เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2019 ทาง Apple เปิดตัว MacBook Pro 13 นิ้ว (Mid 2019) รุ่นปรับปรุงใหม่ที่มาแทนที่ MacBook Pro 13 นิ้วรุ่น Non-Touch Bar ตัวเก่า โดยอัปเกรดหลัก ๆ ได้แก่ การใช้โปรเซสเซอร์ Intel รุ่นที่ 8, เพิ่มจำนวน Core ของ CPU จาก 2-core เป็น 4-core, การเพิ่ม Touch Bar สำหรับ MacBook Pro ตัวเริ่มต้นและการปรับราคาลดลงโดยเริ่มต้นเพียง 42,900 บาท เท่านั้น
เดี๋ยวเรามาดูรีวิวเต็มกันว่าในรุ่นนี้มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง ไปติดตามกันครับ
รีวิว MacBook Pro 13 นิ้ว ปี 2019 รุ่นปรับปรุง เร็วขึ้นและถูกลงกว่าเดิมมาก
ไฮโลท์สำคัญของการอัปเกรด MacBook Pro 13″ (Mid 2019) อยู่ที่ปรับ CPU, เพิ่ม Touch Bar และลดราคาให้ต่ำลงเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น
หากดูภาพชุดด้านล่างฝั่งของ MacBook Pro จะเข้าใจมากขึ้น ก่อนที่เราจะไปดูรีวิวทั้งหมดของรุ่นนี้ครับ
สเปกของ MacBook Pro 13 นิ้ว (Mid 2019)
- โปรเซสเซอร์ Intel Core i5 แบบ Quad‑core ความเร็ว 1.4GHz ที่มี Turbo Boost
สูงสุด 3.9GHz พร้อม eDRAM ขนาด 128MB (อัปเกรดได้สูงสุดที่ Intel Core i7 รุ่นที่ 8 แบบ Quad-core ความเร็ว 1.7GHz) - Turbo Boost สูงสุด 3.9GHz
- Intel Iris Plus Graphics 645
- หน่วยความจำ LPDDR3 ความเร็ว 2133MHz ขนาด 8GB อัปเกรดได้มากสุด 16GB
- ตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุ 128GB อัปเกรดได้มากสุด 2TB
- จอภาพ Retina พร้อมการแสดงผลแบบ True Tone ชนิดของจอภาพแบ็คไลท์แบบ LED ขนาด 13.3 นิ้ว
(แนวทแยง) พร้อมเทคโนโลยี IPS ความละเอียดปกติ 2560 x 1600px ที่ 227ppi พร้อมรองรับการแสดงสีสันหลายล้านสี - ความสว่างหน้าจอ 500 นิต
- ขอบเขตสีกว้าง P3
- Touch Bar พร้อมเซ็นเซอร์ Touch ID
ในตัว - พอร์ต Thunderbolt 3 (USB-C) จำนวน 2 พอร์ต รองรับการชาร์จ, รับส่งข้อมูล Thunderbolt สูงสุด 40Gb/s และ USB 3.1 รุ่นที่ 2 สูงสุด 10Gb/s
- คีย์บอร์ดแบ็คไลท์ขนาดมาตรฐาน
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ
- แทร็คแพด Force Touch เพื่อการควบคุมเคอร์เซอร์และรองรับ Multi-Touch
- การเชื่อมต่อเครือข่าย ไร้สาย Wi‑Fi มาตรฐาน 802.11ac ใช้ได้กับ IEEE 802.11a/b/g/n
- Bluetooth 5.0
- กล้อง FaceTime HD ความละเอียด 720p
- ลำโพงสเตอริโอพร้อมช่วงไดนามิกสูง
- ไมโครโฟน 3 ตัว
- ช่องต่อ หูฟัง 3.5 มม.
- ขนาด หนา 1.49 ซม., กว้าง 30.41 ซม. และลึก 21.44 ซม.
- น้ำหนัก 1.37 กก.
