in , , ,

รีวิว iPhone SE รุ่นที่ 3 ดีไซน์เดิม, ชิป A15, รองรับ 5G เริ่มต้น ฿15,900

iPhone SE รุ่นที่ 3 เป็น iPhone รุ่นแรกที่เผยโฉมประจำปี 2565 นี้ ถึงแม้รุ่นนี้จะยังใช้ดีไซน์เดิม แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงด้านสเปคใช้งานมากมาย เช่น ชิป A15 Bionic รวมถึงการรองรับ 5G ทำให้ iPhone SE รุ่นที่ 3 เป็น iPhone ไซส์เล็กที่น่าสนใจมาก ชมรีวิวกันได้เลย 

iPhone SE รุ่นที่ 3

Apple เปิดตัว iPhone SE รุ่นที่ 3 ในงาน Event “Peek performance” ช่วงต้นเดือน มี.ค. 65 โดยถือว่าเป็น iPhone ที่ยังคงคอนเซ็ปของ iPhone SE เอาไว้อยู่ คือ ร่างเก่าแต่ประสิทธิภาพใหม่

ความเป็น “iPhone SE”

ก่อนที่เราจะไปชมรีวิว iPhone SE รุ่นที่ 3 มาย้อนรอยกันก่อนว่า iPhone SE มีกี่รุ่น และแต่ละรุ่นเปิดตัวตอนไหน สเปคเป็นอย่างไรบ้าง

iPhone SE รุ่นที่ 1

iPhone SE รุ่นที่ 1 เปิดตัวในเดือน มี.ค. ปี 2016 โดยใช้ดีไซน์เครื่องเดียวกันกับ iPhone 5s แต่สเปคนั้นเทียบเท่า iPhone 6s เลยทีเดียว (หน้าจอ 4 นิ้ว,ชิป A9, กล้อง 12MP, ถ่ายวีดีโอ 4K ได้) ราคาเริ่มต้น 16,800 บาท

iPhone SE รุ่นที่ 2

iPhone SE รุ่นที่ 2 เปิดตัวในเดือน เม.ษ. ปี 2020 ซึ่งใช้ดีไซน์ของ iPhone 8 (หน้าจอ 4.7 นิ้ว,ชิป A13 Bionic, กล้อง 12MP, ถ่ายวีดีโอ 4K ได้) ราคาเริ่มต้น 14,900 บาท 

*ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มี Apple จำหน่าย iPhone ราคาเข้าถึงง่าย ในราคาที่ต่ำกว่า 15,000 บาท*

iPhone SE รุ่นที่ 3

iPhone SE รุ่นที่ 3 เปิดตัวในงาน App Event Peek performance เมื่อเดือน มี.ค. 2022 (ห่างจากรุ่นแรก 5 ปี และ ห่างจากรุ่นล่าสุด 1 ปี) โดยใช้ดีไซน์เหมือนเดิมกับ iPhone SE รุ่นที่ 2 (หน้าจอ 4.7 นิ้ว, กล้อง 12 MP, ถ่ายวีดีโอ 4K ได้) และใช้การยืนยันตัวตนแบบ Touch ID

แต่อัปเกรดสเปกให้สูงขึ้นด้วย ชิป A15 Bionic (ชิปล่าสุดที่ใช้ใน iPhone 13 Series) ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานนั้นดีขึ้น และเพิ่มเติมฟีเจอร์การถ่ายรูปเข้ามามากยิ่งขึ้น ในราคาเริ่มต้น 15,900 บาท

รีวิว iPhone SE รุ่นที่ 3

ไฮไลท์

  • ชิป A15 Bionic
  • หน้าจอ Retina HD ขนาด 4.7″
  • มีปุ่มโฮม และ Touch ID (สแกนนิ้ว)
  • รองรับ 5G
  • RAM 4GB
  • ฟีเจอร์การถ่ายใหม่ ๆ (สไตล์ภาพถ่าย, Deep Fusion, Smart HDR4)
  • แบตเตอรี่อึดขึ้นกว่ารุ่นก่อน (2,018 mAh)
  • ราคาเริ่มต้น 15,900 บาท
  • 3 ความจุ (64GB,128GB, 256GB)
  • สี มิดไนท์, สตาร์ไลท์, แดง (PRODUCT) RED

แกะกล่อง

iPhone SE รุ่น 3 รุ่นที่เราได้รีวิวนี้เป็นรุ่นสีสตาร์ไลท์ โดยตัวกล่องของ iPhone SE รุ่น 3 นั้นยังเป็นกล่องแบบบางเหมือนเดิม และไม่มีพลาสติกหุ้มกล่อง เหมือนกันกับ iPhone 13 Series ซึ่งใช้ใช้การ ปิดผนึกกล่องเป็นแถบซีล จำนวน 2 จุด (บริเวณหลังกล่องทั้งด้านบนและด้านล่าง)

