เมื่อสองวันก่อนมีโอกาสได้แฝงตัวไปร่วมงานเปิดตัว Galaxy Note 8 ร่วมกับ Blogger คนอื่นเขาในไทย ทีนี้ต้องยอมรับพอสมควรว่าสาวกโน๊ตยังคงเหนียวแน่นเหมือนเดิม และหลายคนที่ชะลอการซื้อ Note 7 (จากปัญหาระเบิด) ยิ่งทำให้ Note 8 เป็นที่หมายมองของใครหลายคนเข้าไปอีก ติดอยู่อย่างเดียวคือเรื่องราคาที่ยังไม่เปิดเผยในตอนนี้
Galaxy Note 8
จับครั้งแรกถึงกับตะลึงในความใหญ่ของหน้าจอ 6.3″ ทำเอาหน้าจอ iPhone 7 Plus ขนาด 5.5″ เล็กลงไปเลย จนต้องแอบเอาใส่กระเป๋าอย่างเงียบ ๆ ซึ่งขนาดจอนี้ถือว่าใหญ่ที่สุดในตระกูล Note หากไม่นับรวม Galaxy Note 8.0 (2013) ซึ่งชื่อมันซ้ำคล้ายกัน
หน้าจอไร้กรอบ หน้าจอขนาดใหญ่
ที่พอดีกับขนาดมือ
ถึงแม้ว่าหน้าจอจะใหญ่แต่ขอบจอบางมาก* ทำให้รู้สึกว่ามันไม่ได้ใหญ่เกินจริงเท่าไหร่ ซึ่งขนาดจอ 6.3″ เป็นการวัดจากมุมถึงมุมไม่นับรวมส่วนโค้ง ดังนั้นสัดส่วนหน้าจอที่ได้ก็คือขนาด 18.5:9 ซึ่งมันขัดต่อเนื้อหาหลายอย่างบนโลกใบนี้ที่เป็น 16:9
ถึงอย่างไรด้วยสัดส่วนหน้าจอที่เพิ่มเข้ามาทำให้ได้พื้นที่มากขึ้น หากเทียบกับรุ่นก่อนหน้าถือว่าได้พื้นที่เพิ่ม 14% เลยทีเดียว และมันจะมีประโยชน์เป็นอย่างมากในการดูเนื้อหา “แนวตั้ง” ที่แสดงผลได้มากกว่าเดิม หรือแม้กระทั่งการแบ่งสองหน้าจอที่เป็นจุดเด่นของ Samsung เองก็ตาม
*มีข่าวลือว่า Apple จะทำหน้าจอออกมาทำนองเดียวกัน
สเปคตัวเครื่อง
ปกติแล้วทาง Android รวมถึง Samsung เองก็ตามเน้นขายสเปคอยู่แล้ว และในครั้งนี้ก็มาแบบจัดหนักจัดเต็มเช่นเคย ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับสาวก iOS อย่างผมไม่เคยเน้นสเปคแต่พอได้เห็นแบบนี้แล้ว ก็ทำเอาลังเลใจไม่ใช่น้อย ส่วนประสิทธิภาพของ 10nm AP + 6GB RAM จะทำออกมาได้ดีแค่ไหนต้องรอชมกัน
ส่วนระบบซิมจะยังคงเป็น Dual SIM ชนิดแชร์ microSD เหมือนเดิม รวมถึงยังมาพร้อมกับมาตรฐานกันน้ำ IP68 แช่น้ำได้นาน 30 นาที ที่ระดับความลึก 1.5 เมตร (อันนี้ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่) ระแบบสแกนม่านตา Iris Scan ส่วนสแกนลายนิ้วมือยังคงไม่มีการฝังเซ็นเซอร์เอาไว้ภายในจอ
กล้องคู่
อันนี้เป็นอะไรที่ใหม่และสดสำหรับ Samsung ซึ่งถึงแม้ว่า Huawei หรือ Apple จะทำกล้องคู่มาก็ตาม แต่ดูเหมือนทาง Samsung จะยังยึดติดกับกล้องเดี่ยวที่มีคุณภาพดีไปเลย และในปีนี้ไม่เพียงแค่ Note 8 ที่จะเป็นกล้องคู่แต่ตระกูล J และ A ในอนาคตก็จะมาพร้อมกล้องคู่เช่นเดียวกัน (เพียงแต่ประสิทธิภาพต่ำกว่า)
กล้องคู่ความละเอียด 12MP ขนาด ขนาดพิกเซล 1.4µm และสว่างด้วย F1.7
การถ่ายก็จะใช้เทคนิคกล้องสองระยะถ่ายพร้อมกัน แล้วก็ช่วยให้ซูมได้แบบ Optical สองเท่า รวมถึงการ Live Focus ช่วยให้การถ่ายง่ายขึ้นเยอะ แต่เวลาถ่ายซูมแบบนี้ปัญหาที่เกิดคือ “กล้องสั่น” จึงมีการปิดจุดอ่อนด้วย Dual OIS ส่วนการใช้งานจริง ยังยอมรับว่าไม่ค่อยเห็นความต่างเท่าไหร่ ถ้าหากไม่ได้ใช้ระยะ Zoom
