แนะนำก่อนซื้อ iPhone SE 3 มีจุดเด่นอะไร ? ดีอย่างไร ? จะเหมาะกับใครบ้าง ?
iPhone SE 3 มาพร้อมสโลแกนจาก Apple ที่บอกว่า “รักทั้งความแรง รักทั้งความคุ้มค่า”
จุดเด่นของ iPhone SE 3
- ชิปประมวลผล A15 Bionic เหมือนใน iPhone 13 Series
(คะแนนประสิทธิภาพ Geekbench ใกล้เคียง iPhone 13) - ซึ่งชิป A15 Bionic นั้นจะช่วยเพิ่มความสามารถของ iPhone SE รุ่นที่ 3 ในหลายด้านๆ จุดเด่นเลยคือการใช้ Hardware กล้องตัวเดิม แต่เพิ่มความสามารถการถ่ายได้มากขึ้น
(สไตล์ภาพถ่าย, Smart HDR 4 , เทคโนโลยี Deep fusion ที่ช่วยให้คุณภาพและรายละเอียดการถ่ายภาพได้ดีขึ้น) - แบตเตอรี่ ที่ใช้งานได้นานขึ้น จากรุ่นก่อนหน้า เนื่องจากการประมวลผลการใช้งานที่ดีขึ้นจากชิป A15
- รองรับ fast charge เมื่อเสียบอแดปเตอร์ มากกว่า 20 วัตต์
(สามารถชาร์จจาก 0 – 50% ได้ใน 30 นาที) - รองรับสัญญาณ 5G
- ขนาดกะทัดรัด พกพาได้สบายกระเป๋า
ผลสำรวจผู้ใช้ iPhone ในสหรัฐฯ จาก SellCell พบว่า
อันดับแรก ผู้ใช้ส่วนใหญ่ สนใจซื้อให้ตัวเองเป็นเครื่องหลัก รองลงมา คือการซื้อให้ ลูก หลาน หรือ คนในครอบครัว อีกทั้งยังเลือกซื้อไว้ใช้เป็นเครื่องสมาร์ทโฟนสำรองอีกด้วย
โดยเหตุผลของการตัดสินใจซื้อ จากผลสำรวจนี้ เป็นในส่วนของ
- ราคา
- รองรับสัญญาณ 5g
- ปุ่มโฮม พร้อม Touch ID ขนาดที่กะทัดรัด พกพาได้ง่าย
iPhone SE 3 เหมาะกับใคร ?
คนที่อยากอัพเกรดมือถือใหม่
เช่น คนที่กำลังใช้ iPhone 6s, iPhone 7, iPhone 8, iPhone SE รุ่นที่ 2 ที่ต้องการอัพเกรดสเปกมือถือของตนเอง ยังคงคุ้นเคยและอยากใช้งานปุ่มโฮม ที่มี Tourch ID พร้อมได้ความคุ้มค่าของชิป A15 Bionic
คนที่ต้องการเริ่มต้นใช้ iPhone
โดยเริ่มต้นจากการใช้งบที่ไม่สูงมากนัก แต่ไม่สมาร์ทโฟนที่มีความลื่นไหล และสเปกการใช้งานเทียบเท่า iPhone 13 รุ่นล่าสุดจากทาง Apple
คนที่กำลังมองหาของขวัญชิ้นพิเศษ ให้คนในครอบครัว
Apple มีฟีเจอร์ Family Set up ที่สามารถแชร์ข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสุขภาพ ตำแหน่งที่ตั้งของบุคคลต่างๆ ช่วยให้สามารถดูข้อมูลสำคัญๆได้
คนที่ต้องการมือถือเครื่องสำรอง
เพื่อการใช้งานเพิ่มเติม นอกเหนือจากเครื่องหลัก และเน้นการพกพาที่สะดวกสบาย พกพาได้ง่าย
iPhone SE 3 มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี (มิดไนท์, สตาร์ไลท์ และ Product RED)
ซึ่งจะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าวันที่ 18 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 9.00 เป็นต้นไป และเริ่มวางจำหน่าย วันที่ 25 มีนาคม
ในราคาเริ่มต้น 15,900 บาท