สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจจะซื้อ iPhone รุ่นใหม่ระหว่าง iPhone 8 กับ iPhone X แต่ยังเลือกไม่ได้ ลองมาชมเหตุผลประกอบการตัดสินใจเพื่อเลือกซื้อ iPhone กัน
iPhone รุ่นใหม่ปี 2017
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา Apple ได้วางขาย iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ในกลุ่มประเทศแรกกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับ iPhone X ยังคงต้องรอวางขายวันที่ 3 พ.ย. (ในกลุ่มประเทศแรก) ซึ่งหลายๆ คนที่ยังลังเลอยู่ว่าจะซื้อรุ่นไหน เราลองมาชมข้อดีและข้อควรพิจารณาของแต่ละรุ่นกัน
iPhone 8
เหตุผลที่ควรเลือกซื้อ iPhone 8
- เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ตัดสินใจซื้อ iPhone 8 ได้ง่าย คงหนีไม่พ้นเรื่องของราคา เริ่มต้นที่ $699 สำหรับขนาด 64GB ซึ่งห่างจาก iPhone 8 Plus $100 และห่างจาก iPhone X ถึง $300 เลยทีเดียว
- แน่นอนว่า iPhone 8 เป็นรุ่นที่เล็กที่สุดในบรรดารุ่นใหม่ แต่ความเล็กของตัวเครื่องไม่ได้ทำให้ความแรงลดลงตาม ด้วยชิพ A11 ที่ใช้ตัวเดียวกับ iPhone X เป็นชิพที่เร็วและทรงพลังที่สุดของ Apple เท่าที่เคยมีมา ซึ่งรองรับการใช้งาน AR ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เรียกได้ว่า “จิ๋วแต่แจ๋ว”
- สำหรับบางคนที่ยังชอบดีไซน์เดิมของ iPhone 7 ที่ยังมีปุ่ม Home และ Touch ID ที่ใช้งานได้สะดวก แต่เพิ่มความสวยงามด้วยวัสดุด้านหลังที่เป็นกระจกดูหรูหราของ iPhone 8 นั้นก็ทำให้น่าสนใจมากขึ้น
- ด้วยฟีเจอร์การทำงานของ iPhone 8 ที่เกือบจะเท่ากับ iPhone X ทั้งหมด ซึ่งน่าจะคุ้มค่าสำหรับใครหลายๆ คน มาดูกันว่าฟีเจอร์เด่นๆ ที่มีเหมือนกันมีอะไรบ้าง
- รองรับการชาร์จแบตเตอรี่ผ่านแท่นชาร์จไร้สาย (Wireless Charging) พร้อมกับระบบ Fast Charge
- กล้องหลังมีความละเอียด 12 เมกะพิกเซลเท่ากัน มีรูรับแสง f/1.8 ถือได้ว่ารูรับแสงกว้างและจับเซ็นเซอร์ได้เร็วกว่า iPhone 7 มีระบบป้องกันภาพสั่นแบบออปติคัลและยังสามารถอัดวิดีโอ 4K ด้วยอัตรา 24, 30 และ 60 เฟรม/วินาที
- หน้าจอการแสดงผลรองรับฟีเจอร์ True Tone ที่ช่วยปรับสีอุณหภูมิและความสว่างของหน้าจอให้เปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมทำให้สบายตามากขึ้น
- iPhone 8 ใช้งานได้สะดวก เพราะมีขนาดกระทัดรัดใช้งานมือเดียวได้ (iPhone X ก็ใช้งานสะดวกเช่นกัน แต่ยังคงต่างกันเรื่องราคาที่แพงกว่า $300)
- iPhone 8 สามารถใช้เคสรุ่นเดียวกับ iPhone 7 ได้
ข้อควรพิจารณาก่อนซื้อ iPhone 8
- iPhone 8 มีกล้องหลังแค่ตัวเดียว ไม่สามารถใช้งานโหมด Portrait (หน้าชัดหลังเบลอ) และ Portrait Lighting ที่สามารถปรับแสดงสีให้สว่างขณะกำลังถ่ายรูป
- ด้วยขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้วและมี Resolution 1334×750 ซึ่งมีขนาดเล็กจึงไม่หมาะกับคนที่ชอบดูวิดีโอใน Youtube หรือดูหนังออนไลน์ ในหน้าจอใหญ่ ๆ