- มาพร้อม macOS Mojave
- การรับประกัน 1 ปี สามารถซื้อ AppleCare+ เพิ่มเติมได้จะทำให้ประกันกลายเป็น 3 ปี
- ราคาสำหรับรุ่นเริ่มต้นอยู่ที่ 42,900 บาท (ความจุ 128GB) และ 49,900 บาท (ความจุ 256GB)
แกะกล่องชมอุปกรณ์ภายในกล่อง
สิ่งที่มีมาในกล่องคือ
- MacBook Pro รุ่น 13 นิ้ว
- อะแดปเตอร์ แปลงไฟ USB‑C ขนาด 61 วัตต์
- สายชาร์จ USB‑C (2 ม.)
ภาพรวม
การเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ ในรุ่นนี้สรุปให้เข้าใจกันง่าย ๆ เลย คือ เป็นรุ่นที่มาแทนที่ MacBook Pro 13 นิ้ว ตัวล่างสุดที่ไม่มี Touch Bar แถมตัวเก่านั้นยังใช้ CPU แบบ 2-core อยู่เลย ดังนั้น ในรุ่นใหม่ของ MacBook Pro 13 นิ้ว Mid 2019 จุดเด่นหลักก็คือนี่เลย ใช้ CPU Intel รุ่นที่ 8 ซึ่งเพิ่มจำนวนแกนประมวลผลจาก 2-core เป็น 4-core เร็วขึ้นกว่าเดิมและเพิ่มเติมด้วยการใส่ Touch Bar มาให้อีกด้วย ทำให้ ณ ปัจจุบันนี้ MacBook Pro ทุกรุ่นมี Touch Bar ใช้ทั้งหมด
เท่านั้นยังไม่พอ Apple ยังปรับลดราคาเริ่มต้นลงอีกด้วย เรียกได้ว่า ทำให้เร็วขึ้น ดีขึ้น ฟีเจอร์มากขึ้นแถมเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นนั่นเองครับ
สำหรับการออกแบบภายนอกนั้นวัสดุตัวเครื่องยังคงใช้อะลูมีเนียมขึ้นรูปด้วยเครื่องมืออันทันสมัย หากมองจากภายนอกก็ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าแต่อย่างใด ย้อนกลับไปมอง MacBook Pro ตั้งแต่ปี 2016 ได้ปรับมาใช้พอร์ต Thunderbolt (USB-C) หมดแล้ว และตัดพอร์ดพวก Card Reader ต่าง ๆ ออก เหลือไว้เพียง Audio 3.5mm เอาไว้เท่านั้น
ประสิทธิภาพโดยรวม
MacBook Pro 13″ (Mid 2019) มีประสิทธิภาพที่เร็วและแรงขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ทำให้ทำงานได้ไหลลื่นมากขึ้น เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนเมื่อใช้งานหนัก ๆ อย่างเช่น การตัดต่อวิดีโอความละเอียดที่สูงขึ้นอย่างระดับ 4K หรือการปรับแต่งและตัดต่อรูปด้วย Photoshop หรือ Affinity Photos แบบหลาย ๆ เลเยอร์ พลังจาก CPU แบบ 4-core นั้นจัดสรรค์การทำงานได้ดีกว่า 2-core ในรุ่นเดิมอย่างมีนัยยะสำคัญ
ทดสอบความเร็ว SSD
จุดนี้หลายคนมีความกังวลว่า SSD ของ MacBook Pro 13″ (Mid 2019) นั้นความเร็วจะเป็นยังไง ทีมงานทดสอบด้วยแอป Blackmagic Disk Speed Test ให้ชมจะได้เห็นความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลของรุ่นนี้ครับ
เมื่อลองเปรียบเทียบกับ MacBook Pro 15″ (2018) จะเห็นความแตกต่างค่อนข้างชัดเจน
