Apple วางขาย iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ในวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา บรรยากาศคึกคักเต็มไปด้วยผู้สนใจ iPhone รุ่นใหม่ที่มารอคิวซื้อกันอย่างมากมาย และรุ่นที่หลายคนให้ความสนใจอยู่มากๆ ตอนนี้ก็คงจะเป็น iPhone 11 เราไปชมรีวิวพร้อมๆ กันเลยค่ะ
รีวิว iPhone 11 รุ่นเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา ความคุ้มค่าที่ลงตัว
1. ภาพรวม iPhone 11
iPhone 11 เป็นรุ่นเริ่มต้นของ iPhone ปี 2019 ถือว่าเป็นน้องเล็กสุดและมีราคาถูกที่สุด เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดมาจาก iPhone XR (2018) ที่เน้นความคุ้มค่าในราคาประหยัด จัดเต็มในด้านประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล แบตเตอรี่ หรือกล้อง ที่มีความสามารถเกือบเทียบเท่ากับรุ่น Pro ซึ่งรายละเอียดและจุดเด่นต่างๆ สามารถรับชมในหัวข้อถัดไปกันได้เลย
2. สเปค iPhone 11 ที่ควรรู้
- ชิปประมวลผล CPU A13 Bionic ใช้ Neural Engine รุ่นที่ 3
- หน้าจอ Liquid Retina HD ขนาด 6.1 นิ้ว
- การกันน้ำและฝุ่น มาตรฐาน IP68 (ความลึกไม่เกิน 2 เมตร เวลาสูงสุด 30 นาที) ตามมาตรฐาน
IEC 60529 - กล้องหลังมีเลนส์ 2 ตัว คือ Wide และ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล กล้องโหมดกลางคืน (Night Mode) และการปรับภาพแบบอัตโนมัติ (DeepFusion)
- รองรับ Live Photos, Portrait, Portrait Lighting
- กล้องหน้า 1 ตัว กล้องหน้าเลนส์ Wide f2.2 ความละเอียด 12 ล้าน เท่ากันกับกล้องหลัง
- ถ่ายวีดีโอรองรับความละเอียดสูงสุด 4K 60fps ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
- ระบบแฟลชกล้องหน้าสำหรับถ่ายภาพ Selfie และ Slofie (ถ่ายวิดีโอสโลโมจากกล้องหน้าได้ ความละเอียด 1080p
ที่ 120 fps) - รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ QuickTake
- รองรับเนื้อหา HDR10 และ Dolby Vision
- การเล่นเสียงลำโพงสเตอรีโอรองรับ Dolby Atmos
- ระบบปฏิบัติการ iOS 13
- Wi-Fi 6 และ Gigabit LTE ความเร็วมากกว่ารุ่นก่อนหน้า 13%
- RAM 4GB
- ความจุ 64GB, 128GB และ 256GB
- แบตเตอรี่ความจุ 3,110 mAh ใช้งานได้นานกว่า iPhone XR สูงสุด 1 ชั่วโมง
- ระบบซิมคู่ Nano SIM + eSIM
- พอร์ตเชื่อมต่อ Lightning
- รองรับการชาร์จเร็ว Power Delivery (ต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่ม ไม่มีชุดชาร์จเร็วในกล่อง)
- มี 6 สีให้เลือก คือ สีม่วง, สีขาว, สีแดง, สีดำ, สีเขียว และ สีเหลือง
3. iPhone 11 มีอะไรในกล่องบ้าง
อุปกรณ์ที่มีมาในกล่อง iPhone 11 ได้แก่
- iPhone 11
- หูฟัง EarPods พร้อมหัวต่อ Lightning
