Iphone Good Sell If Cover
in ,

[ความเห็น] ยอดขาย iPhone จะกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง ถ้าหาก Apple ทำแบบนี้

ปี 2018 ย่างมาถึงต้นปี 2019 นั้นเราต่างก็ได้ทราบข่าวเรื่องที่ยอดขายของ iPhone ที่ทำยอดตกลดลงไปมากและไม่เป็นอย่างที่ Apple คาดเอาไว้ โดยทางผู้บริหารของ Apple ก็ออกมายอมรับว่า “ราคา” มีผลกระทบค่อนข้างมาก ซึ่งก็รอดูว่า Apple จะแก้เกมนี้อีกอย่างไร

[ความเห็น] ยอดขาย iPhone จะกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง ถ้าหาก Apple ทำแบบนี้

และในบทความนี้เป็น “มุมมองและความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น” ที่คิดว่า ถ้าหากทำเช่นนี้แล้ว มีความเป็นไปได้ที่ยอดขายของ iPhone จะกลับมาพุ่งอีกครั้ง

1. ลดราคา iPhone

Low Down Iphone Price

เรื่องราคานี่เป็นปัญหาหลัก เราก็ไม่ได้คิดไปเอง (Timcook ก็ออกมายอมรับแล้วว่ามีผลต่อยอดขายจริง) ผมก็เห็นด้วยตั้งแต่วันประกาศบนเวทีตอนเปิดตัว iPhone XS, XS Max และ XR เคยคิดไว้ว่าถ้า iPhone XS Max ออกมาขายเท่าตอน iPhone X ก็คงจะขายได้และดีกว่านี้ แต่นี่บวกเพิ่มมาเยอะทำให้ตัวท็อปสุดราคาเกิน 50,000 บาทไปนั้นก็ยากอยู่ที่ซื้อได้ (หมายถึงคนส่วนใหญ่)

ถ้าทาง Apple ปรับราคาลงอีกสักหน่อยยกตัวอย่างเช่น iPhone XS Max ตัวเริ่มต้นสัก 3 หมื่นต้น ๆ แล้วไปจบที่ 4 หมื่นนิด ๆ ในรุ่นความจุมากสุด ส่วนรุ่นเก่ากว่านั้นอย่าง iPhone 8 ราคาเริ่มต้นสัก 19,000 บาท – 20,000 ต้น ๆ ก็คงจะเป็นอะไรที่น่าจะเข้าถึงกันได้ง่ายและคนที่คิดอยากจะอัปเกรดจากเครื่องเก่าอย่าง iPhone 5, 5C, 5S นั้นก็คงจะทำได้ง่ายขึ้น

2. ปรับดีไซน์ใหม่ให้ต่างจากตระกูล iPhone 6 – X Series

Iphone Xs 2 Design Concept Over All

ดีไซน์ขอบมนของ iPhone นั้นถ้าเรายังจำกันได้ในยุคหลัง ๆ มาเริ่มในสมัย iPhone 6 ที่เปิดตัวตั้งแต่ ก.ย. 2014    ซึ่งนี้ก็ผ่านมา 4 ปีแล้วความขอบมนของ iPhone ก็ยังอยู่แถมใช้ในหลาย ๆ รุ่นด้วย ได้แก่ iPhone 6 – 6 Plus (2014), 6s – 6s Plus (2015), 7 – 7 Plus (2016), 8 – 8 Plus – X (2017) และล่าสุด XS – XS Max – XR (2018) ซึ่งดีไซน์นี้มันค่อนข้างที่จะนานมากที่นำมาใช้งาน ถามว่าผิดไหม? มันก็ไม่ผิดหรอก แต่ความรู้สึกของผู้ใช้นั่นก็จะรู้สึกว่า “รูปทรงเดิมไม่ต่างจากรุ่นเก่ามาก”

ซึ่งไม่เหมือนสมัยที่ iPhone 4, 4S กระโดดมา 5, 5S และก้าวมาสู่ iPhone 6 ซึ่งถ้าหากยังจำกันได้ช่วงที่ iPhone 6 เปิดขายนั้นยอดก็โดดพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็หวังจะได้เห็น Major Change ในด้านดีไซน์ของ iPhone ในทุก ๆ 2 ปี ซึ่งเป็นอีก 1 แรงจูงใจที่จะทำให้ผู้ใช้ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รุ่นใหม่ได้

