การเปิดตัวซอฟต์แวร์ใหม่ของ Apple ในงาน WWDC 2022 ยังมีการเปิดตัวฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยด้วย ชื่อว่า พาสคีย์ (Passkey) เราจะมาทำความรู้จักกับฟีเจอร์นี้กัน
ทำความรู้จักฟีเจอร์พาสคีย์ (PassKey) ลงชื่อเข้าอย่างปลอดภัย บน iOS 16, iPadOS 16 และ macOS
พาสคีย์คืออะไร
พาสคีย์ (PassKey) เป็นการแทนที่รหัสผ่านที่ออกแบบมาให้การลงชื่อเข้าใช้แอปหรือเว็บไซต์โดยไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่านเข้าไป แต่สามารถใช้ วิธีการแสกน Touch ID, Face ID บนอุปกรณ์ Apple หรือสแกน QR Code สำหรับอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ของ Apple ได้เลย
ฟีเจอร์นี้จะเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง มีความปลอดภัยมากกว่ากาตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย ป้องกันการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง มัลเเวอร์ การโจมตีอื่น ๆ และการรั่วไหลของข้อมูลได้
การทำงานของพาสคีย์
พาสคีย์นั้น สร้างขึ้นมาตามมาตรฐาน WebAuthn ใช้คู่คีย์เข้ารหัสเฉพาะ สำหรับแต่ละเว็บไซต์และบัญชีผู้ใช้ โดยคีย์หนึ่งจะเป็นแบบสาธารณะและถูกจัดเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์
คีย์ที่สองเป็นแบบส่วนตัว ถูกจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์บน iPhone, iPad, Mac หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่การตรวจสอบไบโอเมติกซ์ แบบ Face ID หรือ Touch ID เพื่ออนุญาตรหัสผ่านให้รองรับความถูกต้องของผู้ใช้ เวลาที่จะมีการลงชื่อเข้าใช้เว็บไซต์และแอป
ซึ่งคีย์ทั้งสองต้องตรงกันถึงจะลงชื่อเข้าใช้ระบบได้ และคีย์ที่สองที่เป็นแบบส่วนตัวนี้ จะใช้งานสำหรับผู้ใช้เท่านั้น จึงทำให้ไม่สามารถถูกขโมย หรือมีการรั่วไหล หรือถูกฟิชชิ่งได้
พาสคีย์จะต้องอาศัย iCloud Keychain ที่ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัยเสมอ และจะซิงค์กับอุปกรณ์ทั้งหมดของผู้ใช้ผ่าน iCloud Keychain โดยเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง
การอธิบายทำงานของพาสคีย์อาจจะดูซับซ้อน แต่ในทางปฏิบัติหรือใช้งานจริงนั้นทำให้ได้ง่ายและสะดวกมาก เพียงแค่ผู้ใช้สแกน Face ID หรือ Touch ID หรือสแกน QR Code เพื่อลงชื่อเข้าใช้เว็บไซต์หรือแอปได้เลย
Apple ได้ทำงานร่วมกับสมาคม FIDO Alliance รวมถึง Google และ Microsoft ที่ทำงานเกี่ยวกับวิธการรับรองความถูกต้องของรหัสผ่านให้สามารถใช้รหัสผ่านกับอุปกรณ์อื่นที่ไม่ใช่ของ Apple แบบข้ามแพลตฟอร์มได้ โดยใช้การสแกนผ่าน QR Code เพื่อลงชื่อเข้าใช้ โดยไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่าน ลดความเสี่ยงในการขโมยข้อมูลได้
และนี่ก็เป็นข้อมูลของฟีเจอร์พาสคีย์ (PassKey) ที่ยกระดับด้านความปลอดภัยในการลงชื่อเข้าใช้แอปและเว็บไซต์มากขึ้น ป้องกันการแฮ็คข้อมูล การฟิชชิ่ง หรือการรั่วไหลข้อมูลบัญชีของผู้ใช้ได้ ก็รอใช้งานกันใช้ซอฟตแวร์ใหม่กันได้เลยนะคะ
ที่มา macrumors