เปิดตัวกันไปแล้วสำหรับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ที่หลายคนรอคอย หลักๆ แล้วที่น่าสนใจ คือ กันฝุ่นได้ 100% กันน้ำได้ที่ความลึก 1 เมตร มาพร้อมกับสีดำ 2 สี และมาพร้อมกับกล้องหลังแบบใหม่ จะน่าสนใจขนาดไหนไปชมสรุปกันเลย
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus
Apple เปิดตัว iPhone 7 และ iPhone 7 Plus รายละเอียดส่วนใหญ่เป็นไปตามข่าวลือก่อนหน้านี้ โดย iPhone ขนาด 4.7 นิ้ว ใช้ชื่อ iPhone 7 และขนาด 5.5 นิ้วใช้ชื่อ iPhone 7 Plus โดยมีคุณสมบัติที่น่าสนใจดังนี้
ออกแบบภายนอก
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีรูปร่างลักษณะภายนอกเหมือนกับ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus รุ่นก่อนหน้า โดยในรุ่นใหม่ไม่มีแถบสัญญาณคาดด้านหลัง โดยแถบสัญญาณดังกล่าวย้ายไปรวมกับแถบด้านบนของตัวเครื่อง ทำให้ด้านหลังดูโล่งมีพื้นที่มากขึ้น
iPhone 7 มาพร้อมกับตัวเครื่อง 5 สี คือ สีทอง สีเงิน สีทองชมพู และสีดำ 2 สีใหม่ คือ สีดำ ฺ(Black) และสีดำเงา (Jet Black) โดยสีดำ Jet Black จะเปิดขายในรุ่น 128GB และ 256GB
ปรับปรุงปุ่ม Home ใหม่
ใน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ใช้ปุ่ม Home แบบใหม่ ปรับปรุงคุณสมบัติสัมผัสรองรับแรงกดแบบ 3D Touch การเข้าถึงแอปต่างๆ การเปิดหน้าต่าง Multitasking และ ปุ่ม Home รองรับฟังก์ชั่น Press to unlock ของ iOS10 อีกด้วย
กันฝุ่น – กันน้ำ มาตรฐานแบบ IP67
iPhone 7 จะกันได้ทั้งฝุ่นทั้งน้ำมาตรฐาน IP67 คือ สามารถป้องกันฝุ่นได้ 100% สามารถกันน้ำได้ 30 นาที เมื่ออยู่ในน้ำระดับไม่เกิน 1 เมตร กันเหงื่อได้ กันฝนสาดได้
กล้องหลังแบบใหม่
ถือว่าเป็นการอัปเกรตครั้งใหญ่เรื่องระบบกล้องหลังใน iPhone เหมือนกัน โดย iPhone 7 มีการปรับปรุงเลนส์กล้องหลังให้ใหญ่ขึ้นจากรุ่นเดิม ที่พิเศษคือ iPhone 7 Plus มาพร้อมกับกล้องหลัง 2 ตัว
กล้องหลัง iPhone 7
กล้องหลังรุ่นใหม่มาพร้อมกับระบบกันภาพสั่น มีเซนเซอร์รับแสง True Tone LED Flash กล้องหน้า 7 MP กล้องหลัง 12 MP, ƒ/1.8 เพิ่มคุณสมบัติ ISP ช่วยเพิ่มคุณภาพของรูปภาพ มีความคมชัด และลดสิ่งรบกวนในภาพให้น้อยลงมากที่สุด เพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วในการถ่ายภาพ สามารถถ่ายภาพ RAW ได้
กล้องหลัง iPhone 7 Plus
มีเลนส์กล้องหลัง 2 ตัว ประกอบไปด้วย เลนส์ Wide-Angle และ Telephoto สามารถซูมภาพได้ละเอียดขึ้นเป็นการซูมได้สูง 2 เท่า ใช้ตัวเครื่องไม่ใช่ซอฟต์แวร์ทำให้มีคุณภาพดีกว่าถึง 10 เท่า โดยกล้องหลังสามารถถ่ายภาพคุณภาพสูงระดับ DSLR ได้ เช่น การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ การถ่ายแบบโบเก้