ในปี 2019 นี้ ก็หวังว่าทาง Apple จะปรับดีไซน์แบบใหม่ซึ่งก็ทำได้แล้วใน iPad Pro 2018 ที่เราได้เห็น และผลการตอบรับก็ดีมากด้วย แม้จะเจอปัญหาเรื่องเครื่องงอง่ายกว่ารุ่นที่ผ่านมาก็ตาม นั่นคือจุดที่ต้องแก้ไขในเรื่องของวัสดุ แต่ถ้านับเฉพาะเรื่องดีไซน์ของรุ่นนี้ก็ทำให้ผู้ใช้หลายคนยอมอัปเกรดมาใช้ iPad Pro รุ่นใหม่ และถ้าทำเช่นนี้กับ iPhone ผลตอบรับก็คงจะดีไม่น้อยเช่นกัน

3. ให้สายชาร์จและอะแดปเตอร์ที่รองรับ Fast Charge

Fast Charging Power Adapter Iphone X Include Opinion

ผมชอบการชาร์จเร็วและดีใจที่ Apple นั้นเพิ่มฟีเจอร์นี้มาให้ (ตั้งแต่สมัย iPhone 8, X ปี 2017) แม้ว่าจะมาช้ากว่าเจ้าอื่นฝั่ง Android อันนั้นก็ไม่ว่ากัน ก็คงเพราะ Apple คิดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วจึงปล่อยออกมากับ iPhone รุ่นใหม่ ๆ แต่สิ่งที่น่าน้อยใจและหัวเสียหน่อย ๆ ก็คือ ทำไมไม่ให้ชุดชาร์จเร็วมาด้วย? ทั้ง ๆ ที่ iPhone เองก็จัดอยู่ในสมาร์ตโฟนระดับพรีเมี่ยมอยู่แล้วและราคาก็ไม่ถูกด้วย

อย่าง iPhone XS, XS Max และ XR ล่าสุด ยิ่งหัวเสียไปใหญ่เลย ระบบ Fast Charge ที่มีประสิทธิภาพของ iPhone แต่ไม่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ออกจากกล่อง (เพราะอุปกรณ์ที่ให้มานั้นสเปคไม่ถึง) ซึ่งหากต้องการชาร์จแบบเต็มประสิทธิภาพของ Fast Charge นั้นต้องซื้อเพิ่มเอาเอง

ปี 2019 นี้ถ้า Apple ให้ชุดชาร์จที่สมบูรณ์แบบเช่น อะแดปเตอร์ USB-C แบบ 18W ที่ให้มาใน iPad Pro 2018 และสาย USB-C to Lightning ก็คงจะเป็นอะไรที่เหมาะสมมาก ๆ อีกทั้งยังช่วยผลักดันให้ผู้ใช้งานนั้นหันมาใช้ USB-C มากยิ่งขึ้น ที่ได้ประโยชน์ทั้งในแง่การชาร์จเร็ว, การถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็ว อีกด้วย

4. เพิ่มแบตเตอรี่ให้มากขึ้น

Iphone Xr Battery Img 1
Image: iFixit

iPhone มีระบบการจัดการพลังงานที่ดีเยี่ยมโดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ส่งผลให้ระยะเวลาการใช้งานนั้นทำได้นานมากขึ้นในเครื่องรุ่นใหม่ ๆ แม้ว่าความจุของแบตเตอรี่จะไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก อีกทั้งประสิทธิภาพการประมวลผลที่เร็วขึ้นหลายเท่าแต่ว่ายังรักษามาตรฐานของการใช้พลังของ iPhone ได้อย่างเต็มวัน ถ้าหากใช้งานปกติทั่วไปที่ไม่หนักอะไร iPhone จัดได้ว่าเหมาะสมสำหรับการใช้งานใน 1 วัน

แต่สำหรับผู้ใช้ที่ใช้งานค่อนข้างมากที่หนักออกไปทาง Multimedia อย่างเช่น การถ่ายภาพ, ถ่ายวิดีโอ หรือใช้สำหรับการรายงานข่าวนอกสถานที่จะพบว่าแบตเตอรี่ของ iPhone นั้นยังไม่เพียงพอสักเท่าไหร่ดังนั้นต้องมีการพกแบตสำรองหรือไม่ก็ต้องชาร์จระหว่างวันด้วย ทั้งนี้หากทาง Apple เพิ่มจำนวนแบตเตอรี่ให้จุมากขึ้นอีกสัก 30-50% ก็จะช่วยให้ผู้ใช้งานที่กังวลว่าแบตเตอรี่ iPhone น้อยนั้นได้หันมามอง iPhone มากขึ้น