อุปกรณ์ภายในกล่องก็ประกอบไปด้วย ตัวเครื่อง, สาย USB-C to Lightning ไม่มีหัวชาร์จและหูฟัง ตามนโยบายรักษ์โลกของ Apple

อุปกรณ์ในกล่อง

  • iPhone SE รุ่นที่ 3
  • สาย USB-C to Lightning
  • เอกสารแนะนำการใช้งาน
  • เข็มจิ้มซิม
  • สติ๊กเกอร์ Apple

ดีไซน์

iPhone SE รุ่นที่ 3 การดีไซน์ยังเหมือนกับ iPhone SE รุ่นที่ 2 และ iPhone 8 อยู่ โดยใช้หน้าจอ Retina HD ขนาด 4.7 นิ้ว ตัวเครื่องเป็นแบบขอบมน ขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาได้ง่าย สามารถใช้งานได้มือเดียวแบบพอดีมือ

วัสดุด้านหน้า-ด้านหลังใช้แบบกระจก ส่วนขอบข้างใช้อะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ

iPhone SE รุ่นที่ 3 ยังคงมีปุ่มโฮมและ Touch ID (สแกนนิ้ว) เหมือนเดิม

ด้านการเรียกใช้ Control Center และดูการแจ้งเตือนยังคงรูปแบบเดิม คือ ปัดขึ้นใช้งาน Control Center,ปัดลงเพื่อดูรายการแจ้งเตือน

iPhone SE รุ่น 3 มีทั้งหมด 3 สีให้เลือก : สีมิดไนท์, สีสตาร์ไลท์, สีแดง (PRODUCT)RED

หน้าจอ

iPhone SE รุ่นที่ 3 ใช้หน้าจอ Retina HD 4.7 นิ้ว หากนำเทียบกับสมาร์ตโฟนในยุคปัจจุบันแล้ว อาจดูมีขนาดเล็ก แต่เมื่อได้ลองใช้งานจริง ได้ความรู้สึกทะมัดทะแมงในการจับตัวเครื่อง และขนาดหน้าจอไม่ได้เล็กเกินไป จนทำให้ต้องเพ่งสายตาเข้าหาจอมาก

iPhone SE รุ่นที่ 3 สามารถเปิดกราฟิกสูงสุดของเกมต่าง ๆ ได้ ด้วยประสิทธิภาพของชิป A15 Bionic ทำให้การเล่นเกมนั้นลื่นไหล และตอบสนองต่อการกดได้เป็นอย่างดี ผิดคาดจากขนาดของตัวเครื่องที่เล็ก แต่สามารถเล่นเกมได้เพลิดเพลินในระดับนึงเลยทีเดียว

คำบรรยายมีขนาดค่อนข้างเล็กหากถือไกลตัวอาจต้องเพ่งสายตา จากการทดสอบในแอปพลิเคชัน (Netflix, Youtube, Disney+ Hotstar) ทำให้การดูภาพยนตร์ที่มีคำบรรยาย อาจต้องขยับตัวเครื่องเข้ามาใกล้ดวงตามากขึ้นจากการเล่น Social Media ทั่วไป

การเล่นโทรศัพท์กลางแจ้ง (ความสว่างหน้าจอ 625 นิต ของ iPhone SE 3) สามารถอ่านข้อความได้ชัดเจน แต่มีข้อสังเกตุตรงหน้าจอ Retina HD ที่มีการสะท้อนแสงกระทบกับตัวจอ ทำให้ต้องหามุม หรือขยับตัวเครื่องให้แสงภายนอกไม่สะท้อนลงบนจอ

คะแนนประสิทธิภาพ (Geekbench 5)

ด้วยประสิทธิภาพของชิป A15 ทำให้ คะแนนจาก Geekbench ของ iPhone SE รุ่นที่ 3 มากกว่า iPhone SE รุ่นที่ 2 อย่างเห็นได้ชัด

 

การถ่ายภาพและวิดีโอ

สเปคกล้อง iPhone SE รุ่นที่ 3

  • กล้องหน้า : Face Time HD,ความละเอียด 7MP, ƒ/2.2, Retina Flash
  • กล้องหลัง : กล้องเดี่ยว Wide ความละเอียด 12MP, ƒ/1.8, ซูม Digital 5 เท่า, ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล

iPhone SE รุ่นที่ 3 มาพร้อมชิป A15 Bionic ที่มี Nueral Engine 16-core ทำให้ AI ประมวลผลได้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เก็บรายละเอียดของการถ่ายภาพได้มากขึ้น ด้วยฟีเจอร์ที่มีมาเพิ่มเติม (เฉพาะใน iPhone รุ่นชิป A15 Bionic) ทำให้การปรับแต่งการถ่ายรูปและวีดีโอทำได้สนุกขึ้นไปอีกด้วย

