อยู่ ๆ iPad ก็ขึ้นจอสีขาว และไม่ตอบสนอง ซึ้งเกิดจากหลายสาเหตุ มีวิธีแก้ไขปัญหานี้ด้วยตัวเองหรือไม่? เรามีคำตอบมาให้ในบทความนี้
iPad ขึ้นจอสีขาว เกิดจากอะไร? แก้ไขอย่างไร? (iPadOS 17, iPadOS 18)
การใช้งาน iPad อาจพบปัญหาหน้าจอสีขาวที่ไม่ตอบสนองต่อการสัมผัสหรือการใช้งาน ซึ่งปัญหานี้มักสร้างความไม่สะดวกและอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เราได้รวบรวมต้นเหตุและวิธีแก้ไขปัญหา iPad จอสีขาวที่ได้ผลมาบอก
สาเหตุที่ทำให้ iPad ขึ้นจอสีขาว
1. ปัญหาฮาร์ดแวร์
- iPad ตกหล่นหรือโดนน้ำ: อาจส่งผลต่อจอ LCD หรือชิ้นส่วนภายในที่เสียหาย
- ความเสียหายทางกายภาพ: อาจเกิดจากการกระแทกอย่างแรง และอาจทำให้ระบบไม่ตอบสนอง
2. ปัญหาซอฟต์แวร์
- Jailbreaking: การดัดแปลงระบบอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดจนจอค้าง
- ข้อผิดพลาดระบบ: การติดตั้งหรืออัปเดตแอปที่ล้มเหลวอาจทำให้ iPadOS เกิดปัญหาจอขาวได้
8 วิธีแก้ไขปัญหา iPad ขึ้นจอสีขาว
1. ปล่อยให้แบตหมด
หาก iPad ไม่ตอบสนอง ให้ปล่อยให้แบตเตอรี่หมดจนเครื่องดับ จากนั้นลองเปิดเครื่องขึ้นมามาใหม่
2. ตรวจสอบฟีเจอร์ Zoom
หากเผลอเปิดฟีเจอร์ Zoom และซูมเข้าในหน้าวัตถุสีขาว ให้แตะจอสองครั้งด้วยสามนิ้วเพื่อลดการซูม
3. บังคับรีสตาร์ท
การบังคับรีสตาร์ท iPad เป็นวิธีแก้ปัญหาง่าย ๆ เมื่อ iPad ไม่ตอบสนองหรือเกิดข้อผิดพลาด เช่น หน้าจอค้างหรือแอปทำงานไม่ปกติ วิธีทำจะแตกต่างกันตามรุ่น iPad ที่มีหรือไม่มีปุ่ม Home
- iPad ที่มีปุ่ม Home
กดปุ่ม Home และปุ่ม Power พร้อมกัน โดยกดค้างไว้ประมาณ 10-15 วินาที จนโลโก้ Apple ปรากฏบนหน้าจอ จากนั้นปล่อยปุ่มทั้งสอง และรอให้เครื่องรีบูตเอง
- iPad ที่ไม่มีปุ่ม Home (Face ID/Touch ID)
กดปุ่ม เพิ่มเสียง (Volume Up) แล้วปล่อย > กดปุ่ม ลดเสียง (Volume Down) แล้วปล่อย > กดปุ่ม Power ค้างไว้จนโลโก้ Apple ปรากฏ จากนั้นปล่อยปุ่ม Power และรอให้เครื่องรีบูตเอง
4. ใช้เครื่องมือซ่อมระบบ iMyFone Fixppo
iMyFone Fixppo เป็นซอฟต์แวร์ช่วยซ่อมแซมระบบ iPad โดยไม่สูญเสียข้อมูล มีขั้นตอนง่าย ๆ เพียงเชื่อมต่อ iPad กับคอมพิวเตอร์และเลือกโหมด Standard Repair
ลิงก์ดาวน์โหลดตัวแอปคลิก ที่นี่
5. เข้าสู่ Recovery Mode และ Restore ผ่าน iTunes
Recovery Mode เป็นโหมดที่ช่วยแก้ปัญหา iPad ที่ค้าง, เปิดไม่ติด, หรือมีปัญหาอื่น ๆ เช่น หน้าจอขาว (White Screen of Death) วิธีนี้เป็นขั้นตอนแก้ไขที่ลึกขึ้น โดยจะช่วยติดตั้งระบบ iPadOS ใหม่ผ่าน iTunes แต่ ข้อมูลทั้งหมดใน iPad จะถูกลบ ดังนั้น ควรสำรองข้อมูลก่อนหากเป็นไปได้