หน้าจอ Retina HD
หน้าจอสว่างกว่ารุ่นเดิม 25% มีระบบจัดการสีใหม่ มาตรฐานเดียวกันกับโรงภาพยนต์ มีระบบจัดการ 3D Touch ได้ดีขึ้นทำให้การแสดงผลของสีมีความคมชัดสดใสมากขึ้นกว่าเดิม
มีลำโพง 2 ตัวแบบ Stereo Speaker
ลำโพงเพิ่มมาอีกหนึ่งข้างจะช่วยเพิ่มเสียงของ iPhone มีความคมชัดและละเอียดสูงขึ้นกว่าเดิมระดับ Stereo
Lightning EarPods
เป็นที่ถกเถียงกันมานานว่าใน iPhone 7 จะมีช่องเสียบหูฟังหรือไม่ สรุปคือถูกตัดออกไป โดย Apple และได้แถมหูฟัง EarPods แบบสาย Lightning พร้อมกับหัวแปลง Lightning เป็น 3.5 มม. มาในกล่อง iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ด้วย
หูฟังแบบไร้สาย
AirPods
หูฟังรุ่นใหม่ Apple AirPods เป็นหูฟังไร้สายตัวแรกของ Apple ลักษณะโดยรวมมีสีขาวบริสุทธิ์ เชื่อมต่อกับ iPhone ผ่าน Bluetooth
สามารถเรียก Siri ผ่านไมค์ได้ มีระบบตัดเสียง มาพร้อมกับชิป W1 เคสสำหรับชาร์ตกับสาย Lightining มีระบบเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิม เชื่อมต่อกับ Apple Watch ได้
ราคาเปิดขายอยู่ที่ : 159$
เปิดขาย : ช่วงท้ายเดือน ตุลาคม 2559
ปรับปรุงประสิทธิภาพใหม่
ใช้ชิป A10
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ใช้ชิปประมวลผล A10 เป็น CPU ความเร็วสูง 4 Core เร็วกว่าชิป A9 ของ iPhone 6s ถึง 40% เร็วกกว่าชิป A8 ถึง 3 เท่า และ GPU รุ่นใหม่เร็วกว่า iPhone รุ่นแรกถึง 240 เท่า ชิปรุ่นใหม่ทำให้ระบบการแสดงผลมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นเป็นอย่างมาก รองรับการเล่นเกมที่มีความต้องการการประมวลผลที่สูงได้
แบตเตอรี่ยาวนานขึ้น
แบตเตอรี่ของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ยาวนานกว่า iPhone 6s และ iPhone 6s Plus 1-2 ชั่วโมง
ความจุเพิ่มขึ้น
สำหรับความจุตัวเครื่องใน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 1 เท่าตัว คือ 32GB 128GB 256GB เพื่อรองรับการดาวน์โหลดและการบันทึกข้อมูลผ่านแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น
iOS10
สำหรับ iOS10 เปิดดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการ วันที่ 13 กันยายน 2559
ราคาและวันจำหน่าย
iPhone 7 (ราคาโดยประมาณ) :
- iPhone 7 32GB —– 649$
- iPhone 7 128GB —– 749$
- iPhone 7 256GB —– 849$
iPhone 7 Plus (ราคาโดยประมาณ) :
- iPhone 7 Plus 32GB —– 769$
- iPhone 7 Plus 128GB —– 869$
- iPhone 7 Plus 256GB —– 969$
เปิดสั่งจองล่วงหน้า (Pre-Order) : วันที่ 9 กันยายน 2559
เปิดขายในกลุ่มประเทศแรก : วันที่ 16 กันยายน 2559
ที่มา – theverge