เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2017 ที่ผ่านมาผมได้ไปร่วมงานเปิดตัวหูฟังไร้สายยี่ห้อ Plantronics ซึ่งงานครั้งนี้มีสินค้าใหม่เปิดตัวด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น เดี๋ยวพาไปชมพร้อมๆ กันเลยนะว่าแต่ละรุ่นนั้นมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง
Plantronics เปิดตัวหูฟังไร้สาย 2 รุ่น
ในงานนี้หูฟังที่ได้มาเปิดตัวนั้นทว่าก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปลายปี 2016 นั้นได้เปิดตัวไปแล้วที่ต่างประเทศ ในประเทศไทยยังไม่ได้เปิดตัวเพราะว่าติดช่วงถวายอาลัยแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ดังนั้นทาง Systems2000 ผู้นำเข้า Plantronics อย่างเป็นทางการในประเทศไทยจึงถือโอกาสจัดงานเปิดตัวในช่วงนี้นั่นเองครับ
หูฟังไร้สาย 2 รุ่นที่ผมพูดถึงประกอบไปด้วย BackBeat PRO 2 และ BackBeat 105 ความน่าสนใจของแต่ละรุ่นมีดังนี้ครับ
BackBeat PRO 2
รุ่นนี้นี่เป็นพระเอกของงานเลยก็ว่าได้นะสำหรับ BackBeat PRO 2 อัปเกรดใหม่จากรุ่นแรกคือ BackBeat PRO หูฟังแบบครอบหูให้อารมณ์คล้ายๆ กับ Beats ครับ มีการเปลี่ยนค่อยข้างหลายจุดเหมือนกันครับโดยจุดเด่นๆ คือ….. สวย งานดี :D
- หูฟังไร้สายมาพร้อมชิป Bluetooth Class 1 ที่รองรับการเชื่อมต่อสัญญาณได้ไกลสุด 100 เมตรเลยทีเดียว ถ้าเชื่อมต่อกับกับอุปกรณ์ส่งสัญญาณที่ใช้ชิป Bluetooth Class 1 เหมือนกันนะ ส่วนผมลองใช้กับ iPhone แล้วแหละ เดินห่างประมาณ 50-60 เมตร นี่ยังฟังเสียงได้สบายๆ เลยครับ
- ใช้งานต่อเนื่องนาน 24 ชั่วโมง
- Standby ได้นาน 21 วันในกรณีที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์และหากไม่ได้เชื่อมต่อจะสามารถอยู่ได้นานถึง 6 เดือนในโหมด Deep Sleep
- ถ้าแบตเตอรี่เสื่อมหรือเสียยังสามารถเสียบสายพาวเวอร์(Micro USB) เพื่อเปิดใช้งานหูฟังได้
- มี On Demand Active Noise-Cancellation (ANC) ตัดเสียงรอบข้างได้ จะเลือกเปิดหรือปิดก็ได้ตามใจ
- เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 เครื่องและเปิดเพลงจากเครื่องที่ฟังได้เลย หูฟังจะสลับให้เอง เช่น กำลังฟังเพลงจาก iPhone อยู่ แล้วเดินๆ ไปที่ MacBook แล้วเปิด YouTube บนเครื่อง MacBook เสียงนั้นก็จะสลับมารับจาก Mac แทนเลย โดยที่เราไม่ต้องกดเชื่อมต่อหรือเลือก Output ใหม่ เจ๋งดีครับ
- มีไมค์ในตัวสามารถโทรออก รับสายโทรศัพท์ได้
- มี Smart Sensor เพลงจะหยุดเล่นเมื่อถอดหูฟังออกและจะกลับมาเล่นใหม่เมื่อสวมหูฟัง
- ใช้งานกับสาย 3.5มม. (มีแถมมาให้ด้วย)
- น้ำหนักเบาลงว่ารุ่นที่แล้ว 15% พร้อมปรับดีไซด์ให้ขนาดลดลงประมาณ 35%
- รองรับการเชื่อมต่ออัติโนมัติผ่าน NFC สำหรับรุ่น SE เท่านั้น
ฟีเจอร์เยอะดีเมื่อเทียบกับราคาเปิดตัวขายที่ 7,890 บาท สำหรับหูฟังไร้สายระดับนี้ค่อนข้างน่าสนในทีเดียวครับ อีกอย่าง BackBeat PRO 2 นี่ออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานในทุกรูปแบบทั้งโหมดการทำงาน, โหมด Relax เดินทางท่องเที่ยวหรือโหมดวันสบายๆ แต่งตัวไปเดินห้างอะไรแบบนี้ รูปลักษณ์ถือว่าโอเคเลย
BackBeat PRO 2 มีให้เลือก 2 รุ่นคือ BackBeat PRO 2 สี Black Tan ราคา 7,890 บาท หาซื้อได้ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายชั้นนำและอีกรุ่นคือ BackBeat PRO 2 SE สี Graphite Gray ราคา 9,890 บาท จำหน่ายผ่านออนไลน์เท่านั้น
BackBeat 105
หูฟังไร้สายรุ่นนี้เป็นแบบคล้องคอครับขนาดค่อนข้างเล็ก น้ำหนักเบา ชุดหูฟังแบบ In-ear ที่เหมาะสำหรับการคุยงาน, ฟังเพลงและการออกกำลังกาย ฟีเจอร์หลักของ BackBeat 105 คือ
- ควบคุมการฟังเพลงและการโทรออกด้วยปุ่มเดียวกัน
- น้ำหนักเบาเพียง 29.3 กรัม
- ใช้งานทั้งฟังเพลงและสนทนาได้นานต่อเนื่อง 8 ชั่วโมงและเปิดเครื่องรอรับสายได้นาน 10 วัน
- เชื่อมต่ออุปกรณ์สูงสุดได้ 2 เครื่องพร้อมกัน (เหมือน BackBeat PRO 2)
- มีระบบแจ้งเตือนเมื่อมีสายเรียกเข้า
- มีระบบตัดเสียงรบกวนและลดเสียงสะท้อนช่วยให้การสนทนานั้นชัดเจน
- หูฟัง In-ear สามารถเปลี่ยนขนาดได้ มีให้เลือก 3 ขนาดได้แก่ S M และ L มีแถมมาให้
ราคาของรุ่นนี้อยู่ที่ 2,990 บาท
นอกจาก 2 รุ่นหลักก็ยังมี BackBeat FIT ฟูฟังแนวสปอร์ตเหมาะสำหรับการออกกำลังกายโดยเฉพาะ เปิดตัว 5 สีใหม่
มี Stealth Green, Power Blue, Sport Grey, Black Core และ Fit Fuchsia เป็นหูฟังสเตอริโอที่ได้รับมาตรฐาน IP57สามารถกันเหงื่อและความชื้นขณะออกกำลังกายได้ รุ่นนี้ฟังเพลงได้ต่อเนื่อง 6 ชั่วโมงและ Deep Sleep ได้นาน 180 วัน ใช้งานร่วมกับแอป MyHeadset ซึ่งจะแสดงแบตเตอรี่ที่หน้าจอ iPhone ได้
ราคา BacBeat FIT อยู่ที่ 4,690 บาท
ท่านใดสนใจทดสอบใช้งาน BackBeat PRO 2 และ BackBeat 105 รุ่นใหม่ล่าสุดและรุ่นอื่นๆ สามารถลองได้ที่บูธ Plantronics ที่งาน Thailand Mobile Expo 2017 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันที่ 9 – 12 กุมภาพันธ์ 2560 นี้