รีวิว iPhone 13 mini ชิปใหม่ พกพาง่าย กล้องดี (กว่าเดิม) คุณสมบัติต่าง ๆ ไม่แพ้รุ่นโปร!

โดย Nooknick Yanika 15/10/2021, 16:13 26.8K Views

iPhone 13 mini มาพร้อมสีใหม่ ถึงตัวจะเล็กแต่มาพร้อมชิปตัวใหม่สุดและแรงสุด มีการอัปเกรดกล้อง ถ่ายรูปและวิดีโอสวย คุณสมบัติหลายอย่างไม่แพ้รุ่นโปร

รีวิว iPhone 13 mini หลังใช้งานจริง

เอาใจคนชอบมือถือเครื่องเล็ก ชอบพกพา แต่สเปกแรง กับรีวิวหลังใช้งานจริงของ iPhone 13 mini มีอะไรน่าสนใจบ้าง มาดูกันเลย

กล่อง iPhone 13 mini

กล่องของ iPhone 13 mini และ iPhone 13 รุ่นอื่น ๆ จะไม่มีพลาสติกหุ้มกล่องมาให้เหมือนกล่อง iPhone รุ่นก่อน ๆ แต่จะใช้การปิดผนึกกล่องเป็นแถบซีลปิดบริเวณหลังกล่องทั้งด้านบนและด้านล่างแทน

อุปกรณ์ในกล่อง

iPhone 13 mini
สาย USB-C to Lightning
เอกสารแนะนำการใช้งาน
เข็มจิ้มซิม
สติ๊กเกอร์ Apple

ดีไซน์ของ iPhone 13 mini

ดีไซน์ตัวเครื่องของ iPhone 13 mini นั้นยังคงคล้ายกับ iPhone 12 mini โดยมีขนาดหน้าจอ 5.4 นิ้วเท่ากัน ตัวเครื่องเป็นขอบเหลี่ยม ด้านหลังเป็นกระจก ส่วนขอบของตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียม

สิ่งที่เปลี่ยนไปคือสีของตัวเครื่อง โดยครั้งนี้ iPhone 13 mini มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีตาร์ไลท์, มิดไนท์, น้ำเงิน, ชมพู และแดง Product RED

รอยบากของ iPhone 13 mini เล็กลง 20% (เมื่อเทียบกับรอยบากของ iPhone 12 mini) ซึ่งเกิดจากการย้ายตำแหน่งลำโพงสนทนาไปไว้ด้านบนสุดติดกับขอบจอ

ส่วนกระจกหน้าจอนั้นยังคงแข็งแรงเช่นเดิมเพราะเป็นกระจกหน้าจอแบบ Ceramic Shield

จอภาพและการแสดงผล

จอภาพของ iPhone 13 mini เป็นจอภาพ Super Retina XDR หรือจอภาพ OLED ที่มีขนาดหน้าจอแสดงผลแนวทแยงอยู่ที่ 5.4 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซลที่ 476 ppi

ถึงแม้ว่า iPhone 13 mini จะเป็น iPhone 13 รุ่นจอเล็กสุดในรุ่น แต่การแสดงผลถือว่าไม่ได้เล็กเลย ดูหนังได้ เล่นเกมได้ ใครที่ชอบ iPhone จอเล็ก หรือเคยใช้ iPhone จอเล็กมา รับรองว่าถูกใจแน่นอน

ชิป

iPhone 13 mini ใช้ชิป A15 Bionic ซึ่งเป็นชิปใหม่และแรงที่สุดสำหรับ iPhone มาพร้อม CPU แบบ 6‑core ซึ่งมีคอร์ด้านประสิทธิภาพ 2 คอร์ และคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 4 คอร์ มี GPU แบบ 4‑core ใหม่ และ Neural Engine แบบ 16‑core

ชิป A15 Bionic ที่อยู่ใน iPhone 13 mini ให้ประสิทธิภาพการประมวลผลและการทำงานที่เร็ว ไม่ว่าจะเล่นเกม หรือเล่นแอปต่าง ๆ รับรองว่าเครื่องไม่อืดหรือสะดุดแน่นอน

กล้องหลัง

ดีไซน์กล้องด้านหลังของ iPhone 13 mini มีการเปลี่ยนแปลงการวางกล้องจากแนวตรงเป็นแนวทะแยง

