yugioh2500
Apple เปิดตัว iPad รุ่น 9.7″ (2017) เพื่อแทนที่ขายแทน iPad Air แต่ด้วยความที่มันก็ยังมีขนาดเท่ากับ iPad Pro 9.7″ ทำให้หลายคนเริ่มลังเลใจว่าจะเอารุ่นธรรมดาหรือโปรไปเลยดี งานนี้เราจะมาเทียบกันแบบหมัดต่อหมัดเลยครับ ว่ารุ่นไหนจะตอบโจทย์คุณมากกว่ากัน
iPad Pro 9.7″ หรือ iPad 9.7″
ก่อนอื่นขอตัดรุ่น iPad Pro 12.9″ ไปก่อน เพราะด้วยขนาดหน้าจอคนซื้อคงมีเหตุผลส่วนตัวอยู่แล้ว แต่กับขนาดหน้าจอ 9.7″ อันนี้เป็นอะไรที่ต้องคิดหนัก ซึ่งบทความก่อนหน้า iPad Air 2 หรือ iPad 9.7″ (2017) ต่างกันอย่างไร ซึ่งเราได้ฟันธงไปแล้วว่ามันแทบไม่ต่างกันจนมีนัยยะสำคัญอะไร แต่สำหรับรุ่นโปรมันมีอะไรมากกว่านั้น
ขนาดและน้ำหนัก
หากมองภายนอกแทบจะแยกกันไม่ออกถึง 99% แต่สำหรับ iPad Pro 9.7″ มีน้ำหนักที่เบาและบางกว่า (เล็กน้อย) ส่วนเรื่องเคสก็อาจใช้เคสเดียวกันได้ในเคสบางรุ่น ซึ่งก็ต้องสังเกตที่ช่องแฟลชดี ๆ ว่าเจาะรูไว้ด้วยหรือไม่ ซึ่งเราคาดว่าน้อยรุ่นมากที่จะใช้งานร่วมด้วยได้ นอกจากนี้หากคุณต้องการสีชมพูหรือจำเป็นต้องใช้ความจุ 256 GB ยังไงก็ต้องรุ่นโปรเท่านั้น
หน้าจอ
ข่าวดีก็คือหน้าจอทั้งคู่เหมือนกันแทบจะ 100% ไม่ว่าจะเป็นความละเอียดหรือขนาด มีต่างกันเล็กน้อยตรงเทคโนโลยี Full Lamination ที่ทำให้หน้าจอบางกว่า (ให้อารมณ์สัมผัสตัวจอมากกว่าสัมผัสกระจกหน้าจอ) แถมจะมีข้อดีตรงที่มัน สามารถกันแสงสะท้อนได้ดีกว่า อีกด้วย
และหากคุณทำงานด้านภาพยนตร์หรือเอาไปใช้กับ Macbook Pro หรือ iPhone 7 ขึ้นไป (ย้ำ! เฉพาะรุ่นใหม่) ควรเลือกเป็น iPad Pro 9.7″ เนื่องจากเป็นหน้าจอที่มีขอบเขตสีกว้าง P3 ที่เป็นมืออาชีพมากขึ้นและแสดงผลได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน (โปรไฟล์เดียวกัน)
หน่วยประมวลผล
หากเทียบตามมาตรฐาน Apple จะสรุปได้ว่า iPad Pro 9.7″ เร็วกว่า iPad 9.7″ ประมาณ 0.35 เท่า กราฟิกเร็วกว่า 0.90 เท่า สอดคล้องกับผลทดสอบของ iOS Benchmarks ที่บอกว่า A9X เร็วกว่า A9 อยู่นิดหน่อย
สิ่งที่น่าคิดก็คือ iPad Pro 9.7″ ได้แรม 2 GB LPDDR4 แต่สำหรับ iPad 9.7″ ยังไม่มีผลทดสอบออกมา ก็ต้องลุ้นกันต่อไปว่าจะได้ 1 GB หรือ 2 GB (แต่ส่วนตัวคิดว่าเป็นอย่างหลังมากกว่า)
อุปกรณ์เสริม
Apple Pencil และ Smart Keyboard สามารถใช้ได้กับรุ่นโปรเท่านั้น ซึ่งก็มีราคา 3,900 และ 5,700 บาท ตามลำดับ แต่ถ้าคุณไม่ได้จะใช้สองอันนี้ก็ข้ามไปได้เลย
กล้อง
หากคุณต้องการถ่ายวิดีโอ 4K รวมถึงเน้นคุณภาพของกล้อง iPad Pro 9.7″ กล้องดีกว่ามากและยังเน้นด้านวิดีโอ แถมยังมีกล้องหน้า 5 MP ซึ่งดีกว่า iPad ทุกรุ่นที่วางจำหน่ายอยู่ ซึ่งมีกล้องหน้าเพียงแค่ 1.2 MP
เสียง
ระบบเสียงของ iPad Pro 9.7 เป็นแบบ 4 ลำโพง ซึ่งดีกว่ามาก
ราคา
ข้อนี้น่าจะตัดใจได้ง่ายที่สุดซึ่งมัน ต่างกันเกือบสองเท่า เลยทีเดียว
ราคา iPad 9.7″ ปัจจุบัน
- 32 GB Wi-Fi ราคา 12,500 บาท
- 32 GB Wi-Fi + Cellular ราคา 17,500 บาท
- 128 GB Wi-Fi ราคา 15,900 บาท
- 128 GB Wi-Fi + Cellular ราคา 20,900 บาท
ราคา iPad Pro 9.7″ ปัจจุบัน
- 32 GB Wi-Fi ราคา 22,900 บาท
- 32 GB Wi-Fi + Cellular ราคา 27,900 บาท
- 128 GB Wi-Fi ราคา 26,900 บาท
- 128 GB Wi-Fi + Cellular ราคา 31,900 บาท
- 256 GB Wi-Fi ราคา 30,900 บาท
- 256 GB Wi-Fi + Cellular ราคา 35,900 บาท
จากข้อมูลด้านบนจะเห็นได้ว่าถึงแม้จะมีขนาดเดียวกัน แต่สเปคของ iPad Pro 9.7″ ชนะทุกด้าน (ยกเว้นราคา)
สรุป
จุดสำคัญใหญ่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของการรองรับ Apple Pencil และ Smart Keyboard มากกว่า (แน่นอนว่าต้องใช้เงินซื้อและแพงพอสมควร) ถ้าหากคุณไม่ได้ใช้สองอย่างนี้จริง การลดสเปคลงเล็กน้อยแลกกับราคาที่ถูกลงเกือบครึ่งไปซื้อ iPad 9.7″ (2017) น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะหน่วยประมวลผลสองรุ่นนี้ก็ไม่ได้หนีห่างกันเท่าไหร่นัก
