Apple Watch ไม่มีฟีเจอร์ติดตามการนอน (Sleep Tracking) มาพร้อมกับ watchOS แต่ผู้ใช้ Apple Watch ก็จะใช้แอปอื่น ๆ ที่ช่วยในการตรวจจับได้ ทีมงานมีแอปน้องใหม่อย่าง NapBot ที่เปิดตัวมาได้สักพักมาพรีวิวให้ชมกันค่ะ
พรีวิวแอป NapBot ติดตามการนอนตลอดคืน บอกข้อมูลอะไรบ้าง
แอป NapBot เปิดตัวช่วงประมาณปลายปี 2019 ที่ผ่านมา เป็นแอปติดตามการนอนหลับที่สามารถตรวจจับการนอนได้อัตโนมัติ ทั้งเวลาการนอนตอนกลางคืนหรือแม้กระทั่งการงีบหลับระหว่างวัน โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องกดปุ่มเริ่มเอง ทีมงานได้ทดลองใช้แอป NapBot ติดตามการนอน เรามาดูกันว่าแอปนี้ให้ข้อมูลอะไรบ้าง
ก่อนอื่นให้เราตั้งค่าเป้าหมายชั่วโมงการนอน ซึ่งการนอนที่เพียงพอนั้นแนะนำที่ 7-9 ชั่วโมง ตั้งค่าได้ในแอป NapBot บน iPhone > แตะแถบตั้งค่า > แตะไอคอนบวกหรือลบ เพื่อตั้งค่าชั่วโมงการนอน
เริ่มต้นการใช้งานที่แสนสะดวก เพียงแค่สวมใส่ Apple Watch ก่อนนอน จากนั้นเมื่อเราง่วงหรือถึงเวลานอนก็นอนหลับได้เลยโดยที่ไม่ต้องเปิดแอปใน Apple Watch หรือกดปุ่มใด ๆ ทั้งสิ้น แอปจะตรวจจับการนอนของเราอัตโนมัติ
เมื่อตื่นนอนแล้ว แอปก็จะรายงานผลการนอนเบื้องต้นบน Apple Watch ข้อมูลที่ได้โดยสรุปช่วงเวลาที่เรานอนและตื่นนอน เวลาที่นอนอยู่บนเตียง เวลาที่เริ่มนอนหลับ และเปอร์เซ็นต์เป้าหมายการนอนว่าเรานอนได้ตามเป้าหมายหรือไม่ รวมถึงข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจ และเสียงรบกวน โดยการแสดงผลบน Apple Watch จะเป็นข้อมูลการนอนล่าสุดเท่านั้น
ส่วนบน iPhone จะแสดงเป็นกราฟข้อมูลสรุปการนอน ช่วงการนอน Light Sleep, Deep Sleep และ Awake ที่แสดงผลว่าตลอดทั้งคืนการนอนของเราเป็นอย่างไร โดยแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์
- Light Sleep – ช่วงเวลาที่เราจะเริ่มหลับ ร่างกายปรับตัวเข้าสู่การพักผ่อน
- Deep Sleep – ช่วงเวลาหลับลึก ร่างกายจะซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองและสร้างพลังงานสำหรับวันถัดไป
- Awake – ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เราตื่นขึ้นมาในขณะนอนหลับ
ภายในแอปจะมีข้อแนะนำบอกว่าการนอนเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูส่วนต่าง ๆ อย่างเต็มที่นั้น Deep Sleep ควรจะอยู่ที่ประมาณ 13% – 23%
ต่อมาเป็นส่วนของการแสดงผลกราฟอัตราการเต้นของหัวใจขณะนอนหลับ โดยกราฟจะแสดงอัตราการเต้นของหัวใจแต่ละช่วงเวลาที่นอนหลับ ส่วนข้อมูลด้านล่างจะแสดงค่าอัตราการเต้นของหัวใจเฉลี่ย อัตราสูงสุด และต่ำสุด
แอปแนะนำว่าอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างนอนหลับค่าปกติควรจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 60pbm ถ้าหากหัวใจเต้นเร็วเป็นเวลานานจนผิดปกติระหว่างนอนหลับอาจจะบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพของหัวใจได้