เพราะ iPhone 13 mini ได้รับการอัปเกรดกล้องให้ดีขึ้นทำให้มีขนาดเลนส์กล้องที่ใหญ่กว่าขนาดเลนส์กล้องของ iPhone 12 mini

iPhone 13 mini มาพร้อมกล้องหลังแบบคู่ ความละเอียด 12MP ซึ่งเป็นกล้องไวด์และกล้องอัลตร้าไวด์ โดยกล้องทั้งสองมีรูรับแสงที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ได้ภาพที่มีสีสันและแสงสวยงามกว่าเดิม

ไวด์: รูรับแสงขนาด ƒ/1.6
อัลตร้าไวด์: รูรับแสงขนาด ƒ/2.4 และมุมมองภาพ 120°

กล้องหลังเลนส์อัลตร้าไวด์ถ่ายรูปได้ดีขึ้น เก็บสี แสง และถ่ายในที่แสงน้อยได้โดยที่รายละเอียดในภาพยังชัดและสวยงามอยู่

นอกจากเซ็นเซอร์กล้องจะดีขึ้น ยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์ ทำให้ถ่ายวิดีโอได้นิ่งขึ้นอีกด้วย

ซูมออกแบบออปติคัล 2 เท่า
ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 5 เท่า

การบันทึกวิดีโอทั่วไป สามารถบันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 60 fps

คุณสมบัติกล้องใหม่ที่เหมือน iPhone 13 รุ่นอื่น ๆ

“สไตล์ภาพถ่าย” ฟีเจอร์กล้องใหม่ที่ให้เราเลือกใช้สไตล์ภาพถ่ายให้เหมาะกับสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป เป็นการคุมโทนรูปภาพที่เราถ่ายในเซ็ตเดียวกันให้ออกมามีสี แสง และโทนรูปภาพที่เหมือนกัน

สามารถปรับปรับโทนสีมาตรฐาน โทนอุ่น สดใส และหรูหราโทนเย็น แบบที่เราต้องการได้เลย

“โหมดภาพยนตร์” สร้างวิดีโอแบบภาพยนตร์ในแบบของเราเอง ถ้าเราถ่ายวิดีโอด้วยโหมดภาพยนตร์ ตัวกล้องจะโฟกัสคนที่อยู่ด้านหน้าสุดให้อัตโนมัติ พร้อมกับสร้างเอฟเฟ็กต์หน้าชัดหลังเบลอให้ด้วย รองรับการถ่ายวิดีโอแบบภาพยนตร์ได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080p ที่ 30 fps

ถ้ามีคนอยู่ในเฟรมมากกว่า 1 คน เราสามารถแตะที่ใบหน้าคนใดคนหนึ่งเพื่อเลือกจับโฟกัสที่คนนั้น ๆ ได้ และโฟกัสก็จะจับตามคนนั้นตลอดไม่ว่าจะเดินหรือเคลื่นไหวไปทางไหน

กล้องหน้า TrueDepth ที่มีคุณสมบัติเหมือนกล้องหลัง

กล้องหน้าของ iPhone 13 mini ถ่ายรูปและวิดีโอได้หลายแบบ โดยจะรองรับ

โหมดภาพยนตร์
สไตล์ภาพถ่าย
การบันทึก HDR ในแบบ Dolby Vision
โหมดภาพถ่ายบุคคล
เซลฟี่ในโหมดกลางคืน
HDR อัจฉริยะ 4
Deep Fusion

ด้วยคุณสมบัติสไตล์ภาพถ่าย และ HDR อัจฉริยะ 4 ทำให้การเซลฟี่และถ่ายรูปด้วยกล้องหน้าดีขึ้น

โหมดกลางคืนเอาอยู่ ! เซลฟี่ในที่แสงน้อยก็รอด

แบตเตอรี่

Apple เคลมว่า iPhone 13 mini เล่นวิดีโอได้สูงสุด 17 ชั่วโมง ในการใช้งานจริง เล่นแอปต่าง ๆ เช่น Instagram Facebook ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ โดยเป็นการใช้งานทั้งวัน พบว่าแบตเตอรี่ยังเหลือให้ใช้งานถึงตอนเย็น ถ้าไม่ได้เล่นทั้งวันก็ไม่ต้องพกแบตสำรองหรือสายชาร์จก็ได้