ฟีเจอร์กล้องที่ iPhone SE รุ่นที่ 3 มีเพิ่มเติมจากรุ่นก่อนหน้า

  • Deep Fusion
  • Smart HDR4
  • สไตล์ภาพถ่าย
  • Live Text ใน iOS 15

Deep Fusion : Deep Fusion ใช้การเรียนรู้ของระบบขั้นสูงในการปรับแต่งรายละเอียด องค์ประกอบ และนอยซ์ในทุกส่วนของรูปภาพ

Smart HDR4 : ใช้การแบ่งส่วนภาพที่ชาญฉลาดในการปรับแต่งสี คอนทราสต์ และนอยซ์ที่แตกต่างกันระหว่างตัวแบบและฉากหลัง

สไตล์ภาพถ่าย :

Live Text ใน iOS 15 :

เปรียบเทียบกล้อง

เปรียบเทียบภาพถ่ายจากกล้อง iPhone SE รุ่นที่ 3 กับ iPhone SE รุ่นที่ 2 และ iPhone 11 ดังนี้

การถ่ายภาพแบบใกล้

ซ้าย iPhone SE รุ่นที่ 2 | กลาง iPhone SE รุ่นที่ 2 | ขวา iPhone 11

การถ่ายรูปย้อนแสง

ซ้าย iPhone SE รุ่นที่ 2 | กลาง iPhone SE รุ่นที่ 2 | ขวา iPhone 11

การถ่ายภาพ Portrait ด้วยกล้องหน้า

ซ้าย iPhone SE รุ่นที่ 2 | กลาง iPhone SE รุ่นที่ 2 | ขวา iPhone 11

การถ่ายภาพ ซูมดิจิทัล 5 เท่า ด้วยกล้องหลัง

ซ้าย iPhone SE รุ่นที่ 2 | กลาง iPhone SE รุ่นที่ 2 | ขวา iPhone 11

การถ่ายภาพ แสงน้อย ด้วยกล้องหลัง

ซ้าย iPhone SE รุ่นที่ 2 | กลาง iPhone SE รุ่นที่ 2 | ขวา iPhone 11

การถ่ายภาพ แสงน้อย ด้วยกล้องหน้า

ซ้าย iPhone SE รุ่นที่ 2 | กลาง iPhone SE รุ่นที่ 2 | ขวา iPhone 11

การถ่ายภาพ นอกอาคาร

ซ้าย iPhone SE รุ่นที่ 2 | กลาง iPhone SE รุ่นที่ 2 | ขวา iPhone 11

การถ่ายภาพ ย้อนแสง

ซ้าย iPhone SE รุ่นที่ 2 | กลาง iPhone SE รุ่นที่ 2 | ขวา iPhone 11

การถ่ายภาพ กล้องหลัง

ซ้าย iPhone SE รุ่นที่ 2 | กลาง iPhone SE รุ่นที่ 2 | ขวา iPhone 11

การถ่ายภาพ กล้องหน้า

ซ้าย iPhone SE รุ่นที่ 2 | กลาง iPhone SE รุ่นที่ 2 | ขวา iPhone 11

สไตล์ภาพถ่ายใน iPhone SE รุ่นที่ 3

สไตล์ภาพถ่าย (ความต่างสีระดับสูง, สดใส, สดใสโทนอุ่น, สดใสโทนเย็น)

วิดีโอ

iPhone SE รุ่นที่ 3 สามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 24 fps, 25 fps, 30 fps หรือ 60 fps ที่ระดับ HD 1080p สามารถบันทึก ได้ที่ 25 fps, 30 fps หรือ 60 fps สามารถซูมแบบดิจิทัลได้ สูงสุด 3 เท่า และ รองรับ Quick Take

การรองรับ 5G

iPhone SE รุ่นที่ 3 มาพร้อมการรองรับ 5G ทำให้การเชื่อมต่อแบบ Cellular มีความรวดเร็วมากขึ้น ทั้งการดาวน์โหลดและการอัปโหลด

  • 5G (sub-6 GHz)
  • Wi-Fi 6 (มาตรฐาน 802.11ax)
  • เทคโนโลยีไร้สาย Bluetooth 5.0
  • NFC พร้อมโหมดตัวอ่าน