และเนื่องจากตัวผมเองไม่ได้มี Note 8 อยู่ในมือดังนั้นจึงขอใช้ภาพจาก Samsung แทนแล้วกันนะครับ ซึ่งงานที่ได้ออกมาก็ยังคงรายละเอียดไว้พอสมควร เวลาทำภาพชัดตื้นก็ไม่ค่อยหลอกตาเท่าไหร่เหมือน iPhone กับ Huawei เท่าไหร่
โดยรวมแล้วตัวเครื่องกว้าง 74.8 มม. ความหนา 162.5 มม. ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 195 กรัม พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C และยังคงมีพอร์ตหูฟัง (ฮา ~* อดแซวเลย) ส่วนช่องเสียบปากกาอันนี้พัฒนาแล้ว สามารถเสียบกลับด้านได้ไม่มีปัญหาแบบรุ่นก่อนหน้า
เรื่องกล้องคงไม่มีอะไรจะชมมากนัก เพราะเกือบทุกแบรนด์ก็พัฒนามาได้ค่อนข้างดี เกินความสามารถที่จะมองบนหน้าจอเล็ก ๆ ไปเยอะมากแล้ว ส่วนความเร็วในการโฟกัสก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร Dual Capture ค่อนข้างแปลกใหม่ แต่ส่วนตัวยังมองไม่เห็นประโยชน์อะไรมากนัก
Live Message
อันนี้เป็นลูกเล่นคล้ายกับ Digital Touch ในสมัยเปิดตัว iOS 10 ที่เป็นการวาดภาพเป็นอนิเมชั่นได้ หรือหากใครเคยเล่น Snapchat น่าจะคุ้นเคยกันดี การเอาฟีเจอร์นี้มาใช้ร่วมกับ S Pen เป็นอะไรที่สนุกมาก ส่วนไฟล์ที่ส่งเป็น .GIF รองรับหลายระบบ ซึ่งหากใครใช้ Note รุ่นเก่าก็น่าจะใช้ได้อยู่ที่ Samsung จะอัปเดต Software ให้หรือเปล่า
Dual Capture
อย่างที่บอกขั้นต้นว่ามันสามารถถ่ายได้สองระยะพร้อมกัน ซึ่งส่วนตัวยังไม่ค่อยเห็นประโยชน์เท่าไหร่ เนื่องจากเวลาถ่ายรูปส่วนใหญ่เราจะนึกภาพในหัวแล้วว่าต้องการอย่างไร (แถมต้องเหนื่อยมานั่งลบอีก) แต่ถ้าใครคิดไม่เหมือนผมอาจจะมองเห็นประโยชน์เวลาใช้มันก็ได้
Dual OIS
เป็นครั้งแรกของโลกสมาร์ทโฟนกล้องคู่ ที่มีระบบกันสั่นกล้องทั้งสองพร้อมกัน ยอมรับโดยตรงว่าทดสอบกับ iPhone 7 ที่เป็นระบบ OIS แบบปลอม แต่ก็ยังไม่ค่อยเห็นความต่างสักเท่าไหร่ (หรือผมอาจทดสอบได้ไม่ละเอียดพอ) ยังไงใครสนใจฟีเจอร์นี้ลองไปดูรีวิวอื่นประกอบแล้วกันนะครับ
*Dual OIS รองรับทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ
S Pen
ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ ครั้งนี้มาพร้อมกับหัวใหม่ขนาด 0.7 มม. (ขอเดิม 1.6 มม.) เส้นเล็กสะใจเก็บได้ทุกรายละเอียด รองรับแรงกด 4096 ระดับ วัสดุปากกาเป็นยางแข็งให้อารมณ์ความหนืดเล็กน้อยเวลาเขียน ส่วนนอกจากนั้นก็จะเป็นส่วนอัปเดตของ Software เสียมากกว่า และต่อไปนี้ก็คือตัวอย่างฟีเจอร์ที่ใช้งานได้
- ใช้ลายมือทำภาพเคลื่อนไหว
- เขียนหน้าจอโดยไม่ต้องเปิดเครื่อง
- ย่อหน้าต่าง
- ขยายวัตถุ
- แปลภาษา
นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มลูกเล่นอย่างการผสมสีและอื่น ๆ เข้ามาเพิ่มอีกมากมาย ทำให้ความน่าใช้ของ S Pen เพิ่มมากยิ่งขึ้น แถมยังได้หน้าจอขนาดใหญ่ยิ่งทำให้สะดวกมากขึ้นเข้าไปใหญ่ พื้นที่เพิ่มจากเดิม 14% ในขนาดเครื่องที่แทบไม่ต่างไปจากเดิม
https://youtu.be/OIqDDoCXu68
Bixby
ข่าวดีคือ Bixby จะเปิดตัวในประเทศไทยด้วยนั่นเอง ความล้ำของมันคือช่วยผู้ใช้งานให้ทำงานต่าง ๆ ได้อย่างเสร็จสมบูรณ์ สามารถบอกสิ่งที่เรากำลังดูอยู่ เรียนรู้พฤติกรรมประจำวัน รวมถึงทำได้อีกสารพัดอย่างซึ่งเราสามารถสั่งได้ละเอียดกว่า Siri เสียอีกและนี่คือตัวอย่างที่มันทำได้
- พูด : สั่งงานด้วยเสียง เช่น ปิดการแจ้งเตือน, เปลี่ยนสีปากกา, เปิดกล้อง, สั่งตั้งค่า, ฯลฯ
- เห็น : เรียนรู้วัตถุจากภาพ เช่น เปิดกล้องดูรองเท้าแล้วสั่งซื้อผ่านเน็ต, หาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว, แปลภาษา, ฯลฯ
- แนะนำ : อัปเดตข่าวสารที่คุณต้องรู้ (แต่ละเครื่องไม่เหมือนกัน) เรียนรู้จากพฤติกรรมผู้ใช้งาน เช่น รู้ว่าผู้ใช้งานจะเลิกงานเวลา 18.00 น. และนั่ง Uber เป็นประจำก็จะขึ้นปุ่มเรียกรอให้กดเลย
- เตือน : การเตือนปกติเราจะอ้างอิงเพียงแค่เวลา แต่ทาง Bixby ฉลาดกว่านั้นมีการใช้สถานที่อ้างอิงด้วย เช่น เตือนให้ฉันซื้อปากกาด้วยเมื่อถึงพารากอน
จากเดิมก็คือสะดวกอยู่แล้ว และจะสะดวกมากยิ่งขึ้นหาก Bixby รองรับภาษาไทย ซึ่งแนวคิดนี้จากเดิมที่คนต้องเรียนรู้คอมพิวเตอร์ กลายเป็นคอมพิวเตอร์ต้องเรียนรู้คนแทน และเมื่อทุกอย่างสมบูรณ์สมาร์ทโฟนก็จะมีความสมาร์ทสมชื่อ ทำอะไรได้กึ่งอัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องสั่งอะไรมาก
สรุป
สำหรับคนรัก Note ยังไงก็ต้องซื้อแน่นอน (เพราะรุ่นที่แล้วชะลอการซื้อไป) แต่สำหรับติ่ง iOS ถ้าเกิดไม่ได้มีความผูกพันธ์ไปกับ Eco System ของทาง Apple เท่าไหร่ก็น่าสนใจพอสมควร แต่ราคาทีนี้ก็ต้องยอมรับว่ามันอยู่มาตรฐานเดียวกับ Apple คือราคาไม่ถูกแน่นอน และจากที่วิเคราะห์กันก็น่าจะอยู่ราวสามหมื่นต้น
Note 8 ก็คือ S8 ที่เพิ่มกล้องคู่และปากกา
แต่ถึงอย่างไรคนที่ไม่รีบและสองจิตสองใจอาจรอ iPhone 8 (ที่เขาว่า) จะเปิดตัวยิ่งใหญ่และครั้งนี้จะเป็น iPhone ที่ดีที่สุด (อีกแล้ว) ซึ่งหากนับตามรอบการเปิดตัวคิดว่าครั้งนี้ Apple น่าจะมีอะไรใหม่ ๆ มายั่วเราพอสมควร แต่ถ้าใจคุณไม่คิดจะใช้ iOS อยู่แล้วก็ให้จัด Note 8 ไปได้เลย ส่วนใครใช้ S8 อาจมองว่าฟีเจอร์ภายในยังคงความคล้ายกัน
ในฐานะที่เป็นติ่ง iPhone ถ้าเครื่องดีไซน์ iPhone 8 ออกมาแบบนี้คือ “ชอบ” นะครับ จอใหญ่, ขอบจอเล็ก, มุมโค้ง นอกจากจะส่วนแพงดูดี มันยังช่วยให้เราใช้พื้นที่โดยรวมได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น (ส่วนปุ่ม Home และ Touch ID อันนี้อาจต้องว่ากันอีกที) และคาดว่าในเทรนด์ปี 2017 ก็คงมีอีกหลายแบรนด์ที่ทำดีไซน์นี้ออกมาเหมือนกัน
บทความนี้ไม่เป็นพื้นที่โฆษณา