Mi Notebook Air เปิดตัวแล้วโดย Xiaomi คู่แข่งโดยตรงกับ MacBook Air หลังจากที่ลือกันมาข้ามปี และแล้วก็ถึงเวลายลโฉมของจริงกันเสียที “บางกว่า เร็วกว่า ถูกกว่า” มีให้เลือกสองขนาดหน้าจอคือ 12.5″ และ 13.3″ เพื่อท้าชนกับ MacBook, MacBook Air โดยเฉพาะ
Mi Notebook Air 13.3″
บางกว่า 13% ด้วยความหนาเพียง 14.8 มม. มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 13.3″ (เช่นเดียวกับ MacBook Air) นอกจากนี้ยังมีบอดี้ที่ เล็กกว่า 11% เนื่องจากขอบหน้าจอเพียงแค่ 5.59 มม.
ความละเอียดหน้าจอสูงกว่ามาพร้อมกับ ความละเอียด Full HD และหากเทียบกับโน๊ตบุ๊คทั่วไป (ที่ไม่ใช่ของ Apple) จะพบว่าหน้าจอเป็นกระจกแผ่นเดียวกันทั้งชิ้นแบบ Edge-to-Edge และมีบอดี้อลูมิเนียมชิ้นเดียวแบบไร้รอยต่อ
แป้นพิมพ์เป็นแบบขนาดเต็ม ความลึก 1.3 มม. พร้อมไฟ LED ใต้คีย์บอร์ดแบบแยกอิสระทีละปุ่ม ส่วนพอร์ทก็ให้มาแบบไม่หวงด้วย HDMI, USB 3.0 x 2, 3.5 mm, USB Type-C ซึ่งใช้ชาร์จไฟได้ด้วย น้ำหนัก 1.28 กก.
ด้านหลังเป็นแบบเรียบไม่มีลายอะไร ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถติดสติ๊กเกอร์เพื่อบ่งบอกความเป็นตัวเอง นอกจากนี้ก็ยังมีซองหนังขายแยกตามวัสดุ ไมโครไฟเบอร์, หนังเทียม, หนังแท้ ราคาประมาณ 69-299 หยวน
ในส่วนของประสิทธิภาพมาพร้อมกับ Intel i5 Gen 6 2.7 GHz, RAM DDR4 8 GB, PCIe SSD 256 GB พร้อมทั้งระบบชาร์จไฟเพียง 30 นาที ได้แบตเตอรี่ 50% ส่วนการใช้งานอยู่ที่ 9.5 ชั่วโมง ลำโพงคู่จาก AKG รองรับระบบเสียง Dolby
มาพร้อมกับ Windows 10 Home ในตัว (เย้! มีลิขสิทธิกับเขาด้วย) ส่วนฟีเจอร์ทั่วไปก็ปลดล็อคด้วย Mi Band 2 และ Mi Cloud Sync (อันหลังคนไทยคงไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่)
การ์ดจอมาพร้อมกับ NVIDIA GeForce 940MX ส่วนเรื่องความจุหากใครใช้ไม่พอยังเหลือให้อัปเกรดเองอีก 1 ช่อง (เทพ!) ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 4,999 หยวน (ประมาณ 26,241 บาท)
Mi Notebook Air 12.5″
สำหรับคนที่อยากได้ตัวเล็กลงมาหน่อย อีกรุ่นย่อยที่เปิดตัวมีหน้าจอ 12.5″ มาพร้อมกับความบาง 12.9 มม. และน้ำหนัก 1.07 กก. หน่วยประมวลผล Intel Core M3, RAM 4 GB, PCIe SSD 128 GB (พร้อมช่องว่างอีก 1 ช่อง) แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 11.5 ชั่วโมง ส่วนฟีเจอร์ย่อยไม่ต่างจากรุ่นข้างบน ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 3,499 หยวน (ประมาณ 18,367 บาท)
ถ้าเอามาลง Hackintosh จะแจ่มขนาดไหนนะ !!!
น่าเสียดายเล็กน้อยที่ไทยไม่มีศูนย์บริการ (ส่วนคนไม่ซีเรียสก็ข้ามไป) นอกจากนี้ยังฟันธงได้เลยว่าไม่มีคีย์บอร์ดไทยอย่างแน่นอน งานนี้คู่แข่งคงมีหนาว (Acer, HP, Dell, Lenovo) ส่วนทาง Apple คงรอดตัวไปเพราะมี macOS คอยสร้างความแตกต่างอยู่
ที่มา – Xiaomi