การส่งสัญญาณภาพออกจอนอกรองรับหน้าจอ 5K และ 4K สบาย ๆ
MacBook Pro 13″ (Mid 2019) รองรับการแสดงผลได้พร้อมกันทั้งบนจอภาพของเครื่องในแบบเต็มความละเอียดปกติ 2560x1600px โดยให้สีสันหลายล้านสี และยังรองรับการส่งสัญญาณภาพออกไปจอภายนอกที่ความละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
- จอภาพความละเอียด 5K 5120 x 2880 ที่ 60Hz ได้อีก 1 จอ โดยแสดงสีสันนับพันล้านสี
- จอภาพความละเอียด 4K 4096 x 2304 ที่ 60Hz ได้สูงสุดอีก 2 จอ โดยแสดงสีสันนับล้านสี
- จอภาพความละเอียด 4K 3840 x 2160 ที่ 60Hz ได้สูงสุดอีก 2 จอ โดยแสดงสีสันนับพันล้านสี
ทั้งนี้หากจอภาพหรือเครื่องฉายภาพโปรเจกเตอร์ยังใช้พอร์ตเก่า ๆ อย่าง VGA, DVI หรือใหม่ขึ้นมาหน่อยก็เป็น HDMI ฯลฯ เราต้องหาอะแดปเตอร์ตัวแปลงจาก USB-C ไปเป็นพอร์ตต่าง ๆ เพื่อใช้งานก็ได้เช่นกันครับ
แบตเตอรี่
MacBook Pro 13″ (Mid 2019) ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมพอลิเมอร์ภายในตัวเครื่อง 58.2 วัตต์ต่อชั่วโมง (W/hr) โดยการใช้งานทั่วไปอย่างท่องเว็บผ่านระบบไร้สายนานสูงสุด 10 ชั่วโมง ใช้ดูหนังเล่นภาพยนตร์ iTunes นานสูงสุด 10 ชั่วโมงและมีระยะเวลาสแตนด์บายนานสูงสุด 30 วัน
ทั้งนี้การใช้งานจริง ๆ นั้นแบตเตอรี่จะอยู่ได้นานหรือหมดเร็วก็ขึ้นอยู่กับการใช้ ถ้าหากใช้ทำงานที่ต้องการประมวลผลสูงอย่างการปรับรูปภาพ, การตัดต่อวิดีโอ ฯลฯ เหล่านั้นก็ยิ่งทำให้แบตเตอรี่ลดลงเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับที่ชาร์จมาพร้อมอะแดปเตอร์ แปลงไฟ USB‑C ขนาด 61W ซึ่งส่วนที่ดีของการเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C สำหรับการชาร์จนั้นก็คือ สามารถใช้อะแดปเตอร์ USB-C ของแบรนด์อื่น ๆ มาชาร์จทดแทนได้ในกรณีที่จำเป็น ขอให้กำลังไฟใกล้เคียงกับ 61W ก็พอ
นอกจากนี้ MacBook Pro ตัวนี้ยังชาร์จไฟจากแบตเตอรี่สำรอง (รุ่นที่รองรับ) ได้อีกด้วยนะ
ประสบการณ์หลังการใช้งานทั่วไป
MacBook Pro 13″ (Mid 2019) การอัปเกรดรอบนี้เอาใจผู้ใช้งานที่เริ่มจะเทิร์นโปรที่อาจจะมีทุนจำกัด ไปไม่ถึงรุ่นที่สูงกว่านี้ แต่ว่าการอัปเกรดทั้ง CPU Intel i5 Gen 8 แบบ 4-core มาให้ทำให้ความเร็วในการทำงานเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน (MacBook Pro 13″ Non-Touch Bar) อย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าความเร็วของ CPU จะลดลงก็ตามอย่างน้อยสเปคนี้ยังไงก็แรงกว่าและราคาถูกกว่า