5. ทำกล้องหน้าให้มีความละเอียดและมุมกว้างมากยิ่งขึ้น

Iphone Xs 2 Concept Camera

กล้องหน้า iPhone นั้นแม้ในรุ่นหลัง ๆ จะมีการพัฒนามากกว่ารุ่นก่อนหน้าแต่ทว่ายังไม่เป็นที่ดีเท่าที่ควรจะเป็นนัก เหตุผลหลัก ๆ คือ ความละเอียดของกล้องน่าจะทำได้ดีกว่านี้ซึ่งไม่น่าจะใช่เรื่องยากถ้าหาก Apple จะทำ, เรื่องของการถ่ายในที่แสงน้อยยังดีไม่เท่าที่ควรถ้าสามารถให้ได้ใกล้เคียงกับกล้องหลังจะดีมาก และความกว้างของเลนส์นั้นให้มาน้อยจนเกินไป อย่าลืมว่าผู้ใช้ชอบการเซลฟี่และ iPhone ก็สมาร์ตโฟนยอดฮิตสำหรับการเซลฟี่ ซึ่งบางทีเราก็ไม่ได้เน้นสายบิวตี้อะไรมากหรอก แต่ถ้าถ่ายกับเพื่อน ๆ เวลาที่ได้เจอกันก็อยากได้ถ่ายให้ครบทุกคนหน่อย จุดนี้มองว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างง่ายที่จะปรับปรุงและมันเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้เลือกซื้อ iPhone มาคู่กาย

6. นำ Touch ID กลับมาแต่อยู่ในรูปแบบใหม่

Touch Id Under Screen
Image: YouTube iDeviceHelp

Touch ID ที่ถูกใช้รุ่นแรกใน iPhone 5S และรุ่นสุดท้ายคือ iPhone 8, 8 Plus และถูกแทนที่ด้วย Face ID ใน iPhone X ปี 2017 เป็นต้นมาและล่าสุดใน iPhone ปี 2018 อย่าง iPhone XS, XS Max และ XR นั้นก็ไม่มีการใช้งาน Touch ID แต่อย่างใด

ถามว่า Face ID มันสะดวกไหม? ก็ตอบว่ามันสะดวกแหละเทียบกับ Touch ID ซึ่งมันก็สะดวกทั้ง 2 แบบและใช้งานในสถานการณ์ที่ต่างกัน Face ID ดีในกรณีที่มือเลอะแล้วสแกนนิ้วไม่ได้หรือการใช้งานในเมืองที่หนาวและต้องใส่ถุงมือ ซึ่งมันกตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ แต่ก็อย่าลืมว่าหลาย ๆ กรณีนั้นไม่สามารถปลดล็อคด้วยใบหน้าด้วย เช่น การวสวมหน้ากากอนามัยที่ฮิตกันอยู่ ณ ตอนนี้ซึ่ง Touch ID ก็ตอบโจทย์ได้ดีกว่า

ดังนั้น ถ้าหาก Apple สามารถนำ Touch ID กลับมาบน iPhone ได้อีกครั้งซึ่งอาจจะมาในรูปแบบฝั่งใต้จอก็จะช่วยเพิ่มทางเลือกสำหรับผู้ใช้ได้ดีมากยิ่งขึ้น

7. เพิ่มพื้นที่ iCloud ให้มากกว่าเดิม

Icloud Storage Option

ณ ตอนนี้ทุก ๆ Apple ID จะสามารถใช้พื้นที่ iCloud ฟรีได้ 5GB ซึ่งเพียงพอสำหรับการเก็บรายชื่อผู้ติดต่อ ไฟล์เอกสารหรือรูปถ่ายอีกนิดหน่อย ซึ่งหากเปิดใช้ฟีเจอร์ iCloud Photo Library หละก็พื้นที่ฟรี 5GB เหล่านั้นจะเต็มภายในพริบตา

จะดีกว่ามากถ้า Apple ให้พื้นที่ iCloud เพิ่มขึ้น เช่น 15-50GB ถ้าคิดเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายต่อปีสำหรับพื้นที่ 50GB ก็แค่ 420 บาท (35×12 เดือน) ซึ่งถือเป็นต้นฐานที่น้อยมาก ๆ เมื่อคิดจากกำไรส่วนต่างของ iPhone ที่ขาย

การเพิ่มพื้นที่ iCloud ให้มากขึ้นนั้นนอกจากผู้ใช้งานจะได้ประโยชน์มากขึ้นแล้วทาง Apple ก็จะสามารถดึงดูดลูกค้าเก่าเอาไว้แบบเหนียวแน่นมากยิ่งขึ้น เพราะถ้าข้อมูลที่ลูกค้าผูกติดไว้กับ iCloud ของ Apple มากเท่าไหร่ การที่จะย้ายไประบบอื่นก็จะมีความยากและขี้เกียจย้ายนั่นเอง