ขั้นตอนเข้าสู่ Recovery Mode
1. สำหรับ iPad ที่มีปุ่ม Home
- เชื่อมต่อ iPad กับคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง iTunes เวอร์ชันล่าสุด
- กดปุ่ม Power และ Home พร้อมกันค้างไว้ประมาณ 10 วินาที
- ปล่อยปุ่ม Power แต่ยังคงกดปุ่ม Home ต่อไป จนหน้าจอแสดงโลโก้สายเชื่อมต่อ (Cable to Computer) หรือ Recovery Mode
2. สำหรับ iPad ที่ไม่มีปุ่ม Home (Face ID)
- เชื่อมต่อ iPad กับคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง iTunes เวอร์ชันล่าสุด
- กดปุ่ม Volume Up แล้วปล่อย
- กดปุ่ม Volume Down แล้วปล่อย
- กดปุ่ม Power (Sleep/Wake) ค้างไว้จนหน้าจอดับ จากนั้นหน้าจอจะแสดงโลโก้สายเชื่อมต่อ (Cable to Computer) หรือ Recovery Mode
การ Restore iPad ผ่าน iTunes
1. เปิด iTunes บนคอมพิวเตอร์
2. iTunes จะตรวจพบ iPad ใน Recovery Mode และแสดงข้อความว่า “There is a problem with the iPad that requires it to be updated or restored”
3. เลือก Restore (รีสโตร์) เพื่อเริ่มกระบวนการ ซึ่ง iTunes จะดาวน์โหลดและติดตั้ง iPadOS เวอร์ชันล่าสุดบน iPad
4. รอจนกระบวนการเสร็จสิ้น (อาจใช้เวลาหลายนาที)
5. เมื่อเสร็จแล้ว iPad จะรีบูตและเข้าสู่หน้าจอการตั้งค่าใหม่
ข้อควรระวัง !
- ข้อมูลทั้งหมดใน iPad จะถูกลบ หลังการ Restore
- ควรสำรองข้อมูลใน iCloud หรือคอมพิวเตอร์ไว้ก่อน
- หาก iTunes ไม่สามารถ Restore ได้ อาจลองเข้าสู่โหมด DFU เพื่อแก้ไขปัญหาที่ลึกกว่า
6. ใช้ DFU Mode เพื่อติดตั้งระบบใหม่
โหมด DFU เป็นวิธีแก้ปัญหาระดับลึกที่ติดตั้งระบบ iPadOS ใหม่ทั้งหมด แต่จะลบข้อมูลในเครื่อง
7. ปิดโหมดช่วยเหลือการเข้าถึง
หากที่หน้าจอล็อคของ iPad แสดงข้นมาตามรูป แปลว่าคุณอาจเปิดโหมดช่วยเหลือการเข้าถึงโดยไม่ได้ตั้งใจ หากต้องการปิดการใช้งาน สามารถทำตามขั้นตอนนี้ได้เลย
วิธีปิดโหมดช่วยเหลือการเข้าถึง
1. กดปุ่มที่กำหนดไว้เพื่อออกจากโหมดช่วยเหลือการเข้าถึง
- บน iPad ที่มีปุ่มโฮม: กดปุ่มด้านข้าง (Side Button) หรือปุ่มด้านบน (Top Button) สามครั้ง
- บน iPad รุ่นที่ไม่มีปุ่มโฮม: กดปุ่มด้านข้างหรือปุ่มด้านบนสามครั้ง
2. ป้อนรหัสโหมดช่วยเหลือการเข้าถึง
เมื่อมีการแจ้งให้ป้อนรหัส ให้ใส่รหัสที่ตั้งค่าไว้ หากคุณจำรหัสไม่ได้ อาจต้องรีเซ็ตโหมดช่วยเหลือการเข้าถึงผ่านบัญชี Apple
3. ยกเลิกการตั้งค่าช่วยเหลือการเข้าถึงในเมนูการตั้งค่า