- สาย Lightning to USB
- อะแดปเตอร์แปลงไฟ USB ขนาด 5 วัตต์
- เอกสารประกอบคู่มือการใช้งาน
4. กระจกแบบวาว พร้อม 6 สีสวยที่เลือกไม่ถูก
iPhone ไลน์ประหยัด (อย่าง iPhone 5c และ iPhone XR) มักจะมาพร้อมกับตัวเครื่องที่มีสีสันหลากหลายที่สวยทุกสีจนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว ซึ่ง iPhone 11 ก็มี 6 สีให้เลือกด้วยกัน วัสดุด้านหลังของ iPhone 11 จะเป็นกระจกแบบวาว สะท้อนสวยงามเหมือน iPhone XR ซึ่งต่างจาก iPhone 11 Pro ที่เป็นกระจกแบบด้าน
กรอบด้านข้างเป็นอะลูมิเนียมที่มีสีโทนเดียวตามตัวเครื่อง
iPhone 11 กับ 6 สีสวย
3 สีใหม่โดนใจสายพาสเทล สีเขียว สีม่วง และสีเหลือง (เหลืองอ่อนกว่า iPhone XR) ใส่คู่กับเคสใส โชว์สีสันตัวเครื่องรอบด้าน
สีแดงสด PRODUCT (RED) ได้ร่วมทำบุญช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ด้วย และ 2 สีคลาสสิคตลอดกาล คือ สีดำและสีขาว สวยหรูดูพรีเมี่ยม ใส่คู่กับเคสแบบไหนก็สวย
บอกได้เลยว่าสัมผัสหรือดูเครื่องจริงแล้วสวยทุกสีจนเลือกไม่ถูก บางทีคิดจากบ้านว่าจะซื้อสีดำ แต่พอไปถึงหน้าร้านอาจจะหยิบสีม่วงหรือสีเขียวมาโดยไม่รู้ตัว สามารถชมและจับเครื่องจริงที่ Apple Store Iconsiam หรือหน้าร้านตัวแทนจำหน่ายได้แล้ว
5. กล้องหลัง 2 ตัว กับความสามารถใกล้ๆ iPhone 11 Pro
iPhone 11 มาพร้อมกล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 12MP ทั้งคู่ เลนส์ตัวแรกเป็นเลนส์ Wide รูรับแสงขนาด ƒ/1.8 และเลนส์ตัวที่สองเป็น Ultra Wide รูรับแสงขนาด ƒ/2.4 ทำงานร่วมกันช่วยให้การถ่ายภาพสวยขึ้น
จุดเด่นของกล้องหลังใน iPhone 11 มีดังนี้
ถ่ายภาพ Ultra Wide
iPhone 11 สามารถถ่ายรูปเก็บภาพแนวกว้างได้มากขึ้น โดยภาพที่ได้จากการถ่ายแบบ Ultra Wide นั้นเห็นได้ชัดว่าขอบด้านข้างไม่โค้งหรือไม่บิดเบี้ยวมากนัก องค์ประกอบภาพสวยงาม สีสดคมชัด เวลาที่ต้องการถ่ายภาพมุมกว้าง เก็บภาพแนวนอน ก็สามารถหยิบ iPhone 11 ขึ้นมาถ่ายได้ง่ายๆ
ถ่ายภาพ Night Mode
Apple ได้เพิ่มฟีเจอร์การถ่ายภาพในเวลากลางคืนหรือ Night Mode ใน iPhone 11 ทุกรุ่น ถึงจะมาช้าหน่อยแต่คุณภาพของภาพที่ได้นั้นสวยสมการรอคอยเลยทีเดียว ภาพถ่ายกลางคืนจาก iPhone 11 ให้ความสว่างที่พอเหมาะ แสดงสีและความละเอียดคมชัด นอยซ์ไม่เยอะ และถ่ายได้ง่ายมากๆ
ถ่ายภาพ Portrait ที่ดีขึ้น ถ่ายสัตว์หรือสิ่งของได้แล้ว
สำหรับคนที่เคยใช้ iPhone XR จะรู้กันดีอยู่แล้วว่าโหมดภาพถ่ายบุคคล (Portrait) จะไม่สามารถเก็บภาพสัตว์หรือสิ่งของได้ ถ้าได้ก็อาจจะต้องพึ่งพาแอปเสริม แต่ใน iPhone 11 ที่มาพร้อม 2 กล้องนั้นสามารถถ่ายสัตว์และสิ่งของได้แล้ว จากที่ลองทดสอบถ่ายสิ่งของนั้นพบว่าความแม่นยำในการเบลอพื้นหลังนั้นยังไม่เนียนมากนัก (คาดว่าน่าจะมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นในอนาคต)