8. ใช้พอร์ต USB-C แทน Lightning

Iphone 11 Concept
Image : YouTube Concept Creator

พอร์ต Lightning ถูกใช้งานครั้งแรกใน iPhone 5 (เปิดตัว 14 ก.ย. 2012) และยังคงถูกใช้งานมาจนถึงปัจจุบันใน iPhone XS, XR (เปิดตัว 12 ก.ย. 2018) หากมองดูพอร์ต USB-C นั้น Apple นำมาใช้งานจริงจังใน MacBook Pro (2016) และตอกย้ำมากขึ้นเมื่อใช้กับ iPad Pro รุ่นที่ 3 (เปิดตัว 30 พ.ย. 2018) ทำให้ผู้ใช้งานเริ่มเห็นประโยชน์ที่แท้จริงของ USB-C นั้นเป็นอย่างไร

ถ้านำ USB-C มาใช้ใน iPhone แน่นอนว่า ความเร็วในการชาร์จไฟจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นแน่นอน (สเปกของ USB-C รองรับกำลังไฟถึง 100W(20V/5A)) ซึ่งเราได้เห็นไปแล้วใน iPad Pro 2018 ที่สามารถชาร์จไฟได้สูงสุด 27W ซึ่งมากกว่า iPhone XS ที่ชาร์จได้มากสุดเพียง 17W ดั้งนั้นผลที่ตามมาคือการชาร์จในเวลาอันสั้นก็จะทำให้แบตเตอรี่ iPhone เต็มได้เร็วมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมองถึงเรื่องการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมและอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ ซึ่ง USB-C นั้นสามารถทำงานได้หลากหลายเพียงพอร์ตเดียว เช่น การส่งภาพออกไปยังหน้าจอมอนิเตอร์หรือโปรเจกเตอร์, การแปลงพอร์ต USB-C ให้เป็นพอร์ตอื่น ๆ ก็สามารถทำได้ง่ายและหลากหลายมากขึ้น หรือแม้แต่การเชื่อมต่อกับกล้องถ่ายภาพแล้วโอนถ่ายข้อมูลเข้ายังตัวเครื่องได้โดยตรงก็ยังทำได้เลย

หาก Apple นำ USB-C มาใส่ใน iPhone รุ่นต่อไป ก็จะยิ่งผลักดันให้ผู้ใช้(รวมค่ายอื่น ๆ ด้วย) ตระหนักถึงประโยชน์ของ USB-C มากยิ่งขึ้นและแน่นอนว่าอุปกรณ์ไอทีใหม่ ๆ ก็จะหันมาใช้พอร์ตนี้ให้มากขึ้นกว่าปัจจุบันเช่นกัน

สรุป

Iphone Xs 2 Concept Design Front
Image: YouTube Concept Creator

นี่เป็นเพียงความเห็นจากผู้เขียนเท่านั้นซึ่งมองว่าหากมีการปรับจุดหลัก ๆ ส่วนนี้แล้วน่าจะช่วยให้ยอดขายของ iPhone กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ซึ่งถ้าง่ายสุดที่ทุกคนจะคิดเหมือน ๆ กันก็คือเรื่อง “ราคา” ที่จะมีผลอย่างมาก หากเพียงปรับให้มาอยู่ในจุดที่สมดุลแล้วเชื่อว่าความเป็น iPhone ของ Apple ที่มีจุดเด่นในเรื่องการทำงานร่วมกันของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ลงตัว การใช้งานที่ง่ายเหมาะกับทุกวัยพร้อมการให้บริการหลังการขายที่ดีเยี่ยมยากที่หลาย ๆ แบรนด์จะตามได้ทัน และบริการต่าง ๆ ที่ Apple ได้เตรียมไว้ให้ผู้ใช้อย่าง iCloud, Apple Music, iTunes, App Store ฯลฯ ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ Apple อยู่ได้อย่างยั่งยืนโดยไม่พึงเฉพาะการขายตัวเครื่องฮาร์ดแวร์เท่านั้น

บทวิเคราะห์โดย อรรถพล ทะแพงพันธ์ (แอดมินต้อม) iMoD

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Attapon Thaphaengphan

ศิษย์เก่าวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ม. ขอนแก่น ผู้ก่อตั้ง iPhoneMod.net ตั้งแต่ปี 2009
อดีต Dell Technical Support รู้จัก ​Apple เพราะ Macbook Pro และใช้ iPhone ตั้งแต่รุ่น 3G จนถึงปัจจุบัน