- ขนาดความจุแบตเตอรี่ของ iPhone 8 น้อยที่สุดในบรรดารุ่นที่ออกมาใหม่ ซึ่งคุณอาจจะต้องซื้อ Battery Case เพิ่ม
iPhone 8 Plus
เหตุผลที่ควรซื้อ iPhone 8 Plus
- หลังจากที่มีการทำ Benchmark Geekbench 4 ปรากฎว่า iPhone 8 Plus เป็นสมาร์ทโฟนที่เร็วที่สุดในโลก ได้รับคะแนนสูงถึง 10,472 คะแนน คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งานที่เร็วและไหลลื่น
- มีหน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว เหมาะกับคนที่ชอบดูวิดีโอหรือดูหนังแบบเต็มตาเต็มจอ หน้าจอยังรองรับฟีเจอร์ True Tone ที่ปรับความสว่างตามสภาพแวดล้อมให้สบายตาอีกด้วย การแสดงผลแนวตั้งจะแสดงรูปภาพที่มีอัตราส่วนใหญ่กว่า iPhone X
- iPhone 8 Plus มีฟีเจอร์เด่นๆ เทียบเท่ากับ iPhone X แทบจะทั้งหมด โดยเฉพาะกล้องหลัง 2 ตัวสำหรับถ่ายโหมด Portrait และการปรับรูปภาพด้วยโหมด Portrait Lighting การชาร์จแบตเตอรี่ผ่านแท่นชาร์จไร้สายและรองรับ Fast Charge แต่ราคาต่างกันค่อนข้างเยอะ
- สำหรับคนที่ยังชอบดีไซน์เดิมของ iPhone 7 Plus ที่มีปุ่ม Home และ Touch ID iPhone 8 Plus ก็ยังคงตอบโจทย์ในด้านความสะดวกในการใช้งาน
- iPhone 8 Plus มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานที่สุดในบรรดา iPhone ที่เปิดตัวใหม่ทั้ง 3 รุ่น เพราะชิพ A11 สามารถจัดการพลังงานได้ดีเยี่ยม จึงทำให้แบตเตอรรี่ใช้งานได้ยาวนาน
- iPhone 8 Plus สามารถใช้เคสรุ่นเดียวกับ iPhone 7 Plus ได้
ข้อควรพิจารณาก่อนซื้อ iPhone 8 Plus
- ด้วยความที่เป็น Plus เข้าใจกันว่าเป็นรุ่นใหญ่ มักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่ง เช่น Samsung, LG, Essential หรือแม้กระทั่ง iPhone X ที่เป็นเรือธง ของ Apple เอง ด้วยเหตุผลที่ว่า iPhone 8 Plus ยังคงใหญ่และเทอะทะเกินไป
- iPhone 8 Plus มีขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1080p แต่ยังเป็นหน้าจอ LCD ถึงแม้ว่าสีสันจะสวยอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่สะดุดตาเท่าหน้าจอ OLED ใหม่ของ iPhone X
- iPhone 8 Plus ขนาด 256GB มีราคาสูงเกือบจะเท่า iPhone X (ราคาสูงเกือบ $1,000 เลยทีเดียว)
iPhone X (ไอโฟนเท็น)
เหตุผลที่ต้องซื้อ iPhone X
- Apple ภูมิใจนำเสนอ iPhone X เป็นอย่างมาก สำหรับการออกแบบหน้าจอ OLED ที่มีมุมโค้งสวยไร้ขอบและเต็มจอขนาด 5.8 นิ้วและขอบด้านข้างตัวเครื่องเป็นสแตนเลสที่ดูหรูหรา
- iPhone X มีหน้าจอที่ใหญ่มาก (5.8 นิ้ว) แต่ในทางกลับกันตัวเครื่องมีขนาดที่กระทัดรัด (เครื่องเล็กกว่า iPhone 8 Plus) ใช้งานมือเดียวได้สะดวก
- หน้าจอ OLED มีการปรับความสว่างได้ดีกว่าหน้าจอ LCD ของ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ซึ่งหน้าจอ OLED ยังรองรับการแสดงวิดีโอแบบ HDR อีกด้วย
