด็กทำเลอะง่าย ฟิล์มกันรอยแบบด้านนี้จะทำความสะอาดได้ง่าย
- สามารถใช้งานร่วมกับ Apple Pencil ได้ การเขียนนั้นจะมีความฝืดคล้ายๆ กระดาษ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี
- ฟิล์มกันรอยแบบพลาสติกนี้อายุการใช้งานสั้นอาจจะต้องเปลี่ยนบ่อยๆ
- สามารถใช้งานร่วมกับเคสที่ไม่จิกขอบมากเกินไปได้
ราคา
- iPad mini – 250 บาท
- iPad Air, iPad 2, iPad 3, iPad 4 – 300 บาท
- iPad Pro 9.7 นิ้ว – 300 บาท
- iPad Pro 10.5 นิ้ว – 300 บาท
- iPad Pro 12.9 นิ้ว – 350 บาท
2. ฟิล์มกระจกแบบใส Ultra Clear สำหรับ iPad Pro 10.5 นิ้ว
ถัดมาเป็นรุ่นที่2 ครับ รอบนี้เป็นกระจกกันรอยแบบใสที่เราจะคุ้นเคยกันดี จุดเด่นของฟิล์มกระจก Ultra Clear สำหรับ iPad Pro 10.5 นิ้วตัวนี้ก็คือ ความใสระดับ HD ติดตั้งง่ายหลังติดตั้งแล้วภาพยังคงชัดสวยงามเช่นเดิม (ชัดกว่าฟิล์มด้านในข้อแรก) ตัวฟิล์มกระจกจะไม่เว้นช่องสำหรับกล้องหน้าด้วยความใสของฟิล์มกระจกนั้นสามารถทำให้ถ่ายภาพได้ชัดเช่นเดิม
ความแข็งแรงระดับ9H, กันรอยขีดข่วนได้ดีเยี่ยม,การสัมผัสลื่นไม่สะดุดและที่สำคัญคือขอบของกระจกกันรอยนั้นโค้งมนทำให้ไม่คม ไม่บาดมือครับ, การทำความสะอาดบนกระจกสามารถทำได้ง่ายและสามารถใช้งานร่วมกับเคสที่ไม่จิกขอบมากเกินไปได้
การใช้งานร่วมกับ Apple Pencil ทำได้ดีแต่ว่าจะมีความลื่นมากกว่าฟิล์มด้านในข้อที่หนึ่ง ซึ่งบางท่านจะชอบและบางท่านที่วาดภาพจริงจังอาจจะไม่ชอบด้วยความที่มันลื่นเกินไป (เสียงวิจารณ์จากนักวาดภาพบน iPad Pro ได้ให้ความเห็นเรื่องนี้มา)
รุ่นนี้เหมาะสำหรับ
- ผู้ใช้ที่ต้องการใช้กระจกกันรอยที่ความคมชัดสูง ไม่ลดความชัดของหน้าจอ ดูหนัง ดูซีรีส์ชัดระดับ FHD แบบฟินๆ
- ต้องการการป้องกันรอยขีดข่วนหรือรอยขนแมวไม่ให้เกิดกับหน้าจอ iPad สุดรักได้
- สามารถใช้งานร่วมกับ Apple Pencil ได้
- อายุการใช้งานของกระจกกันรอยจะยาวนานกว่าฟิล์มกันรอยแบบพลาสติก ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย
ราคา
- iPad mini – 590 บาท
- iPad Air, iPad 2, iPad 3, iPad 4 – 690 บาท
- iPad Pro 9.7 นิ้ว – 690 บาท
- iPad Pro 10.5 นิ้ว – 690 บาท
- iPad Pro 12.9 นิ้ว – 990 บาท
3. ฟิล์มกระจกแบบด้าน Smart Note Anti Finger Print สำหรับ iPad Pro 10.5 นิ้ว (ไฮไลท์)