แต่การถ่ายภาพคนนั้นเทคะแนนให้เลย ภาพที่ได้นั้นดีขึ้น เบลอพื้นหลังได้เนียนขึ้น ดูเป็นธรรมชาติ
เสริมด้วย QuickTake สลับถ่ายรูปและวิดีโอรวดเร็ว
ฟีเจอร์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้สำหรับกล้องของ iPhone 11 ก็คือ QuickTake ที่เหมาะกับการใช้ชีวิตของเราในปัจจุบันอย่างมาก สามารถสลับเปลี่ยนระหว่างโหมดถ่ายรูปกับโหมดถ่ายวิดีโอได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่แตะค้างที่ปุ่มชัตเตอร์ อยากเก็บภาพวิดีโอแบบรวดเร็วก็อย่าลืมนึกถึงฟีเจอร์ QuickTake นะ
แถมภาพถ่ายจากเลนส์ Wide ให้ชมกันอีกนิด แบบไม่มีการปรับแต่งใดๆ ทั้งสิ้น หรือชมตัวอย่างภาพถ่ายจากทีมงานได้ที่ ภาพถ่ายจากกล้อง iPhone 11
6. กล้องเซลฟี่มุมกว้าง แถมถ่าย Slofie ได้
มาถึงกล้องหน้าเซลฟี่กันบ้าง ใน iPhone 11 มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 12MP เพิ่มคุณสมบัติใหม่สำหรับการเซลฟี่ที่สะดวกและสนุกมากขึ้น ด้วยการเก็บภาพเซลฟี่แบบมุมกว้าง ถ่ายรูปกับเพื่อนหรือครอบครัวพร้อมกันหลายคนได้สบายทั้งแนวตั้งและแนวนอน
โดยแนวตั้งก็เลือกระยะเองได้เลย ถ้ากลับกล้องเป็นแนวนอนโหมด Ultra Wide ของกล้องหน้าก็จะทำงานทันที ภาพที่ได้ก็สวยเป็นธรรมชาติ
สำหรับสายถ่ายวิดีโอนั้นคมชัดมากขึ้นด้วยการถ่ายวิดีโอแบบ 4K และยังสามารถเก็บภาพสโลโมชันแบบเซลฟี่ได้ด้วยฟีเจอร์ที่มีชื่อเท่ๆ ว่า Slofie การเล่นกล้องหน้าก็จะสนุกมากขึ้น (ซื้อมาแล้วแนะนำให้ลอง)
7. ภาพและเสียงดีเยี่ยม รองรับ Dolby Atmos
จอภาพของ iPhone 11 เป็นจอภาพ Liquid Retina HD ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 1792 x 828 พิกเซล ที่ 326 ppi เหมือน iPhone XR ทุกอย่าง อย่างที่เคยบอกถึงแม้ความละเอียดจอภาพจะต่ำ แต่ดูหน้าจอจริงๆ แล้วคมชัดมากๆ รองรับเนื้อหา HDR10 และ Dolby Vision ที่มีความสว่างสูงและให้ความลึกของสีที่คมชัดสมจริง
ส่วนการเล่นเสียงก็จัดเต็มมาพร้อมการเล่นเสียงสมจริงรอบทิศทางด้วย Dolby Atmos ดูหนังสนุก เปิดภาพยนตร์จาก iTunes ที่มีเนื้อหาแบบ Dolby Vision และ Dolby Atmos รับรองว่าสนุกเต็มอรรถรส
8. ชิป A13 Bionic เร็ว แรง แบตอึดขึ้น
ถึงแม้จะเป็นน้องเล็กสุด แต่ก็ใช้ชิปตัวเดียวกับพวกรุ่นพี่อย่างสุดยอดชิปทรงพลังของ Apple “A13 Bionic” ที่เป็นชิปที่เร็วที่สุดเหนือสมาร์ตโฟนทุกรุ่น มีความเสถียรภาพสูง สามารถจัดการระบบภายในได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นการใช้งานทั่วไปคงไม่ต้องพูดมาก เพราะยังไงก็ลื่นไหล ไม่มีค้างอยู่แล้ว