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > การช่วยการเข้าถึง (Accessibility) > เลือก โหมดช่วยเหลือการเข้าถึง (Guided Access Mode) > ปิดการใช้งานโหมดช่วยเหลือการเข้าถึง หรือเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าตามต้องการ
8. ติดต่อผู้ให้บริการซ่อมใกล้บ้าน
หากคุณลองทุกวิธีแล้ว แต่ปัญหายังคงอยู่ เช่น iPad ยังค้างหน้าจอขาว (White Screen of Death) ไม่ตอบสนอง หรือเครื่องมีความเสียหายทางฮาร์ดแวร์ เช่น หน้าจอแตก น้ำเข้าภายใน หรือความเสียหายที่เกิดจากการตกกระแทก คุณควรนำเครื่องไปตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญที่มีความชำนาญในการซ่อม iPad โดยเฉพาะ
วิธีติดต่อผู้ให้บริการซ่อม
1. ศูนย์บริการ Apple Authorized Service Provider (AASP)
- ศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองจาก Apple เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการซ่อมแซม iPad
- คุณสามารถตรวจสอบตำแหน่งศูนย์บริการใกล้บ้านได้ที่เว็บไซต์ Apple Support
ข้อดี: ใช้อะไหล่แท้จาก Apple และมีการรับประกันหลังการซ่อม
2. ร้านซ่อมทั่วไปที่เชื่อถือได้
- หาก iPad หมดประกัน และคุณต้องการลดค่าใช้จ่าย ร้านซ่อมทั่วไปอาจเป็นอีกทางเลือกที่ดี ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้าน และสอบถามรายละเอียดการซ่อม เช่น การรับประกันงานซ่อม หรือการใช้อะไหล่แท้
3. ติดต่อ Apple Support Online
- หากคุณไม่สะดวกเดินทาง สามารถติดต่อ Apple Support เพื่อปรึกษาปัญหาเบื้องต้น หรือส่งเครื่องซ่อมทางไปรษณีย์ได้
- เข้าไปที่เว็บไซต์ Apple Support เพื่อเริ่มการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่
📌 สิ่งที่ควรเตรียมก่อนเข้ารับบริการซ่อม
- สำรองข้อมูล (Backup Data): หากยังสามารถสำรองข้อมูลได้ ให้ทำการสำรองข้อมูลผ่าน iCloud หรือ iTunes เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย
- ใบเสร็จหรือหลักฐานการซื้อ: ใช้สำหรับตรวจสอบระยะเวลาการรับประกัน
- รายละเอียดปัญหา: จดบันทึกอาการที่เกิดขึ้น เช่น เครื่องค้างเมื่อเปิดแอปใด, มีเสียงผิดปกติ, หรือเกิดหลังอัปเดต iPadOS
📌 กรณีที่ควรซ่อมด่วน
- หน้าจอขาวไม่หาย แม้ลองแก้ไขด้วยวิธีต่าง ๆ
- iPad มีร่องรอยความเสียหายภายนอก เช่น รอยแตก หรือบิดงอ
การติดต่อผู้ให้บริการซ่อมใกล้บ้านเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเมื่อปัญหาหนักเกินกว่าที่จะแก้ไขเอง และยังช่วยประหยัดเวลา รวมถึงรับประกันความปลอดภัยของ iPad ของคุณได้ค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก imyfone