เวลาใช้งานเพิ่มขึ้น

Apple ระบุในสเปคการใช้งานว่า iPhone SE รุ่นที่ 3 มีเวลาใช้งานเพิ่มขึ้นจาก iPhone SE รุ่นที่ 2 ประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นผลมาจากชิป A15 Bionic ที่ช่วยจัดการพลังงานได้ดี

การชำแหละเครื่องของ YouTuber ยืนยันว่า iPhone SE รุ่นที่ 3 มีแบตความจุมากกว่า iPhone SE รุ่นที่ 2 โดย iPhone SE รุ่นที่ 3 มีความจุแบต 2,018 mAh, iPhone SE รุ่นที่ฟ 2 มีความจุแบต 1,821 mAh

(นอกจากความจุ ที่มากขึ้นแล้ว ยังก็พบเพิ่มว่า iPhone SE รุ่นที่ 3 ใช้ชิปโมเด็ม Snapdragon X57 ซึ่งรายงานเผยว่าอาจเป็นชิปที่ Qualcomm ปรับแต่งให้ Apple โดยเฉพาะ เพราะชื่อชิปรุ่นดังกล่าวไม่มีอยู่ในเว็บไซต์ของ Qualcomm)

การชาร์จ พอร์ตการเชื่อมต่อ

iPhone SE รุ่น 3 ยังใช้ดีไซน์เดิม และก็ยังใช้พอร์ต Lightning Port เช่นเคย, รองรับการชาร์จไร้สายแบบ Qi แต่ยังไม่รองรับ MagSafe เหมือน iPhone รุ่นใหม่ ๆ

(การชาร์จแบบ Qi ที่หากใช้อะแดปเตอร์กำลังสูงกว่า 20W จะทำให้ชาร์จ 0 – 50% ภายในเวลา 30 นาที)

รุ่นและราคาจำหน่าย

iPhone SE รุ่นที่ 3 มีให้เลือก 3 สี คือ สีมิดไนท์, สตาร์ไลท์, แดง (PRODUCT)RED และเปิดขาย 3 ความจุ ดังนี้

  • ความจุ 64GB ราคา ฿15,900
  • ความจุ 128GB ราคา ฿17,900
  • ความจุ 256GB ราคา ฿21,900

การจำหน่าย

iPhone SE รุ่นที่ 3 เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันที่ 18 มี.ค. 65 และจะวางจำหน่ายในวันที่ 25 มี.ค. 65 ทั้งที่เว็บ Apple Store Online ไทย, หน้าร้าน Apple Store ไทย และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

สรุป

iPhone SE รุ่นที่ 3 เป็นสมาร์ตโฟนราคาเริ่มต้น ที่มีประสิทธิภาพสูง ขนาดเล็ก พอดีมือ พกพาง่าย และฟีเจอร์ของกล้องที่ถึงแม้จะมีแค่กล้องเดี่ยว แต่ก็สามารถเก็บรายละเอียดได้ดี โดยมีราคาเริ่มต้นไม่สูงมาก เหมาะสำหรับ

  • คนที่อยากอัพเกรดมือถือใหม่
    เช่น คนที่กำลังใช้ iPhone 6s, iPhone 7, iPhone 8, iPhone SE รุ่นที่ 2 ที่ต้องการอัพเกรดสเปกมือถือของตนเอง ยังคงคุ้นเคยและอยากใช้งานปุ่มโฮม ที่มี Tourch ID พร้อมได้ความคุ้มค่าของชิป A15 Bionic
  • คนที่ต้องการเริ่มต้นใช้ iPhone
    โดยเริ่มต้นจากการใช้งบที่ไม่สูงมากนัก แต่ไม่สมาร์ทโฟนที่มีความลื่นไหล และสเปกการใช้งานเทียบเท่า iPhone 13 รุ่นล่าสุดจากทาง Apple
  • คนที่กำลังมองหาของขวัญชิ้นพิเศษ ให้คนในครอบครัว
    Apple มีฟีเจอร์ Family Set up ที่สามารถแชร์ข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสุขภาพ ตำแหน่งที่ตั้งของบุคคลต่างๆ ช่วยให้สามารถดูข้อมูลสำคัญๆได้
  • คนที่ต้องการมือถือเครื่องสำรอง
    เพื่อการใช้งานเพิ่มเติม นอกเหนือจากเครื่องหลัก และเน้นการพกพาที่สะดวกสบาย พกพาได้ง่าย

สามารถรับชมจุดเด่น iPhone SE 3 มีอะไรใหม่ ดียังไง เหมาะกับใคร ได้ที่

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Keattisak Moonrin