สายวิ่ง สายมาราธอน สายปั่น ที่กำลังมองหาหูฟังสำหรับออกกำลังกายอยู่ วันนี้ทีมงานมีหูฟัง BackBeat FIT 3100 ที่เป็นหูฟังแบบ True Wireless จาก Plantonics มารีวิวให้ชมกันค่ะ ทนน้ำทนฝุ่น น้ำหนักเบา เสียงดี ครบเครื่องทุกฟังก์ชัน เราไปชมรายละเอียดพร้อมๆ กันเลย
รีวิวหูฟังบลูทูธ BackBeat FIT 3100 เสียงดี ดีไซน์สวย สำหรับออกกำลังกายโดยเฉพาะ
BackBeat FIT 3100 เป็นหูฟังบลูทูธไร้สายที่ออกแบบมาสำหรับการออกกำลังกายโดยเฉพาะ มีลักษณะเป็น Earbuds เน้นการสวมใส่สบาย มีน้ำหนักเบา ด้วยความที่เป็นหูฟังไร้สาย ไม่ต้องกังวลสายที่จะมาเกะกะ แถมยังเสียงดี เอาใจนักกีฬาหรือคนที่ชอบออกกำลังกายสายวิ่งสายปั่น
คุณสมบัติ BackBeat FIT 3100 เบื้องต้น
- บลูทูธ เวอร์ชัน 5.0
- Dynamic Driver ขนาด 13.5 มม.
- ตอบสนองย่านความถี่เสียง 20 – 20,000 Hz.
- ความไวเสียง 94 dB.
- Harmonic Distribution <3%
- MEMS microphones DSP
- ทนฝุ่นและน้ำมาตรฐาน IP57 น้ำลึกไม่เกิน 1 เมตร 30 นาที
อุปกรณ์และการออกแบบ
อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบด้วย
- หูฟัง BackBeat FIT 3100
- เคสชาร์จและเก็บหูฟัง
- สาย Micro USB สำหรับชาร์จเคสหูฟัง
- คู่มือการใช้งาน 1 ชุด
หูฟัง BackBeat FIT 3100 มีลักษณะเป็นแบบ Earbuds ปุ่มกดเป็นสีสะท้อนสวยงาม ดีไซน์เหมาะสำหรับการออกกำลังกายโดยเฉพาะ ตัวหูฟังได้รับการออกแบบให้มีส่วนที่คล้องกับใบหูด้านนอก และส่วนที่ล็อคกับใบหูด้านใน เพื่อให้หูฟังไม่หลุดง่าย
ที่สำคัญคือ ตัวหูฟังมีน้ำหนักเบามากๆ รู้สึกสะดวกเมื่อสวมใส่ระหว่างออกกำลังกาย ทนฝุ่นและน้ำมาตรฐานระดับ IP57 ฟังเพลงยาวต่อเนื่องนาน 5 ชม.
การเชื่อมต่อและการชาร์จ
การเชื่อมต่อครั้งแรกให้กดปุ่มเปิดเคสค้างไว้ 2 วินาที และนำหูฟังทั้งสองข้างออกมาจากตัวเคสเพื่อทำการเชื่อมต่อ โดยหูฟังฝั่งขวา (R) จะเข้าสู่โหมดจับคู่กับอุปกรณ์ให้อัตโนมัติ (Pairing) จากนั้นก็ทำการเลือกชื่ออุปกรณ์ “PLT BBFIT3100 Series” ในส่วนบลูทูธของ iPhone หรือสมาร์ตโฟน Android รุ่นอื่นๆ ได้เลย
เมื่อเชื่อมต่อบลูทูธเรียบร้อยแล้ว หูฟังด้านขวาจะได้ยินเสียงข้างเดียว ให้เรานำหูฟังข้างซ้าย (L) มาเชื่อมต่อด้วย โดยกดปุ่มหูฟังด้านซ้ายค้างไว้ 2 วินาทีเพื่อเปิด หูฟังด้านซ้ายจะเชื่อมต่ออัตโนมัติ เสียงก็จะออกจากหูฟังทั้ง 2 ข้าง
เมื่อใช้งานเสร็จก็เก็บหูฟังในกล่องเคส หูฟังจะปิดอัตโนมัติ และถ้าหากเราไม่เลิกใช้อุปกรณ์ การเชื่อมต่อครั้งถัดไปก็ทำได้ง่ายขึ้น เพียงแค่นำหูฟังออกจากเคส หูฟังจะเปิดและเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนหรืออุปกรณ์ที่เคยเชื่อมต่ออัตโนมัติ