มาถึงรุ่นไฮไลท์กันบ้างครับกับ Focus Smart Note Anti Finger Print ซึ่งเป็นฟิล์มกระจกแบบด้านที่ให้ทั้งการปกป้องหน้าจอจากรอยขีดข่วนและการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil ได้อย่างลงตัวฟิล์มกระจกตัวนี้จะมีความคล้ายคลึงกับฟิล์มกันรอยแบบด้านในข้อหนึ่ง แต่สิ่งที่แตกต่างคือการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil จะลื่นไหลกว่าให้ความรู้สึกเหมือนเขียนบนกระดาษดีๆ (หนาๆ คุณภาพๆ กระจกดีเหมือนกระดาษคุณภาพดี) หน้าจอมีความคมชัดที่มากกว่าลดแสงสะท้อนช่วยถนอมสายตา, แข็งแรงทนทานแถมยังกันรอยขีดข่วนได้ถึง 9H ซึ่งดีกว่ามาก, การสัมผัสทำได้ลื่นไหล ตอบสนองไว ทำความสะอาดง่าย ลดรอยนิ้วมือทำได้ดีเยี่ยม และมีอายุการใช้งานที่ยาวมากกว่า
อุปกรณ์ที่มีในกล่องก็จะเป็นชุดทำความสะอาดหน้าจอ, สติกเกอร์สำหรับการเก็บฝุ่นและผ้าไมโครไฟเบอร์สำหรับเช็ดหน้าจอ พร้อมด้วยฟิล์มกระจก Focus Smart Note Anti Finger Print จำนวน 1 แผ่น การติดตั้งสามารถทำได้ง่ายด้วยตนเอง แนะนำว่าให้ติดจากล่างขึ้นบน เล็งให้ตรงที่ขอบด้านล่างและตรงกลางของปุ่ม Touch ID แล้ววางได้เลย ติดง่ายไร้ฟองอากาศครับ
หลังจากการใช้งานแล้วพบว่าฟิล์มกระจกรุ่นนี้จะเหมาะสำหรับiPad Pro 10.5”
- ผู้ใช้ที่ต้องการใช้กระจกกันรอยที่สามารถใช้งานร่วมกับ Apple Pencilโดยเฉพาะผู้ที่วาดภาพเยอะๆ เนื่องจากฟิล์มกระจกแบบด้านนี้จะมีความฝืดระดับหนึ่งเมื่อใช้งานร่วมกับ Apple Pencil จะไม่ทำให้ลื่นจนเกินไป ทำให้เวลาวาดภาพนั้นจะมีความรู้สึกเหมือนวาดบนกระดาษ
- ต้องการป้องกันรอยขีดข่วนหรือรอยขนแมวไม่ให้เกิดกับหน้าจอ iPad สุดรักได้
- สำหรับผู้ที่เล่นเกมที่ต้องสัมผัสบ่อยๆ และรวดเร็ว
- อายุการใช้งานของกระจกกันรอยจะยาวนานกว่าฟิล์มกันรอยแบบพลาสติก
- กระจกนี้สามารถใช้งานกับ Smart Keyboard ได้อย่างไร้ปัญหาครับ
จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ที่เคยใช้กระจกกันรอยแบบด้านกับ iPhone มาพบว่าบางยี่ห้อนั้นติดตั้งแล้วทำให้ปวดตาค่อนข้างมาก ใช้ไปไม่กี่ชั่วโมงผมนี่แกะออกเลย ตั้งแต่นั้นมาเลยไม่ค่อยชอบกระจกกันรอยแบบด้านเท่าไหร่ แต่ว่ารุ่นนี้เท่าที่ได้ลองใช้งานก็เลยพิจารณาที่ความชัดก่อนเลยถ้ามันไม่ดรอปมากๆ ก็รับได้ ผลที่ออกมาคือก็ถือว่าอยู่ในระดับดี ดูสบายตาและการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil ถือว่าทำได้ดีเลย
การใช้งานร่วมกับนิ้วมือปกติก็ลื่นดีโดยเฉพาะตอนเล่นเกมไม่มีสะดุด หั่นผลไม้ในเกม Fruit Ninja ได้สนุกมากๆ แต่พอมาใช้กับ Apple Pencil ความรู้สึกจะเหมือนหนืดกว่ากระจกกันรอยแบบใสซึ่งมันจะเหมือนตอนที่เราเขียนบนกระดาษที่ดูแล้วมันโอเคกว่าแบบใสมากพอตัวครับ
อีกทั้งความแข็งแรงของกระจกกันรอยแบบด้านนั้นมันดีกว่าฟิล์มด้านแบบปกติอย่างแน่นอน ใครวาดรูปบ่อยก็แนะนำเลยครับกับกระจกกันรอยรุ่นนี้
ทดสอบใช้งานกับ Apple Pencil ก็ไร้ปัญหา