แต่ในเรื่องของการเล่นเกม iPhone 11 ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่พอสมควรและประสิทธิภาพของตัวเครื่องก็เร็วและแรง การเล่นเกมที่มีกราฟิคหนักๆ อย่าง PUBG Mobile, Call of Duty : Mobile หรือเกมภาพสวยๆ ใน Apple Arcade ก็คงจะถูกใจคอเกมอย่างมาก เพราะเล่นได้ไหลลื่น ไม่มีเรื่องให้ต้องเสียอารมณ์
ส่วนด้านการจัดการพลังงานแบตเตอรี่ก็ดียิ่งขึ้น ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สามารถทำงานร่วมกันเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากแบตเตอรี่ ใช้งาน iPhone 11 ได้ตลอดวันและใช้งานได้นานกว่า iPhone XR สูงสุด 1 ชั่วโมง
9. สิ่งใหม่ใน iPhone 11 ที่ iPhone XR ไม่มี
iPhone 11 มีขนาดหน้าจอ ตัวเครื่อง และน้ำหนักเท่ากับ iPhone XR แทบจะทุกอย่าง แต่ก็ยังมีความพิเศษที่เหนือกว่าและสดใหม่มากกว่าอื่นๆ อีก ทีมงานได้สรุปสิ่งใหม่ใน iPhone 11 ที่ไม่มีใน iPhone XR ให้ชม ดังนี้
- กล้องหลัง 2 ตัว iPhone 11 เพิ่มเลนส์ Ultra Wide เข้ามาอีก 1 ตัว และมีฟีเจอร์ถ่ายรูปแบบ Ultra Wide, Night Mode, การปรับภาพแบบอัตโนมัติและ QuickTake รวมถึงโหมดภาพถ่ายบุคคลมีเอฟเฟ็กต์ 6 แบบ
- การบันทึกวิดีโอกล้องหลังมีฟีเจอร์ซูมเสียง สามารถซูมออกแบบออปติคอล 2 เท่า และซูมดิจิตอลได้สูงสุด 3 เท่า
- กล้องหน้า 1 ตัวกับความละเอียดที่เพิ่มขึ้นเป็น 12MP ถ่ายวิดีโอ 4K สูงสุด 60 fps
- มาตรฐาน Wi-Fi 6 และ Gigabit LTE ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า
- การเล่นเสียงรองรับ Dolby Atmos
- กันน้ำระดับ IP68 (ความลึกไม่เกิน 2 เมตร ภายใน 30 นาที) ตามมาตรฐาน IEC 60529
สามารถอ่านรายละเอียด การเปรียบเทียบสเปคระหว่าง iPhone 11 และ iPhone XR
10. สรุป iPhone 11 ทำไมถึงเป็นรุ่นที่คุ้มค่า
iPhone 11 เป็น iPhone รุ่นที่มีราคาต่ำที่สุดในบรรดา iPhone ปี 2019 ทั้งหมด มาพร้อมสเปคด้านประสิทธิภาพที่ดีมากเกือบเทียบเท่ากับรุ่นใหญ่อย่าง iPhone 11 และ iPhone 11 Pro Max เพราะใช้ชิปประมวลผลตัวเดียวกันรวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ และฟีเจอร์บางอย่างที่มีมาให้ใน iPhone 11 ด้วย
แน่นอนว่าทั้งหมดทั้งมวลที่ทีมงานได้ยกขึ้นมาเขียนเป็นจุดเด่นของ iPhone 11 นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ครอบคลุมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการใช้งานทั่วไป การถ่ายรูป และความบันเทิงที่ iPhone 11 ตอบโจทย์ได้ทั้งหมดในราคาที่จับต้องได้ จึงถือว่า iPhone 11 เป็นรุ่นที่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