ส่วนการชาร์จก็นำตัวหูฟังวางในกล่องเคสได้เลย การชาร์จหูฟัง 15 นาที สามารถฟังได้นาน 1 ชม. ส่วนเคสสามารถเสียบสาย Micro USB ด้านหลังเคสเพื่อชาร์จได้เลย
คำสั่งควบคุมการทำงาน
การควบคุมหูฟัง Backbeat FIT 3100 จะเป็นการกดปุ่มและสัมผัสที่หูฟัง โดยคำสั่งที่ใช้งานกับหูฟังมีดังนี้
หูฟังด้านขวา
- จับคู่กับอุปกรณ์ – ในขณะที่หูฟังปิด กดปุ่มค้าง 4 วินาที จนได้ยินเสียง Pairing
- เปิดหูฟัง – กดปุ่มค้าง 2 วินาที จนได้ยินเสียง Power on
- ปิดหูฟัง – กดปุ่มค้าง 4 วินาที จนได้ยินเสียง Power off
- เรียก Siri หรือ Google Now – ระหว่างเปิดหูฟัง ถ้ากดค้าง 2 วินาที
- รับสาย/วางสาย – กดปุ่ม 1 ครั้ง
- หยุด/เล่นต่อ – ระหว่างฟังเพลง กดปุ่ม 1 ครั้ง
- เพลงถัดไป – ระหว่างฟังเพลง กดปุ่ม 2 ครั้ง
- เพลงก่อนหน้า – ระหว่างฟังเพลง กดปุ่ม 3 ครั้ง
หูฟังด้านซ้าย
- เปิดหูฟัง – กดปุ่มค้าง 2 วินาที จนได้ยินเสียง Power on
- ปิดหูฟัง – กดปุ่มค้าง 4 วินาที จนได้ยินเสียง Power off
- เพิ่มเสียง – แตะที่ปุ่มหูฟัง (ไม่ต้องกด) แตะ 1 ครั้งคือการเพิ่มเสียง 1 ขีด
- ลดเสียง – แตะค้างที่ปุ่มหูฟัง (ไม่ต้องกด) แตะค้าง 2 วินาที คือการลดเสียง 1 ขีด
การตั้งค่าร่วมกับแอป BackBeat
ทาง BackBeat ยังมีแอปสำหรับการตั้งค่าและอัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับหูฟังของ BackBeat โดยเฉพาะ ดาวน์โหลดได้ที่ BackBeat on App Store ผู้ใช้สามารถเลือกจับคู่แอปกับหูฟังที่เชื่อมต่อบลูทูธกับสมาร์ตโฟนได้เลย
ภายในแอปจะบอกจำนวนชั่วโมงที่สามารถใช้งานต่อได้ และสามารถตั้งค่าการแตะ (Tap) หูฟังด้านซ้ายได้อีกด้วย รวมถึงมีคู่มือการใช้งานเบื้องต้นให้ผู้ใช้ได้ศึกษาเองแบบง่ายๆ
ความสะดวกระหว่างออกกำลังกาย
ทีมงานได้ทดลองใช้งานระหว่างการวิ่งและเวทเทรนนิ่ง โดยต่อบลูทูธกับ Apple Watch สิ่งที่ประทับใจในตัว BackBeat FIT 3100 ก็คือ น้ำหนักเบามากๆ สวมใส่สบาย ขอเกี่ยวไม่รัดใบหูเกินไป
แต่กลับให้ความเบาสบาย และทำให้มั่นใจว่าหูฟังไม่หลุดง่ายถึงแม้เหงื่อจะออก เนื่องจากตัวเกี่ยวหูด้านในจะช่วยให้หูฟังล็อคติดกับใบหู ไม่ขยับเลื่อนง่าย และยังมีส่วนคล้องใบหูด้านนอกที่ช่วยล็อคหูฟังอีกหนึ่งชั้น
คุณภาพเสียง
จากการทดสอบฟังเพลงบน Joox และ Apple Music คุณภาพเสียงของหูฟัง BackBeat FIT 3100 ถือว่ามีคุณภาพดี เสียงเพลงชัดเจน แต่ย่านเบสไม่หนักมาก ด้วยหูฟังเป็นแบบ EarBuds และไม่มีคุณสมบัติการตัดเสียงรบกวนภายนอก จึงทำให้เสียงภายนอกเล็ดลอดเข้ามาบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับฟังเพลงไม่รู้เรื่อง