การใช้งานกลางแจ้งก็จะก็จะตัดแสงสะท้อนได้ประมาณนี้ครับผม ถือว่าลดไปได้เยอะ เหมาะสำหรับใครที่นำ iPad ไปใช้งานนอกสถานที่ เช่น การออกแบบสวนหย่อมหรือการวางผังต้นไม้ให้บ้าน อาคาร เป็นต้น
บริเวณกล้องหายห่วงได้เลยว่ากล้องจะเบลอ เพราะว่ากระจกกันรอยรุ่นนี้จะเว้นช่องสำหรับเลนส์กล้องหน้าเอาไว้ด้วยครับ
สิ่งที่ต้องคำนึงสำหรับกระจกกันรอยแบบด้านจะมีความชัดลดลงแต่ไม่มาก ใช้งานแล้วไม่ปวดตา (ผมเคยใช้ฟิล์มกระจกแบบด้านสำหรับ iPhone บางยี่ห้อใช้แล้วลดความชัดเยอะมากและปวดตาด้วยจึงต้องแกะออก) ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีและแนะนำอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้งานร่วมกับ Apple Pencil ครับ ใครอยากลองเปลี่ยนจากฟิล์มแบบด้านธรรมดามาเป็นฟิล์มกระจกแบบด้านก็สามารถลองกันได้นะครับ
4. สรุป
สำหรับฟิล์มกันรอยและกระจกกันรอยทั้ง3 รุ่นจาก Focus ที่นำเสนอมานั้น หากให้แนะนำว่าควรจะติดรุ่นไหนดีกับ iPad ของเราดี ก็พอจะแนะนำได้ดังนี้ครับ
- อยากได้ประหยัดสุดและเล่นเกมได้สัมผัสลื่นสุดๆ หรือนักวาดภาพด้วย Apple Pencilที่ต้องการความรู้สึกเหมือนการวาดบนกระดาษ ให้เลือกฟิล์มด้านธรรมดาครับ
- ส่วนใครที่อยากได้ความคมชัดสูงสุด ดูหนัง ดู YouTube ดูซีรีย์ และการใช้งานทั่วไป ใช้กับ Apple Pencil บ้างแต่ไม่ได้วาดรูปเป็นหลัก ให้เลือกฟิล์มกระจกใสจะเหมาะสมที่สุดครับ ทั้งความชัด สวยงาม ความทนทานและการป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี ทำให้ยืดอายุของกระจกหน้าจอ iPad ที่รักของเราได้
- ส่วนรุ่นสุดท้าย หากคุณเป็นนักวาดภาพ ชอบขีดเขียน จดบันทึกด้วย Apple Pencil แบบใช้งานอย่างหนักหน่วง หรือเกมเมอร์ที่เล่นเกมหนักมาก แนะนำเลยว่าควรใช้รุ่นนี้ เพราะให้การสัมผัสด้วยมือที่ลื่นไหลและหากยิ่งใช้งานร่วมกับ Apple Pencil นั้นจะช่วยลดเสียงฝืดเวลาเขียนได้ดี ทำให้การวาดภาพของคุณสนุกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้การทำงานของ iPad ของเรานั้นมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นด้วยครับเอาละครับข้อดีมากมายขนาดนี้ คนที่กำลังจะเปลี่ยนกระจกแผ่นใหม่หรือซื้อเครื่องมาใหม่ เรามีโปรฯ พิเศษ ลดเอาใจกันแบบสุดๆ
โปรโมชันพิเศษเพื่อสาวก iPad Pro 10.5 นิ้ว
โปรโมชั่นพิเศษสำหรับแฟนๆ iPad Pro 10.5 นิ้ว ฟิล์มกระจกแบบด้าน Focus Smart Note Anti Finger Print เฉพาะรุ่น iPad Pro 10.5 นิ้ว ราคาพิเศษ 590 บาท จากปกติ 990 บาท (จำนวนจำกัด) สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศหรือสั่งผ่านหน้าร้านออนไลน์ที่ Focus แนะนำว่าสั่งผ่านออนไลน์จะเร็วกว่านะครับ คนที่วาดภาพบ่อยๆ รับรองถูกใจแน่นอน