ส่วนคนที่เคยใช้ iPhone XR มาก่อนในแง่ของความเร็วและการใช้งานทั่วไปอาจจะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่จะให้ความว้าวและสนุกด้านการถ่ายภาพมากกว่า โดยเฉพาะโหมดกลางคืนและถ่ายภาพแบบมุมกว้าง
แต่สำหรับผู้ใช้งานระดับโปรที่ใช้สมาร์ตโฟนในการถ่ายรูปหรือวิดีโอเพื่อเก็บงานคุณภาพหรือใช้ทำงานอื่นๆ แบบมืออาชีพก็อาจจะเลือกใช้ iPhone 11 Pro หรือ iPhone 11 Pro Max แทน ซึ่งมีราคาสูงกว่า แต่ตอบโจทย์ด้านการทำงานมากกว่า ความคุ้มค่าอาจจะต่างกับผู้ใช้งานทั่วไป การเลือกซื้อก็แล้วแต่ความเหมาะสมตามลักษณะการใช้งานของแต่ละคน ชมรีวิว iPhone 11 Pro (Max)
ข้อแนะนำเพิ่มเติม ด้วยดีไซน์ตรงกล้องหลังที่เปลี่ยนไปจาก iPhone XR จึงไม่สามารถใช้งานเคสของ iPhone XR ได้ สามารถรับชมเคสสำหรับ iPhone 11 ได้ที่
- รีวิวเคสใสกันกระแทก Gizmo Fusion สำหรับ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max
- พรีวิวเคสใหม่ เคสเด่นสำหรับ iPhone 11, iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max หลายแบบ ทั้งสวยงามและแข็งแรง
จุดพิจารณาหรือสิ่งที่อยากให้มีใน iPhone 11 [ความเห็นจากทีมงาน]
ความเห็นจากทีมงานเพิ่มเติมเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเป็นจุดพิจารณาหรือจุดที่อยากให้มีใน iPhone 11 ดังนี้
- อยากให้แถมอะแดปเตอร์ 18W ชาร์จเร็วมาพร้อมกล่องด้วย (เหมือนกับ iPhone 11 Pro)
- ภาพถ่ายโหมดบุคคล (Portrait) ที่ถ่ายสิ่งของยังเบลอพื้นหลังไม่เนียนมากนัก (อาจจะมีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ในอนาคต)
- ภาพถ่ายแบบ Ultra Wide ในส่วนขอบๆ รูปภาพยังไม่คมชัดเท่าที่ควร
- อยากให้การเชื่อมต่อเป็นแบบ USB-C เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ง่าย เช่น MacBook, iPad Pro
ราคาและสถานที่จัดจำหน่าย
ราคาของ iPhone 11 อ้างอิงจาก Apple Store เริ่มต้นที่ 24,900 บาท ซึ่งถูกกว่าราคาเปิดตัว iPhone XR ปี 2018 ค่อนข้างมาก และหากซื้อจากทางผู้ให้บริการเครือข่ายแบบติดโปรก็จะได้ส่วนลดเพิ่มขึ้น
- iPhone 11 ความจุ 64GB ราคา 24,900 บาท
- iPhone 11 ความจุ 128GB ราคา 26,900 บาท
- iPhone 11 ความจุ 256GB ราคา 30,900 บาท
สามารถเข้าไปชม iPhone 11 เครื่องจริงและสั่งซื้อได้แล้วตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป ที่ Apple Iconsiam, เครือข่ายผู้ให้บริการและร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อผ่านออนไลน์ Apple Store 🇹🇭 ได้ที่ > http://bit.ly/buyiPhone11
รอติดตามเจาะลึกเรื่องกล้องและฟีเจอร์อื่นๆ ของ iPhone 11 ได้เร็วๆ นี้
รวมคลิปเกี่ยวกับ iPhone 11/ 11 Pro
รีวิวโดย ทีมงาน iPhoneMod.net