การได้ยินเสียงภายนอกนั้น เป็นข้อดีสำหรับการออกกำลังกายกลางแจ้ง อย่างเช่นวิ่ง เดิน หรือปั่นจักรยาน ตามสถานที่ต่างๆ ทำให้เราได้ยินเสียงแวดล้อมรอบข้าง โดยเฉพาะเสียงรถที่แล่นอยู่บนถนน ช่วยให้ระมัดระวังและปลอดภัยจากอุบัติเหตุ
ส่วนการสนทนาสายโทรเข้าหรือโทรออกก็ชัดเจนปกติ ทั้งลำโพงที่ฟังเสียงและไมโครโฟน
เปรียบเทียบกับ AirPods
เมื่อเทียบกับ AirPods แล้ว ด้านคุณภาพเสียงใกล้เคียงกัน แต่ BackBeat FIT 3100 ให้เสียงที่ดังกว่าและเบสชัดกว่าเล็กน้อย ในระดับเสียงที่ปรับเท่ากัน
ส่วนความรู้สึกด้านการสวมใส่ AirPods ให้ความรู้สึกเบากว่าเล็กน้อย BackBeat FIT 3100 ก็ไม่ได้รู้สึกหนักเกินไป แต่ให้ความรู้สึกที่กระชับมากกว่าเวลาเหงื่อออก เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวกับใบหูด้านในและด้านนอก จึงทำให้ไม่หลุดลื่นง่าย
ส่วนด้านระยะเวลาการใช้งาน การฟังเพลงสามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้นานประมาณ 5 ชั่วโมงพอๆ กัน แต่การชาร์จ 15 นาทีของ AirPods ฟังเพลงได้นาน 3 ชั่วโมง ซึ่งนานกว่า BackBeat FIT 3100 ที่ชาร์จ 15 นาทีฟังได้นาน 1 ชั่วโมง
สรุป
หูฟัง BackBeat FIT 3100 เป็นหูฟังที่เหมาะกับการออกกำลังกายทั้งกลางแจ้งและในร่ม เนื่องจากใช้งานค่อนข้างสะดวก ไม่มีสายให้เกะกะระหว่างออกกำลังกาย จุดเด่นของ BackBeat FIT 3100 คือเรื่องของน้ำหนักเบาและให้ความกระชับ ถึงแม้จะวิ่ง กระโดด หรือมีเหงื่อออก ก็ไม่หลุดง่าย และคุณภาพเสียงก็ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
หูฟัง BackBeat FIT 3100 เป็นตัวเลือกที่ดีและคุ้มค่าสำหรับนักวิ่งมาราธอนหรือนักปั่น นอกจากจะให้ความสะดวกด้านการสวมใส่แล้ว ยังสามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้นานถึง 5 ชม. ทนฝุ่นและน้ำระดับ IP57 และยังสามารถแตะหรือกดปุ่มบนหูฟังเพื่อสั่งการทำงานต่างๆ โดยไม่ต้องยกสมาร์ตโฟนขึ้นมาเลย
ราคาและสถานที่จัดจำหน่าย
หูฟัง BackBeat FIT 3100 ราคา 6,290 บาท มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ (Black) และสีเทา (Grey)
สามารถหาซื้อได้ที่ร้านตัวแทนจำหน่าย Plantronics เช็คสถานที่จัดจำหน่ายทั้งหมดได้ที่นี่ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.systems2000.co.th
สำหรับท่านที่ซื้อราคาเต็มสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ Full Price Privilege ขยายระยะเวลาประกันเพิ่มเป็น 2 ปี สามารถลงทะเบียนได้ที่ http://www.systems2000.co.th/warranty/