มากกว่านี้ยังเพิ่ม Touch Bar มาให้ด้วย ซึ่งหากใครใช้งาน Touch Bar บ่อย ๆ จนคุ้นก็จะพบว่ามันสะดวกต่อการทำงานมาก
จุดที่ต้องพิจารณานั่นคือสเปกของ SSD นั้นความเร็วอ่านเขียนสูงสุดจะอยู่ที่ 1Gbps ซึ่งอาจจะน้อยกว่า MacBook Pro รุ่นพี่ที่แพงกว่าอีกหลายบาท ซึ่งถามว่าความเร็วระดับนี้เพียงพอไหม ก็ต้องบอกว่าถ้าการใช้สอยในงานทั่วไปยังไงก็เกินคำว่าพอ
สิ่งที่อยากแนะนำคือเรื่องความจุของ SSD ในรุ่นเริ่มต้นราคา 42,900 บาทนั้นให้ SSD มาเพียง 128GB ซึ่งผมว่ามันน้อยไปนิด จากประสบการณ์ที่ใช้ MacBook มามากกว่า 10 ปี แนะนำว่า ณ ตอนนี้ควรจะเริ่มต้นต่ำสุดที่ 256GB ได้แล้ว แต่ถ้าหากใครซื้อไปแล้วมันก็มีตัวเลือกคือการซื้อ SSD แบบ External ลองดูรีวิวที่ผมเคยทำเอาไว้ได้เลย อุปกรณ์นั้นก็จะเพิ่มความสะดวกในการจัดเก็บไฟล์โดยเฉพาะผู้ที่นำ MacBook Pro ตัวนี้ไปใช้ในการมัลติมีเดียร์ต้องบอกเลยว่าพื้นที่นั้นมีความจำเป็นมาก ๆ
เตรียมตัวใช้ macOS Catalina 10.15 เพิ่มลูกเล่นได้อีกเยอะ
ช่วงประมาณเดือนตุลาคม 2019 นี้ ทาง Apple จะปล่อยอัปเดต macOS Catalina 10.15 ให้ได้ใช้งานกันโดยใน macOS ตัวใหม่นี้จะมีฟีเจอร์ที่หลากหลายมากขึ้นและแถมแอปจาก iOS ก็จะถูกแปลงร่างให้มาใช้กับ Mac ได้อีกด้วย ฟีเจอร์เด่น ๆ อย่าง Sidecar ที่จะทำให้ iPad สามารถเป็นจอมอนิเตอ์เสริมสำหรับ Mac ก็เพิ่มความสะดวกมากมาย ยังไงซะหากซื้อ MacBook Pro 13″ (Mid 2019) ตัวนี้ก็การันตรีได้ว่าจะอัปเกรด macOS Catalina ล่าสุดนี้ได้
ซื้อวันนี้ดูฟรี Apple TV+ นาน 1 ปี มูลค่ากว่า 1,200 บาท
อันนี้ไม่ค่อยมีใครจะรู้เท่าไหร่เพราะว่าเป็นเรื่องใหม่มาก ๆ ที่ทาง Apple เพิ่งได้ประกาศในงานเปิดตัว iPhone 11 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2019 ที่ผ่านมาว่า ใครที่ซื้ออุปกรณ์ iPhone, iPad และ Mac ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสามารถใช้บริการ Apple TV+ ได้ฟรีนาน 1 ปีเลยทีเดียว ซึ่งปกติแล้วค่าบริการรายเดือนของบริการนี้จะอยู่ที่ 99 บาท ดังนั้น เมื่อซื้อ MacBook Pro 13″ (Mid 2019) ตัวนี้แล้วก็เหมือนได้ของแถมเพิ่มมูลค่าเกือบ 1,200 บาทเลยทีเดียวนะ
หวังว่ารีวิวฉบับนี้จะช่วยเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของคุณผู้ชมผู้อ่านได้
หากสนใจสามารถส่ังซื้อ MacBook Pro 13″ (Mid 2019) ได้ผ่านทาง Apple Store ทั้งออนไลน์และ Apple Iconsiam นอกจากนี้ยังวางขายที่ร้านตัวแทนจำหน่ายอย่าง Studio 7 แล้ว ทั่วประเทศไทยครับ
รีวิวโดย แอดมินต้อม iMoD