- มาถึงเรื่องของการสแกนใบหน้าด้วย Face ID ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ iPhone เพราะ Apple ได้พัฒนา Face ID สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อค
- มี Animoji และโหมด Portrait เมื่อถ่ายรูปจากกล้องหน้า (Selfie) เซ็นเซอร์ทุกตัวจะทำหน้าที่จับภาพเพื่อสร้าง Animoji ที่เป็นการ์ตูนล้อเลียนใบหน้าของเรา ในโหมด Portrait ก็สามารถถ่ายภาพ Selfie แบบหน้าชัดหลังเบลอได้อีกด้วย ซึ่งมีเฉพาะใน iPhone X เท่านั้น
- เลนส์ซูมในกล้องหลังคู่ของ iPhone X (f/2.4) มีขนาดรูรับแสงที่กว้างกว่า iPhone 8 Plus (f/2.8) ทำให้การถ่ายภาพโหมด Portrait มีพื้นหลังเบลอมากกว่า
- กล้องหลังของ iPhone X มีระบบป้องกันภาพสั่นทั้งคู่ทำให้การถ่ายภาพในที่มืดชัดขึ้นและได้ภาพสวย แต่ iPhone 8 Plus มีระบบป้องกันภาพสั่นในกล้องหลังเพียงตัวเดียว
ข้อควรพิจารณาก่อนซื้อ iPhone X
- มีราคาแพงที่สุดในบรรดา iPhone ทุกรุ่น
- ไม่มีปุ่ม Home และ Touch ID การปลดล็อกหน้าจอต้องสแกนใบหน้า (Face ID) ทุกครั้ง สำหรับบางคนอาจจะไม่สะดวก
- การกลับไปยังหน้า Home หรือเปิดแอปแบบ Multitasking อาจจะทำได้ยากกว่าการกดปุ่ม Home แบบเดิม ซึ่งผู้ใช้ใหม่อาจจะยังไม่ชิน
- ส่วนของ Indicator Bar ด้านบนของหน้าจอที่มีกล้องหน้าและเซ็นเซอร์ฝังอยู่ทำให้บดบังการแสดงผลของหน้าจอในแนวนอน เช่น เวลาดูวิดีโอแบบ Full Screen การเล่นเกมส์ อาจจะทำให้รู้สึกว่าแสดงผลได้ไม่เต็มที่
- การใช้บริการ AppleCare อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่ารุ่นอื่นๆ
- iPhone X เปิดวางจำหน่ายค่อนข้างช้า ประมาณเดือนพฤศจิกายน
iPhone ใหม่ทั้ง 3 รุ่นมีอะไรที่เหมือนกันบ้าง
- ใช้หน่วยประมวลผลชิพ A11 Bionic ที่มีความเร็วและแรง
- กล้องหลักด้านหลังมีความละเอียด 12 เมกะพิกเซลเท่ากัน
- กล้องหน้ามีความละเอียด 7 เมกะพิกเซลเท่ากัน
- บันทึก Video 4K ด้วยอัตรา 60fps, 30fps และ 24fps ความละเอียด 1080p โหมด Slo-Mo 240fps
- ชาร์จด้วยแท่นชาร์จไร้สาย (Wireless Charging) ใช้ร่วมกับแท่นชาร์จ Qi
- ด้านหน้าและด้านหลังของตัวเครื่องประกอบด้วยวัสดุกระจกที่แข็งที่สุดในบรรดา Smartphone
- ใช้มาตรฐานการกันน้ำและกันฝุ่น IP67 (Water and Dust Resistant)
- ความสว่างของหน้าจอปรับได้สว่างสุดเท่ากัน
- ใช้งาน 3D Touch ได้เหมือนกัน
- รองรับระบบชาร์จแบตเตอรี่เร็ว
- มีหน่วยความจำให้เลือก 64GB และ 256GB ทุกรุ่น
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลของ iPhone ที่เปิดตัวใหม่ อาจจะช่วยให้ตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น ทุกรุ่นมีข้อดีและข้อเสียต่างกันขึ้นอยู่กับว่าเราชอบแบบไหนและรุ่นไหนคุ้มค่ากับการใช้งานของเรามากที่สุดก็ลองพิจารณากันดูนะคะ
ขอบคุณ Theverge.com