ส่วนสุดท้ายเป็นส่วนของการรายงานเสียบรบกวน (Noise) ในช่วงเวลานาน โดยรายงานผลเป็นหน่วยเดซิเบล กราฟจะแสดงระดับเสียงตลอดทั้งคืน โดยสีเหลืองจะบ่งบอกว่ามีเสียงรบกวน ส่วนสีเขียวก็เป็นเสียงรอบข้างปกต ด้านล่างก็จะรายงานค่าเดซิเบลที่วัดได้ ทั้งค่าเฉลี่ย ค่าสูงสุด และค่าต่ำสุด
ในกราฟเสียงรบกวนนี้เราสามารถนำไปเทียบกับกราฟการนอนได้ว่า ช่วงที่มีเสียงรบกวนแทรกเข้ามา ส่งผลต่อการนอนของเราอย่างไรบ้าง ทำให้เราตื่น (Awake) หรือไม่ เพื่อหาสาเหตุการนอนไม่หลับที่แท้จริงสำหรับบางคน ซึ่งแอปแนะนำว่าเสียงรบกวนเวลานอนไม่ควรเกิน 50 เดซิเบล
นอกจากนี้แอป NapBot ยังมีรายงานแนวโน้ม (Trend) แบบรายวัน รายสัปดาห์และรายเดือน เพื่อให้เราวิเคราะห์คุณภาพการนอนได้อีกด้วย โดยใช้ข้อมูลการนอนที่ผ่านมาทั้งหมดมาวิเคราะห์เป้าหมายการนอน การตื่นกลางดึก เสียงรบกวน และอัตราการเต้นของหัวใจ พร้อมให้คำแนะนำในแต่ละหัวข้อว่าเราควรปฏิบัติตนอย่างไร เพื่อให้การนอนของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น
จุดเด่นของ NapBot
- ตรวจจับการนอนและการตื่นได้อัตโนมัติ โดยไม่ต้องเปิดแอปหรือกดปุ่ม ตรวจจับได้แม้กระทั่งการงีบเวลากลางวัน
- รายงานผลดูง่าย ไม่ซับซ้อน
- รองรับการแสดงผลกลไกหน้าปัดบน Apple Watch ทุกรูปแบบ
- มีการรายงานแนวโน้มข้อมูลการนอนต่าง ๆ พร้อมคำแนะนำการปฏิบัติตนที่ถูกต้อง
- รองรับการแสดงผลบนวิดเจ็ต iPhone
จุดพิจารณาของ NapBot
หลังจากที่ทดลองใช้งานแอป NapBot แล้วทีมงานมีจุดพิจารณาหรือส่วนที่คิดว่าอยากให้แอปมี ดังนี้
- ยังขาดการวัดและรายงานค่า REM ที่เป็นช่วงหลับฝันและมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราการเต้นของหัวใจ
- ควรมีการสรุปข้อมูล Light Sleep, Deep Sleep และ Awake เป็นแบบจำนวนชั่วโมง
- กราฟอัตราการเต้นของหัวใจและเสียงรบกวนควรจะแตะดูได้ว่าแต่ละช่วงมีค่าเท่าไหร่
- น่าจะเพิ่มฟีเจอร์การอัดเสียงรบกวนที่ส่งผลต่อการนอนหลับในช่วงแต่ละช่วงเวลาที่มีเสียงรบกวน เพื่อให้ผู้ใช้ทราบว่าเสียงอะไรที่ส่งผลต่อการตื่นนอนกลางดึกหรือหลับไม่สนิท
- การแสดงผลบน iPhone 11 ยังไม่สมบูรณ์
เปรียบเทียบกับแอปนอนหลับอื่น ๆ
ถ้าหากเทียบแอป NapBot กับแอป Pillow และแอป AutoSleep ที่ทีมงานเคยทดสอบใช้งานมาแล้วนั้น ในด้านความสะดวกที่สามารถตรวจจับการนอนได้อัตโนมัติทุกแอปทำได้เหมือนกัน แต่การรายงานผลของแอป Pillow และแอป AutoSleep จะมีข้อมูลที่ละเอียดกว่า และรายงานผลได้หลายมุมมอง
แต่ด้วยความมินิมอลแอป NapBot ก็ทำให้เราสามารถดูข้อมูลการนอนได้ง่ายไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการติดตามการนอนแบบพื้นฐาน ใครที่ยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อภายในแอปหรือไม่ ก็สามารถทดลองใช้แบบ PRO ได้ฟรี 7 วัน หากยังไม่ถูกใจก็สามารถยกเลิกการรับสมัครได้
ดาวน์โหลดแอป NapBot
สามารถดาวน์โหลดแอป NapBot ฟรีได้ที่ App Store [แตะดาวน์โหลดที่นี่] ซื้อภายในแอปเดือนละ 29 บาท หรือปีละ 309 บาท (ทดลองใช้แบบ PRO ได้ 7 วัน ยกเลิกก่อนได้)